×

รองโฆษก ตร. แจงขั้นตอนสอบสวน ส.ต.ท. หญิงทำร้ายทหารรับใช้ ไม่มีอภิสิทธิ์พิเศษ แจ้งข้อหาค้ามนุษย์ ใช้คนลักษณะคล้ายทาส

โดย THE STANDARD TEAM
23.08.2022
  • LOADING...
กฤษณะ พัฒนเจริญ

วันนี้ (23 สิงหาคม) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พ.ต.อ. กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รองโฆษก ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณี ส.ต.ท. หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม ผู้บังคับหมู่กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 1 ทำร้ายร่างกายอดีตทหารรับใช้หญิงที่จังหวัดราชบุรี ว่าประมาณต้นปี 2559 ผู้เสียหายและผู้ต้องหารู้จักกัน จากการสอบปากคำต้นปี 2564 เริ่มมีการทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเนื่องจากทำงานไม่ถูกใจ และต้นปี 2565 มีการทำร้ายร่างกายมากขึ้น จึงขอความช่วยเหลือจากพ่อแม่และน้าสาวให้พาไปพบตำรวจ

 

เจ้าหน้าที่ทำการสอบปากคำผู้เสียหายและพยาน คัดกรองแยกผู้เสียหายตามความผิดเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ลักษณะการค้าทาส มีการทำการตรวจค้นบ้านผู้ต้องหา ก่อนเข้ามอบตัวเพื่อเข้าสู้คดีดังกล่าว แจ้งข้อกล่าวหาเป็นข้าราชการกระทำความผิดค้ามนุษย์ บังคับใช้คนในลักษณะคล้ายทาส การทำร้ายร่างกายและจิตใจผู้อื่น ขณะนี้ผู้ต้องหาอยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

 

โดยในวันนี้มีการสอบปากคำแพทย์ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม กรณีที่ผู้ต้องหามีการอ้างว่าป่วยทางสภาพจิตใจ ส่วนการดำเนินการทางวินัย ทางกองบังคับการตำรวจสันติบาล 1 ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงแล้วตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา ดำเนินการควบคู่ทางคดีอาญา โดยผู้ต้องหาไม่ได้มารายงานตัวตามระเบียบเมื่อต้องคดีอาญา เนื่องจากถูกคุมขังที่เรือนจำกลางจังหวัดราชบุรี

 

ส่วนกรณีตำรวจหญิงเข้ารับราชการอายุ 39 ปีนั้น พ.ต.อ. กฤษณะกล่าวว่า ผู้ต้องหาเข้ารับราชการตำรวจปี 2560 ใช้วุฒิประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ด้านบัญชี ย้ายมาที่สันติบาลเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565 โดยสำนักงานงบประมาณและการเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สงป.ตร.) พิจารณาผู้มีคุณสมบัติตามวุฒิขาดแคลน ถึงมีการระบุว่าผู้เข้ารับราชการต้องอายุไม่เกิน 35 ปี แต่มีข้อยกเว้นตามกฎของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) สามารถดำเนินการได้ แต่จะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า มีการดำเนินการรับเข้ารับราชการถูกต้องตามขั้นตอนหรือไม่

 

“ส่วนที่การตั้งข้อสังเกตว่าผู้ต้องหามีอภิสิทธิ์เหนือผู้อื่นนั้น ยืนยันว่าอยู่ที่ดุลยพินิจของตำรวจ ที่มีอำนาจยืนยันว่าดำเนินการตามมาตรฐานเดียวกันตามกรอบกฎหมาย ไม่มีอภิสิทธิ์เหนือใคร เป็นข้าราชการต้องคดีต้องรับโทษมากกว่าคนทั่วไป กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องการกระทำผิดส่วนตัว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดภาพรวมทั้งหมดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ” พ.ต.อ. กฤษณะกล่าว

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising