จงกั๋ว เจียโหยว
(จีนสู้ๆ)
จงกั๋ว เจียโหยว
(จีนสู้ๆ)
เสียงเชียร์จากกองเชียร์เจ้าภาพดังกระหึ่มทั่วสนามในศูนย์กีฬาหลินอัน หางโจว ประเทศจีน ที่วันนั้นใช้สำหรับการแข่งขันเทควันโด เหล่านักกีฬาทยอยลงแข่งขันจากรอบ 32 คน รอบ 16 คน รอบ 8 คน รอบรองชนะเลิศ จนไปถึงแมตช์ตัดสินเหรียญทอง
เทนนิส-พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักกีฬาตัวแทนจากประเทศไทย เดินผ่านหน้าพวกเราไปพร้อมกับรอยยิ้ม และโบกมือให้กับเรา กลุ่มนักข่าวและช่างภาพจากประเทศไทย เพื่อเป็นการบ่งบอกว่าพร้อมแล้วสำหรับรอบชิงชนะเลิศ ที่จะต้องเข้าไปพบกับนักกีฬาเจ้าภาพ
ขณะที่ด้านนอกมีกลุ่มคนสำคัญที่ยังไม่สามารถเข้ามายังสนามได้ เนื่องจากไม่มีตั๋วเข้าชมการแข่งขัน หลังจากตั๋วถูกขายหมด เพราะนักกีฬาเจ้าภาพลงแข่งขันและมีลุ้นเหรียญทอง
เวลาเดินขนานกันไป ทั้งในและนอกสนาม ด้านนอกเป็นการต่อสู้เพื่อการเข้าไปส่งกำลังใจในสนาม ด้านในเทนนิสกำลังก้าวลงสู่สนามเพื่อแข่งขันรอบชิงชนะเลิศเอเชียนเกมส์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะวางมือในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ที่กรุงปารีสในปี 2024
เทนนิสลงสนามแข่งขันพบกับ กั๊วจิง นักกีฬาจากประเทศจีน
เสียงเชียร์ยังคงดังสนั่นในสนาม แต่เกือบทั้งหมดนั้นส่งไปยังนักกีฬาเจ้าภาพ
เริ่มต้นยกแรก เทนนิสทำได้ดีกว่า เอาชนะไปได้ 1-0 ยก ก่อนที่จะโดนนักกีฬาเจ้าภาพจากจีนตีเสมอได้
มาในยกตัดสินสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น
เมื่อจังหวะที่นักกีฬาเจ้าภาพที่นำไปก่อน 6-0 แต่อยู่ดีๆ เลข 6-0 ก็กระโดดเป็น 23-0
เทนนิสเห็นสกอร์ดังกล่าวก็รู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ
โค้ชเช-ชัชชัย เช เฮดโค้ชคู่ใจเทนนิส ก็ลุกขึ้นโวยทันที เกมหยุดลง นักกีฬาทั้งสองต่างมึนงงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
สีหน้าของเทนนิสเริ่มเปลี่ยน จากที่โฟกัสกับการแข่งขัน ตาของเทนนิสเริ่มแดง น้ำตาเริ่มไหลออกมา
“หนูไม่คิดว่าจะทำได้ เพราะแต้มโดนนำไป 23-0 แล้ว ตอนแรกหนูพูดในใจว่ามันเป็นเอเชียนเกมส์ที่เลวร้ายที่สุดแล้วที่เจอเจ้าภาพทำแบบนี้”
เทนนิสเล่าถึงสิ่งที่เธอคิดอยู่ในเวลานั้น
โค้ชเช ชัชชัย เริ่มหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ จนขว้างเสื้อโค้ชทิ้ง และโวยกรรมการและเจ้าหน้าที่ของการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง
เช่นเดียวกับสื่อมวลชนไทยที่ตะโกนแสดงความไม่พอใจกับการแข่งขันแบบนี้
ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ได้เดินไปคุยกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการแข่งขัน
เสียงรบกวนสมาธิทุกอย่างเกิดขึ้นพร้อมกันต่อหน้าเทนนิสที่หน้าตาเต็มไปด้วยความเสียใจและผิดหวังที่ต้องมาเจอกับสถานการณ์แบบนี้
แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เมื่อฝ่ายจัดยอมรับว่ามีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น เทนนิสได้กลับไปเปลี่ยนเกราะ หน้าของเทนนิสเปลี่ยนจากคนที่เศร้าเสียใจเป็นคนที่มีสายตามุ่งมั่นขึ้น
“ตอนที่ออกไปเปลี่ยนเกราะเหลือเวลาอีก 1 นาที หนูก็บอกตัวเองว่าจะทำให้เต็มที่ เตะเป็น 10 แต้มในเวลาน้อยกว่านี้ก็ทำมาแล้ว ขอทำให้เต็มที่ก่อน ถ้าจะแพ้ก็ช่างแม่ง
“มันเป็นเอเชียนเกมส์ครั้งสุดท้ายของหนู หนูปิดจ็อบได้อย่างสมบูรณ์แบบ” คือสิ่งที่เทนนิสเปิดเผยภายหลังถึงความคิดของเธอในตอนนั้น
แต่เหมือนกับในหนังสือ The Alchemist ของ เปาโล โคเอโย ที่กล่าวว่า
“เมื่อคนคนหนึ่งปรารถนาสิ่งใดอย่างแท้จริงหรือหวังสิ่งใดอย่างแน่วแน่ จักรวาลทั้งมวลจะช่วยกันทำให้เป็นจริง ร่วมกันช่วยให้เขาบรรลุความฝันนั้น”
เสียงของจักรวาลก็ตอบรับความต้องการปิดจ็อบได้อย่างสมบูรณ์แบบของเทนนิส ด้วยจังหวะที่ครอบครัวของเธอได้ตั๋วจากแฟนกีฬาชาวจีนให้เข้ามาถึง พร้อมกับพี่ชายเทนนิสที่ตะโกนเปล่งเสียงไปถึงเทนนิสที่กลางสนามว่า พี่มาแล้ว พ่อมาแล้ว
เทนนิสเปิดเผยว่า วินาทีที่ได้ยินเสียงนั้น เธอรู้ว่าเธอไม่ได้อยู่คนเดียวในการต่อสู้ครั้งนี้ แต่มีทั้งเสียงของครอบครัวและแฟนกีฬาอีกหลายคนในสนามที่ร่วมใจเชียร์เธออย่างเต็มที่
และจากคะแนน 23-0 กลายเป็น 6-0 เพื่อเริ่มต้นใหม่ในช่วงเวลา 1 นาที 8 วินาทีที่เหลือ
เทนนิสทำตามความคิด ช่างแม่ง ขอทำให้เต็มที่
สกอร์จากตามหลัง 0-6 เทนนิสบุกไล่เตะจนกลับมาชนะไปได้ 12-9 คะแนน
หมดเวลาการแข่งขัน เทนนิสเอาชนะการแข่งขันที่ยากลำบากที่สุดในชีวิต และกลายเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของวงการกีฬาเอเชียนเกมส์ ด้วยการคว้าเหรียญทองในรูปแบบที่ไม่น่าจะเคยเกิดขึ้นมาก่อน
แน่นอนว่าทักษะและความสามารถของเทนนิสอยู่ในระดับสูงสุดของโลกอย่างไม่ข้อสงสัย ด้วยการคว้าเหรียญทองโอลิมปิก เอเชียนเกมส์ 2 สมัย และอีกหลายรายการระดับโลก
แต่สิ่งที่น่ายกย่องที่สุดคือทัศนคติในการรับมือกับสถานการณ์เฉพาะหน้าที่เทนนิสสามารถมองความสำคัญของ The Power of Now หรือพลังของสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้
เพราะในอดีตที่เธอโดนปรับคะแนนให้ทิ้งห่างไป 23-0 ได้ผ่านไปแล้ว ความเศร้าเสียใจและน้ำตาที่เธอได้ร้องไห้ออกมาระหว่างการประท้วงที่วุ่นวายได้ผ่านไปแล้ว ทุกอย่างไม่ได้มีความสำคัญต่อเป้าหมายและอนาคตที่เธอต้องการ
เพราะเธอต้องการเพียงสิ่งเดียวคือชัยชนะในวันนั้น
“เหลือแค่เวลา 1 นาที 8 วินาที ชะตาชีวิตของหนูกับการปิดจ็อบเอเชียนเกมส์ครั้งสุดท้าย และขออย่างเดียวคือ ขอทำให้เต็มที่ก่อน หนูก็ใส่สุดเท่าที่คนคนหนึ่งจะทำได้แล้ว” เทนนิสเล่าย้อนถึงความรู้สึกในวันนั้น
มาร์กุส ออเรลิอุส จักรพรรดิโรมันยอดนักปรัชญา เคยกล่าวถึงการโฟกัสที่ปัจจุบัน หรือการอยู่กับตอนนี้ (Now) ไว้ว่า
“ไม่มีใครสามารถสูญเสียอดีตหรืออนาคต เพราะใครกันที่สามารถเป็นเจ้าของสิ่งที่ไม่ได้มีอยู่ มีเพียงสิ่งเดียวที่มีอยู่จริงคือปัจจุบัน ที่สามารถคงอยู่หรือสูญไป และถ้านั่นคือสิ่งเดียวที่เขามี เขาจะไม่มีทางสูญเสียสิ่งที่ไม่มีอยู่”
“No one can lose either the past or the future – how could anyone be deprived of what he does not possess? …It is only the present moment of which either stands to be deprived: and if this is all he has, he cannot lose what he does not have.”
ในการสัมภาษณ์ร่วมกับสื่อบนใบหน้าของเทนนิสเต็มไปด้วยน้ำตาระหว่างการเล่าย้อนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เธอย้ำอีกครั้งว่า สิ่งเดียวที่เธอคิดคือช่างแม่ง ขอทำให้เต็มที่ที่สุดที่คนคนหนึ่งจะทำได้
ซึ่งคือการย้ำอีกครั้งว่า ทัศนคติเดียวที่เธอมีคือการทำ ‘ปัจจุบัน’ ให้ดีที่สุดเพื่อเป้าหมายของเธอ
เทนนิสเคยเล่าว่าการเป็นที่หนึ่งคือการถูกแปะเป้าหมายไว้ที่หลังเสมอ เพราะทุกคนจะพยายามเอาชนะเรา
แต่สิ่งหนึ่งที่เธอทำได้ดีที่สุดเหนือหลายๆ คนในช่วงเวลาที่สำคัญ ทั้ง 7 วินาทีสุดท้ายในรอบชิงเหรียญทองโอลิมปิกที่โตเกียวเมื่อปี 2021 จนถึง 1 นาที 8 วินาทีสุดท้ายในรอบชิงเหรียญทองเอเชียนเกมส์เมื่อปี 2023 ที่ผ่านมา คือการบอกกับทุกสถานการณ์ที่เธอเจอว่า
“ฉันคือผู้กุมชะตาของตัวเอง ฉันคือกัปตันของจิตวิญญาณของตัวเอง“
”I am the master of my fate, I am the captain of my soul.”
ติดตามการแข่งขัน โอลิมปิก ปารีส 2024 – Paris 2024 Olympic Games ได้ที่
- เว็บไซต์ https://thestandard.co/paris2024/
- Facebook : https://www.facebook.com/thestandardsport
- YouTube : https://www.youtube.com/@TheStandardSport
- TikTok : https://www.tiktok.com/@thestandardsport
- Instagram : https://www.instagram.com/thestandardsport