×

KEY SUCCESS: The Power of Now

22.07.2024
  • LOADING...

จงกั๋ว เจียโหยว 

(จีนสู้ๆ) 

จงกั๋ว เจียโหยว 

(จีนสู้ๆ) 

 

เสียงเชียร์จากกองเชียร์เจ้าภาพดังกระหึ่มทั่วสนามในศูนย์กีฬาหลินอัน หางโจว ประเทศจีน ที่วันนั้นใช้สำหรับการแข่งขันเทควันโด เหล่านักกีฬาทยอยลงแข่งขันจากรอบ 32 คน รอบ 16 คน รอบ 8 คน รอบรองชนะเลิศ จนไปถึงแมตช์ตัดสินเหรียญทอง 

 

เทนนิส-พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักกีฬาตัวแทนจากประเทศไทย เดินผ่านหน้าพวกเราไปพร้อมกับรอยยิ้ม และโบกมือให้กับเรา กลุ่มนักข่าวและช่างภาพจากประเทศไทย เพื่อเป็นการบ่งบอกว่าพร้อมแล้วสำหรับรอบชิงชนะเลิศ ที่จะต้องเข้าไปพบกับนักกีฬาเจ้าภาพ 

 

ขณะที่ด้านนอกมีกลุ่มคนสำคัญที่ยังไม่สามารถเข้ามายังสนามได้ เนื่องจากไม่มีตั๋วเข้าชมการแข่งขัน หลังจากตั๋วถูกขายหมด เพราะนักกีฬาเจ้าภาพลงแข่งขันและมีลุ้นเหรียญทอง 

 

เวลาเดินขนานกันไป ทั้งในและนอกสนาม ด้านนอกเป็นการต่อสู้เพื่อการเข้าไปส่งกำลังใจในสนาม ด้านในเทนนิสกำลังก้าวลงสู่สนามเพื่อแข่งขันรอบชิงชนะเลิศเอเชียนเกมส์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะวางมือในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ที่กรุงปารีสในปี 2024 

 

เทนนิสลงสนามแข่งขันพบกับ กั๊วจิง นักกีฬาจากประเทศจีน 

 

เสียงเชียร์ยังคงดังสนั่นในสนาม แต่เกือบทั้งหมดนั้นส่งไปยังนักกีฬาเจ้าภาพ 

 

เริ่มต้นยกแรก เทนนิสทำได้ดีกว่า เอาชนะไปได้ 1-0 ยก ก่อนที่จะโดนนักกีฬาเจ้าภาพจากจีนตีเสมอได้ 

 

มาในยกตัดสินสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น 

 

เมื่อจังหวะที่นักกีฬาเจ้าภาพที่นำไปก่อน 6-0 แต่อยู่ดีๆ เลข 6-0 ก็กระโดดเป็น 23-0 

 

เทนนิสเห็นสกอร์ดังกล่าวก็รู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ 

 

โค้ชเช-ชัชชัย เช เฮดโค้ชคู่ใจเทนนิส ก็ลุกขึ้นโวยทันที เกมหยุดลง นักกีฬาทั้งสองต่างมึนงงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น 

 

สีหน้าของเทนนิสเริ่มเปลี่ยน จากที่โฟกัสกับการแข่งขัน ตาของเทนนิสเริ่มแดง น้ำตาเริ่มไหลออกมา 

 

“หนูไม่คิดว่าจะทำได้ เพราะแต้มโดนนำไป 23-0 แล้ว ตอนแรกหนูพูดในใจว่ามันเป็นเอเชียนเกมส์ที่เลวร้ายที่สุดแล้วที่เจอเจ้าภาพทำแบบนี้” 

 

เทนนิสเล่าถึงสิ่งที่เธอคิดอยู่ในเวลานั้น 

 

โค้ชเช ชัชชัย เริ่มหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ จนขว้างเสื้อโค้ชทิ้ง และโวยกรรมการและเจ้าหน้าที่ของการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง 

 

เช่นเดียวกับสื่อมวลชนไทยที่ตะโกนแสดงความไม่พอใจกับการแข่งขันแบบนี้ 

 

ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ได้เดินไปคุยกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการแข่งขัน 

 

เสียงรบกวนสมาธิทุกอย่างเกิดขึ้นพร้อมกันต่อหน้าเทนนิสที่หน้าตาเต็มไปด้วยความเสียใจและผิดหวังที่ต้องมาเจอกับสถานการณ์แบบนี้ 

 

แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เมื่อฝ่ายจัดยอมรับว่ามีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น เทนนิสได้กลับไปเปลี่ยนเกราะ หน้าของเทนนิสเปลี่ยนจากคนที่เศร้าเสียใจเป็นคนที่มีสายตามุ่งมั่นขึ้น 

 

“ตอนที่ออกไปเปลี่ยนเกราะเหลือเวลาอีก 1 นาที หนูก็บอกตัวเองว่าจะทำให้เต็มที่ เตะเป็น 10 แต้มในเวลาน้อยกว่านี้ก็ทำมาแล้ว ขอทำให้เต็มที่ก่อน ถ้าจะแพ้ก็ช่างแม่ง

 

“มันเป็นเอเชียนเกมส์ครั้งสุดท้ายของหนู หนูปิดจ็อบได้อย่างสมบูรณ์แบบ” คือสิ่งที่เทนนิสเปิดเผยภายหลังถึงความคิดของเธอในตอนนั้น  

 

แต่เหมือนกับในหนังสือ The Alchemist ของ เปาโล โคเอโย ที่กล่าวว่า 

 

“เมื่อคนคนหนึ่งปรารถนาสิ่งใดอย่างแท้จริงหรือหวังสิ่งใดอย่างแน่วแน่ จักรวาลทั้งมวลจะช่วยกันทำให้เป็นจริง ร่วมกันช่วยให้เขาบรรลุความฝันนั้น” ​ 

 

เสียงของจักรวาลก็ตอบรับความต้องการปิดจ็อบได้อย่างสมบูรณ์แบบของเทนนิส ด้วยจังหวะที่ครอบครัวของเธอได้ตั๋วจากแฟนกีฬาชาวจีนให้เข้ามาถึง พร้อมกับพี่ชายเทนนิสที่ตะโกนเปล่งเสียงไปถึงเทนนิสที่กลางสนามว่า พี่มาแล้ว พ่อมาแล้ว 

 

เทนนิสเปิดเผยว่า วินาทีที่ได้ยินเสียงนั้น เธอรู้ว่าเธอไม่ได้อยู่คนเดียวในการต่อสู้ครั้งนี้ แต่มีทั้งเสียงของครอบครัวและแฟนกีฬาอีกหลายคนในสนามที่ร่วมใจเชียร์เธออย่างเต็มที่ 

 

และจากคะแนน 23-0 กลายเป็น 6-0 เพื่อเริ่มต้นใหม่ในช่วงเวลา 1 นาที 8 วินาทีที่เหลือ

 

เทนนิสทำตามความคิด ช่างแม่ง ขอทำให้เต็มที่ 

 

สกอร์จากตามหลัง 0-6 เทนนิสบุกไล่เตะจนกลับมาชนะไปได้ 12-9 คะแนน 

 

หมดเวลาการแข่งขัน เทนนิสเอาชนะการแข่งขันที่ยากลำบากที่สุดในชีวิต และกลายเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของวงการกีฬาเอเชียนเกมส์ ด้วยการคว้าเหรียญทองในรูปแบบที่ไม่น่าจะเคยเกิดขึ้นมาก่อน 

 

แน่นอนว่าทักษะและความสามารถของเทนนิสอยู่ในระดับสูงสุดของโลกอย่างไม่ข้อสงสัย ด้วยการคว้าเหรียญทองโอลิมปิก เอเชียนเกมส์ 2 สมัย และอีกหลายรายการระดับโลก 

 

แต่สิ่งที่น่ายกย่องที่สุดคือทัศนคติในการรับมือกับสถานการณ์เฉพาะหน้าที่เทนนิสสามารถมองความสำคัญของ The Power of Now หรือพลังของสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ 

 

เพราะในอดีตที่เธอโดนปรับคะแนนให้ทิ้งห่างไป 23-0 ได้ผ่านไปแล้ว ความเศร้าเสียใจและน้ำตาที่เธอได้ร้องไห้ออกมาระหว่างการประท้วงที่วุ่นวายได้ผ่านไปแล้ว ทุกอย่างไม่ได้มีความสำคัญต่อเป้าหมายและอนาคตที่เธอต้องการ  

 

เพราะเธอต้องการเพียงสิ่งเดียวคือชัยชนะในวันนั้น 

 

“เหลือแค่เวลา 1 นาที 8 วินาที ชะตาชีวิตของหนูกับการปิดจ็อบเอเชียนเกมส์ครั้งสุดท้าย และขออย่างเดียวคือ ขอทำให้เต็มที่ก่อน หนูก็ใส่สุดเท่าที่คนคนหนึ่งจะทำได้แล้ว” เทนนิสเล่าย้อนถึงความรู้สึกในวันนั้น 

 

มาร์กุส ออเรลิอุส จักรพรรดิโรมันยอดนักปรัชญา เคยกล่าวถึงการโฟกัสที่ปัจจุบัน หรือการอยู่กับตอนนี้ (Now) ไว้ว่า 

 

“ไม่มีใครสามารถสูญเสียอดีตหรืออนาคต เพราะใครกันที่สามารถเป็นเจ้าของสิ่งที่ไม่ได้มีอยู่ มีเพียงสิ่งเดียวที่มีอยู่จริงคือปัจจุบัน ที่สามารถคงอยู่หรือสูญไป และถ้านั่นคือสิ่งเดียวที่เขามี เขาจะไม่มีทางสูญเสียสิ่งที่ไม่มีอยู่” 

 

“No one can lose either the past or the future – how could anyone be deprived of what he does not possess? …It is only the present moment of which either stands to be deprived: and if this is all he has, he cannot lose what he does not have.”

 

ในการสัมภาษณ์ร่วมกับสื่อบนใบหน้าของเทนนิสเต็มไปด้วยน้ำตาระหว่างการเล่าย้อนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 

 

เธอย้ำอีกครั้งว่า สิ่งเดียวที่เธอคิดคือช่างแม่ง ขอทำให้เต็มที่ที่สุดที่คนคนหนึ่งจะทำได้ 

 

ซึ่งคือการย้ำอีกครั้งว่า ทัศนคติเดียวที่เธอมีคือการทำ ‘ปัจจุบัน’ ให้ดีที่สุดเพื่อเป้าหมายของเธอ 

 

เทนนิสเคยเล่าว่าการเป็นที่หนึ่งคือการถูกแปะเป้าหมายไว้ที่หลังเสมอ เพราะทุกคนจะพยายามเอาชนะเรา 

 

แต่สิ่งหนึ่งที่เธอทำได้ดีที่สุดเหนือหลายๆ คนในช่วงเวลาที่สำคัญ ทั้ง 7 วินาทีสุดท้ายในรอบชิงเหรียญทองโอลิมปิกที่โตเกียวเมื่อปี 2021 จนถึง 1 นาที 8 วินาทีสุดท้ายในรอบชิงเหรียญทองเอเชียนเกมส์เมื่อปี 2023 ที่ผ่านมา คือการบอกกับทุกสถานการณ์ที่เธอเจอว่า 

 

“ฉันคือผู้กุมชะตาของตัวเอง ฉันคือกัปตันของจิตวิญญาณของตัวเอง“ 

 

”I am the master of my fate, I am the captain of my soul.”

 


 

ติดตามการแข่งขัน โอลิมปิก ปารีส 2024 – Paris 2024 Olympic Games ได้ที่

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X