×

พสกนิกรไทยในโรมาเนียรำลึกถึงในหลวงรัชกาลที่ 9

27.10.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

6 Mins. Read
  • ปวงชนชาวไทยที่พำนักอาศัยอยู่ในกรุงบูคาเรสต์ เมืองหลวงของประเทศโรมาเนีย แม้จะอยู่ห่างไปอีกซีกหนึ่งของโลก แต่ต่างก็พร้อมใจกันเดินทางมาร่วมงานถวายความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ซึ่งจัดขึ้นที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบูคาเรสต์ โดยมาร่วมลงทะเบียนจิตอาสาในวันงานพระราชพิธีฯ เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของรัชกาลที่ 9

     แม้ชื่อของ ‘โรมาเนีย’ จะฟังดูช่างหนาวเย็น ห่างไกล แต่ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและโรมาเนียก็ถือกำเนิดขึ้นในปี 2516 โดยโรมาเนียได้เปิดสถานเอกอัครราชทูตในกรุงเทพมหานครเมื่อปี 2519 และไทยเองก็เปิดสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบูคาเรสต์ เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2523 นับแต่นั้นมา โรมาเนียได้เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย โดยความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศเป็นไปด้วยความราบรื่นตลอดมา

     และตลอดระยะเวลาความสัมพันธ์อันดีนี้ แม้จะไม่ใช่เวลาหลักร้อยปีเท่ากับเพื่อนบ้านอย่างฮังการี แต่ยังมีชาวไทยกลุ่มหนึ่งราว 50 คน (จากการรายงานของสถานกงสุลไทยในปี 2555) ที่จากบ้านเกิดไปใช้ชีวิตอาศัยอยู่ในกรุงบูคาเรสต์

     พวกเขาพร้อมใจเดินทางมาร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดยมีข้าราชการ เจ้าหน้าที่สถานทูต ชุมชนคนไทย รวมถึงนักศึกษาและแม่บ้าน พร้อมใจกันเข้าร่วมลงทะเบียนเป็นอาสาสมัครเพื่อเป็นการทำดีถวายพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 ผู้เป็นที่รักเป็นครั้งสุดท้าย

 

 

“จะพยายามหมั่นทำความดีและดำเนินรอยตามที่พระองค์ตรัสไว้ให้ดีที่สุด”

     “ดิฉันเป็นคนไทยที่อาศัยอยู่ในโรมาเนีย วันนี้มาร่วมงานพระราชพิธีฯ ที่สถานทูตไทยในประเทศโรมาเนีย รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เกิดมาเป็นคนไทยใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของในหลวงรัชกาลที่ 9

     “ฉันจะพยายามหมั่นทำความดีและดำเนินรอยตามสิ่งที่พระองค์ทรงสอนและตรัสเอาไว้ และตั้งใจทำให้ดีที่สุดเท่าที่คนคนหนึ่งจะทำได้”

พรนภา มาชัย, แม่บ้าน

 

 

“หนูจะสืบสานและดำเนินรอยตามพระราชดำรัสของพระองค์ต่อไป”

     “รู้สึกใจหายค่ะ แต่เนื่องด้วยเราอยู่ไกล เลยไม่มีโอกาสไปกราบพระบรมศพของพระองค์ด้วยตัวเอง แต่รู้สึกซาบซึ้งทุกครั้งที่เห็นคนไทยมีน้ำใจและช่วยเหลือซึ่งกันและกันตลอด 1 ปีที่ผ่านมา เพราะทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน คืออยากจะแสดงความรักและความเคารพต่อพระองค์ รู้สึกยินดีที่ได้มีโอกาสวางดอกไม้จันทน์เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีและถวายความอาลัยแด่พระองค์ แม้จะเป็นที่สถานทูตก็ยังดี

     “ในรุ่นของหนู แม้จะไม่ได้เห็นพระราชกรณียกิจด้วยตัวเองโดยตรง แต่ได้รับรู้และได้ยินเรื่องเล่าจากปากผู้ใหญ่ที่บอกต่อกันมาตลอด ทั้งผ่านการเรียน การทำรายงาน ตอนอยู่ประถมก็ทำโครงการเกี่ยวกับฝนเทียมที่พระองค์ทรงมีพระราชดำริขึ้นเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในช่วงที่แห้งแล้ง ทำให้เราเห็นถึงความรักและความเมตตาที่พระองค์มีต่อประชาชนค่ะ

     “หนูรู้สึกดีใจและภูมิใจที่ได้เกิดมาในแผ่นดินของรัชกาลที่ 9 และต่อจากนี้ไป หนูจะสืบสานและดำเนินรอยตามพระราชดำรัสของพระองค์ต่อไป”

ปัญญรัตน์ ปัญญาสหะชาติ, นักศึกษาแพทย์ ปี 3

 

 

“อยากให้ลูกของเราเติบโตโดยสืบสานวัฒนธรรรมไทยและดำเนินรอยตามสิ่งดีๆ ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำรัสไว้สืบไป”

     “ดีใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกคนหนึ่งของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 ตั้งแต่เกิดมาเราก็เห็นพระองค์ทรงงานหนักมาตลอดเพื่อราษฎรไทย ซึ่งเราก็ติดตามพระราชกรณีกิจของพระองค์มาตลอด ตอนนี้ก็ถึงวันพระราชพิธีฯ แล้ว รู้สึกเศร้าและเสียใจที่ต้องยอมรับว่าพระองค์จากไปแล้ว เพราะพระองค์คือพ่อหลวงของเรา และเป็นดวงใจของคนไทยทั้งประเทศไม่ว่าจะไปอยู่ที่ใด

     “ในฐานะที่เรามีลูก อยากสอนให้ลูกเรียนรู้และประพฤติตนเป็นแบบอย่าง ดังที่พระองค์ได้ทรงสอนและแสดงให้พวกเราเห็นทั้งชีวิต เช่น เรื่องการอยู่อย่างพอเพียง เรื่องมารยาท และความเป็นไทย แม้จะอยู่ต่างแดน แต่เราอยากให้ลูกของเราเติบโตโดยสืบสานวัฒนธรรมไทยและดำเนินรอยตามสิ่งดีๆ ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำรัสไว้สืบต่อไป”

นาตญาณี คีโรวิค, แม่บ้าน

 

 

“บ้านผมอยู่หัวหิน น้ำป่าเคยไหลท่วมเข้าไปในบ้าน แต่แล้วก็ไม่เคยท่วมอีกเลย เพราะถัดจากคลองชลประทานไปคือโครงการแก้มลิงในพระราชดำริของพระองค์”

     “ตอนที่กลับไปเมืองไทยช่วงหน้าร้อนครั้งล่าสุด ผมได้เห็นว่าคนไทยทุกคนทุ่มเทแรงใจเพื่อไปกราบพระบรมศพเป็นครั้งสุดท้าย ผมสัมผัสได้ถึงความเศร้าโศกของแผ่นดินไทย

     “ผมรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 และมีประสบการณ์โดยตรงกับพระราชกรณียกิจของพระองค์

     “ตอนนั้นผมยังเด็กอยู่ ยังไม่รู้เรื่องอะไรมาก แต่บ้านผมอยู่ที่หัวหิน จำได้ว่าน้ำป่าไหลท่วมเข้าไปในบ้าน ระดับน้ำสูงเท่าเอวเด็กคนหนึ่งอย่างผม แต่ข้างหลังบ้านมีคลองชลประทานอยู่ น้ำจึงหายท่วมในเวลาเพียงไม่กี่วัน และเท่าที่ผมพอจำความได้ หลังจากนั้นน้ำไม่เคยท่วมอีกเลยครับ เพราะถัดจากคลองชลประทานหลังบ้านคือโครงการในพระราชดำริ โครงการแก้มลิงของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งช่วยให้ถนนทั้งสายที่ผมอยู่ไม่เคยน้ำท่วมอีกเลย โตมาผมถึงเข้าใจว่าทำไมบ้านเราน้ำถึงไม่ท่วมเหมือนแต่ก่อนแล้ว

     “ผมจากบ้านมาเรียนที่บูคาเรสต์ ซึ่งไกลบ้านก็จริง แต่เราอยากเล่าเรียนให้จบเพื่อกลับไปเป็นหมอที่เมืองไทย หวังว่าผมจะได้กลับไปช่วยเหลือผู้คนบ้าง และหากเป็นไปได้ ผมยังมีความฝันอยากเป็นนักพัฒนาที่ดินโดยมีพระองค์ทรงเป็นแบบอย่าง แม้จะเป็นสิ่งที่ท้าทาย แต่เป็นสิ่งที่เกิดประโยชน์มหาศาลกับคนมากมาย”

อธิติ จันตะนัง, นักศึกษาแพทย์ ปี 3

 

 

“รู้สึกใจหาย เพราะเราจะไม่ได้เห็นภาพของพระองค์บนป้ายต่างๆ เหมือนเดิมอีกแล้ว”

     “ดิฉันอยู่โรมาเนียมาหลายปีแล้ว และมีลูกสาวลูกครึ่งหนึ่งคน ฉันมีความรู้สึกภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย และเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสมาเป็นส่วนหนึ่งของงานพระราชพิธีฯ เพราะปกติเราไม่ได้อยู่โรมาเนียบ่อย เนื่องจากต้องเดินทางไปทำงานเสียเยอะ แต่เนื่องด้วยเป็นพระราชพิธีฯ ที่สำคัญ ถือเป็นครั้งหนึ่งในชีวิต เราเลยอยากมาอยู่ที่นี่ เพราะในหลวงรัชกาลที่ 9 ของเราทรงเป็นแบบอย่าง และเป็นผู้นำที่เป็นที่นับถือขนาดที่คนทั่วโลกยังรู้จักไปทั่ว

     “เรารู้สึกว่าพระราชพิธีฯ ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้บอกลาพระองค์อย่างเป็นทางการ รู้สึกใจหาย เพราะเราจะไม่ได้เห็นภาพของพระองค์บนป้ายต่างๆ เหมือนเดิมอีกแล้ว แต่ยังรู้สึกดีใจที่เรายังได้มาอยู่ตรงนี้

     “ดิฉันอยากดำเนินชีวิตด้วยการสืบสานพระราชกรณียกิจที่พระองค์ทรงมีพระราชดำรัสไว้ โดยเฉพาะเรื่องความพอเพียง ให้รู้สึกภูมิใจและพอใจในสิ่งที่เรามี รู้จักประหยัดอดออมในการเรื่องใช้จ่าย นี่คือสิ่งที่ดิฉันอยากสอนลูกต่อไป”

รมิดา มาเตอิ, แม่บ้าน

 

 

“ตลอด 1 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ทำให้คนไทยหลอมรวมใจเป็นหนึ่งเดียว สะท้อนและปลุกจิตสำนึกในตัวเองว่า ‘มีอะไรที่เราทำได้อีกบ้างเพื่อประเทศ?’ ”

     “ตอนที่รู้ข่าวกำลังนั่งเรียนอยู่ในห้อง ตอนนั้นเรารู้สึกว่ามันไม่จริง ไม่น่าเชื่อ เราก็เลยเช็กข่าวว่านี่เป็นเรื่องจริงใช่ไหม ตอนที่รับรู้ว่าจริง ใจเราหายวูบ เพราะตั้งแต่เกิดมา เรารู้จักพระองค์ผ่านการชมข่าวในพระราชสำนัก และเวลาเกิดเหตุขัดแย้งในบ้านเมือง เราก็มักจะเห็นพระองค์ทรงมีพระราชดำรัสให้นึกความรู้รักสามัคคี ช่วยให้รู้สึกสงบร่มเย็นใต้พระบรมโพธิสมภาร ประชาชนอย่างเรารู้สึกอุ่นใจ ซึ่งคงไม่รู้สึกเช่นนั้นหากไม่มีพระบารมีของพระองค์

     “สิ่งที่เราประทับใจไม่ลืมคือระยะทางที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปยังชนบทต่างๆ ที่น้อยคนนักที่จะไปปักหมุดเดินทางไปที่เหล่านั้น ณ ขณะนั้น มันทำให้เราเห็นว่านี่เป็นความใส่ใจของพระองค์ ในสถานที่ที่ยังไม่มีชื่อ พระองค์ก็พระราชทานชื่อให้ ไม่มีใครเคยทำแบบที่พระองค์ทรงทำ

     “พันธะสัญญาที่พระองค์มีต่อประเทศไทยช่างยิ่งใหญ่ เคยอ่านเจอว่าพระองค์ทรงมีพระราชปณิธานว่า ‘จะไม่เสด็จออกจากประเทศไทยอีก หากประชาชนของพระองค์ยังทุกข์ยากลำบาก’ นี่คือคำสัญญาที่ยิ่งใหญ่ของพระมหากษัตริย์ที่พระองค์ไม่จำเป็นต้องทรงทำก็ได้ แต่ก็ทรงทำเพราะทรงรักราษฎรของพระองค์

     “ตลอดปีที่ผ่านมาเป็นเหมือนช่วงเวลาที่ทำให้คนไทยหลอมรวมใจกันเป็นหนึ่งเดียว สะท้อนและปลุกจิตสำนึกในตัวเองว่า ‘มีอะไรที่เราทำได้อีกบ้างเพื่อประเทศ?’ มั่นใจว่าอย่างน้อยเราต้องมีในใจสักอย่าง ส่วนตัวเราเองสนใจเรื่อง Sustainable Developable Goal ที่เป็นเป้าหมายที่ UN ตั้งเพื่อช่วยเปลี่ยนแปลงโลกนี้ให้ดีขึ้นมานานแล้ว มันอาจฟังดูไม่เกี่ยวข้อง แต่จริงๆ แล้วพระราชกรณียกิจที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงคิดขึ้นมานั้นเป็นสิ่งที่ UN เห็นคุณค่าและยกย่อง นี่คือเป้าหมายที่เราสามารถทำร่วมกันได้ โดย UN ตั้งใจทำให้สำเร็จภายในปี 2030 ส่วนตัวเราที่อยู่ในสภานักเรียนของที่นี่ เราตั้งใจจะนำหนึ่งในเป้าหมายนี้ไปพัฒนาต่อไป โดยคิดว่าเราสามารถพัฒนาประเทศของเราได้”

ณัฐชลัยกร ศิริจำรูญวิทย์, นักศึกษาแพทย์ ปี 4

 

 

“ทุกความดีที่ทำที่เกิดจากพระบรมราโชวาท เราขอถวายความดีนี้ให้แก่พระองค์ ไม่ว่าพระองค์จะทรงประทับอยู่ที่แห่งใดก็ตาม”

     “เป็นเรื่องเลี่ยงไม่ได้ที่เราจะรู้สึกเสียใจเมื่องานพระราชพิธีฯ มาถึงแล้ว เราได้กลับไทยในช่วงปิดเทอมสั้นๆ แต่ไม่ได้มีโอกาสไปกราบพระบรมศพเลย เนื่องจากเราเองจัดสรรเวลาไม่ดี และด้วยวัย เราเลยไม่ค่อยได้เห็นพระองค์ทรงงานด้วยพระองค์เอง เนื่องจากทรงมีพระชนมพรรษาที่มากขึ้น

     “แต่ถึงอย่างนั้นเราก็รับรู้ว่าพระองค์ทรงรักประชาชนสุดหัวใจ สังเกตได้จากพระราชวังของพระองค์ เราเคยมีโอกาสได้เข้าไปเยี่ยมชมตอนยังเด็กๆ ที่ไปทัศนศึกษา ทำให้ได้เห็นว่าพระราชวังของพระองค์ไม่ได้โอ่อ่าหรูหราดังพระราชวังแวร์ซายส์ที่เราคิดเลย ภายในกลับเต็มไปด้วยอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับโครงการหลวงและศูนย์วิจัยเพื่อพัฒนาต่างๆ มากมาย พระองค์ทรงทำขึ้นเพื่อให้ประชาชนไทยอยู่อย่างสุขสบายและไม่อดอยาก สมดังที่โลกรู้จักพระองค์ในฐานะ ‘กษัตริย์นักพัฒนา’ เช่น โครงการนมอัดเม็ดที่เป็นการแปรรูปผลิตภัณฑ์ของเกษตรกรที่ตอนเด็กๆ เราชอบกิน

     “เราเคยเห็นพระองค์ในทีวีเมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินไปยังถิ่นทุรกันดารต่างๆ พระองค์จะทรงประทับนั่งลงกับพื้นแล้วทรงมีพระราชดำรัสกับประชาชนว่าเป็นอยู่อย่างไร โดยไม่ทรงถือพระองค์และไม่ทรงอายที่จะทำเช่นนั้น สิ่งที่พระองค์ทรงทำนั้นยิ่งใหญ่ เรารู้สึกภูมิใจที่ได้เกิดมาใต้ร่มพระโพธิสมภารของในหลวงรัชกาลที่ 9 และถึงแม้ว่าจะไม่มีโอกาสได้ไปกราบลาพระองค์แล้ว แต่เราจะดำเนินชีวิตตามแนวพระราชดำริและพระบรมราโชวาทของพระองค์ ทุกความดีที่ทำที่เกิดจากพระบรมราโชวาท เราขอถวายความดีนี้ให้แก่พระองค์ ไม่ว่าพระองค์จะทรงประทับอยู่ ณ ที่แห่งใดก็ตาม”

ศันสนีย์ เกียรติวิศาลชัย, นักศึกษาแพทย์ ปี 4

 

ขอขอบคุณ: ร่มเกล้า ทรัพยะโตษก, เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบูคาเรสต์

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising