ความเคลื่อนไหวของ Burger King ในช่วงหลังๆ ที่ผ่านมาคือ การเข้าถึงคนไทยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการออกเมนูแบบไทยๆ ไปจนถึงการย้ำความแตกต่างจากคู่แข่งด้วยการบอกว่า เนื้อที่อยู่ในเบอร์เกอร์ของตัวเองนั้น ‘ย่างบนเปลวไฟ’ แต่แคมเปญความปังของ Real Cheese Burger ที่เป็นกระแสไปทั่วโลกทำให้ต่อจากนี้ Burger King อยากให้คนไทยรู้จักในนาม King of Cheese เพิ่มขึ้นด้วย
“เรามีความเชื่อว่า เบอร์เกอร์ที่อร่อยที่สุดสำหรับลูกค้าแต่ละคนคือ เบอร์เกอร์ที่ลูกค้าสามารถเลือกปรับสัดส่วนของส่วนประกอบ (ซอส, ผัก, เพิ่มเนื้อ หรือเพิ่มชีส) เองได้” Burger King กล่าว
แม้จะมีความเชื่อแบบนั้น แต่ในทางปฏิบัติจริงกลับพบว่า ไม่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคหมู่มากได้ จึงต้องมาคิดใหม่ ทำใหม่ และหาวิธีการพูดในรูปแบบสุดโต่งในแบบฉบับของ Burger King ด้วยการ ‘Deconstruct’ ส่วนประกอบแล้วพูดถึงมัน ‘ทีละอย่าง’ พร้อมใส่ความยียวนกวนผู้บริโภคลงไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ส่อง 3 กลยุทธ์แบรนดิ้ง Burger King ประเทศไทย สู่การสร้างไวรัลจากอินไซต์ผู้บริโภค
- จาก DNA ความเกรียนของ Burger King สู่ ‘เบอร์เกอร์ชีส 20 แผ่น’ ยอดขายทะลุเป้า 700-800%
- ‘The Real Cheeseburger’ ที่มีเพียงชีส 20 แผ่นจุกๆ จาก Burger King บทพิสูจน์หมากรบทางการตลาด
เป็นที่มาของ The Real Cheese Burger ที่มีเพียงชีส 20 แผ่นจุกๆ กับขนมปังที่ย้ำว่า ‘ไม่ขายขำ นี่ขายจริง!’ จนสร้างไวรัลไปทั่วโลก ซึ่ง “เมนูนี้มาจากอินไซต์ของคนไทยที่ว่าชอบชีสเป็นอย่างมาก เมื่อบวกกับความเกรียนที่มีไม่แพ้กันของทีมงานเลยออกมาเป็นอย่างที่เห็น” ธนวรรธ ดำเนินทอง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เบอร์เกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เคยบอกกับ THE STANDARD WEALTH
เมื่อปรากฏการณ์ Real Cheese Burger ซึ่งสร้างยอดขายเกินกว่าที่เราวางไว้ 700-800% ต่อด้วย Real Meat Burger เบอร์เกอร์เนื้อ 100 ชิ้น ที่สร้างกระแสไวรัลบนโลกออนไลน์ไปทั่วประเทศ ซึ่งแคมเปญดังกล่าวส่งผลให้ยอดเอ็นเกจเมนต์บนเฟซบุ๊กแฟนเพจเพิ่มขึ้นกว่า 3,000%
และทำให้สามารถขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ได้เพิ่มขึ้น 50% รวมถึงยอดการลงทะเบียนในแอปพลิเคชันเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า และสร้างยอดขายนิวไฮในช่วงระยะเวลาที่ออกแคมเปญให้เพิ่มขึ้นกว่า 20%
“นอกจากลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นแล้ว การที่เราหยิบส่วนประกอบทีละอย่างออกมาพูดพร้อมกับใส่ความเกรียนเข้าไปก็ได้ผลดีด้วย เพราะเราพบว่า จากเมนูที่ไม่มีชีส ลูกค้าก็ได้สั่งให้ใส่ชีสเข้าไปคิดเป็นสัดส่วนกว่า 30%” Burger King กล่าว “ดังนั้นจากนี้เราจึงอยากให้คนไทยรู้จักเราในฐานะ King of Cheese ด้วย”
Burger King ยอมรับว่า การจะสร้างปรากฏการณ์ Real Cheese Burger อีกครั้งเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่เพื่อสร้างภาพจำในฐานะ King of Cheese จึงต้องสร้างแคมเปญออกมาเพื่อหล่อเลี้ยงภาพจำ อย่างล่าสุดคือ ‘โฟร์ชีสเลิฟเวอร์’ โดยการนำเอาชีสถึง 4 สัญชาติมาประกอบเป็นเบอร์เกอร์ 1 ชิ้น โดยแคมเปญนี้จะจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ – 30 เมษายน 2567
“เราคาดหวังว่าตลอดช่วงแคมเปญดังกล่าวจะกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มขึ้น 2 ดิจิเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว”
ตัวเลขล่าสุด Burger King มีสาขาอยู่ที่ราว 123 แห่งทั่วไทย มียอดขายเฉลี่ยต่อบิลที่ 290 บาท แต่หากสั่งในเดลิเวอรีจะเพิ่มขึ้นเป็น 320-350 บาท ลูกค้าทั่วไปจะเดินเข้ามาที่ร้านเฉลี่ย 2 ครั้งต่อเดือน แต่ถ้าเป็นแฟนพันธุ์แท้จะเพิ่มขึ้นเป็น 4 ครั้ง
ในช่วงก่อนโควิด ยอดขายเบอร์เกอร์คิดเป็นสัดส่วน 70-80% แต่ตอนนี้ลดลง 65-70% ในใจของ Burger King นั้นอยากเพิ่มสัดส่วนยอดขายที่ไม่ใช่เบอร์เกอร์เป็น 40% เพราะจะสะท้อนถึงความหลากหลายของลูกค้าที่เดินเข้าร้าน
