×

แมนฯ ยูไนเต็ด กับปัญหาทาง ‘ทัศนคติ’ คำเตือนจากรุ่นพี่ถึงรุ่นน้องของโรนัลโด

14.01.2022
  • LOADING...
Cristiano Ronaldo

การให้สัมภาษณ์พิเศษของ คริสเตียโน โรนัลโด กับช่อง Sky Sports กลายเป็นกระจกสะท้อนให้เห็นถึงสภาพความเป็นจริงและปัญหาของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เผชิญอยู่ในเวลานี้

 

โดยหลังจากที่มีกระแสข่าวมาเป็นระยะในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ถึงแมนฯ ยูไนเต็ด จะมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งตัวนายใหญ่จาก โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ มาเป็น ราล์ฟ รังนิก รักษาการผู้จัดการทีม ที่มาพร้อมกับความคาดหวังว่าจะสามารถนำทีมกลับคืนสู่เส้นทางที่ควรจะเป็นได้อีกครั้ง แต่ดูเหมือนผลงานของทีมจะไม่เป็นอย่างที่คิด และเริ่มมีสัญญาณอันตรายเกิดขึ้นในหลายนัดที่ผ่านมา

 

รังนิกกลายเป็นเป้าที่มีกระแสข่าวว่านักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด หลายคน ‘ไม่ถูกใจสิ่งนี้’ และเริ่มมีอาการต่อต้าน ทั้งๆ ที่กุนซือชาวเยอรมันเพิ่งจะรับงานได้เพียง 5 สัปดาห์

 

อย่างไรก็ดี โรนัลโดกลับออกมาปกป้องรังนิก พร้อมชี้ให้เห็นว่า ‘ในความเห็นส่วนตัวแล้ว’ ปัญหาของทีม ‘ปีศาจแดง’ นั้นไม่ใช่เรื่องระบบการเล่นเลยแม้แต่น้อย

 

แล้วสิ่งที่เป็นปัญหาคืออะไร? นี่คือบทสรุปจากสิ่งที่ซูเปอร์สตาร์ลูกหนังผู้มั่นใจว่าจะยังคงเล่นในระดับสูงสุดได้อีกหลายปี อาจจะถึง 40-42 ปี บอกไว้

 

The Professor ต้องการเวลา และแท็กติกไม่ใช่ปัญหา

การมาของ ‘The Professor’ อย่างรังนิก ผู้ซึ่งเป็นเจ้าแห่งการวางกลหมาก และเป็นต้นแบบในระบบการเล่นสไตล์ Gegenpressing ที่เป็นแรงบันดาลใจให้แก่โค้ชเยอรมันอีกมากมาย ทำให้มีการคาดหวังว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะเล่นได้ดุดันเหมือนคู่แข่งอย่างลิเวอร์พูล, เชลซี หรือแมนฯ ซิตี้

 

สิ่งที่เห็นและเป็นอยู่คือ แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นได้ไม่สมกับที่คาดหวัง ขณะที่ระบบการเล่นใหม่ 4-2-2-2 ที่รังนิกพยายามปรับใช้เพื่อแก้ปัญหาให้ทีมก็ได้ผลตอบรับที่ไม่ดีนัก และทำให้เกิดคำถามว่าระบบการเล่นนี้เหมาะสมหรือไม่?

 

โรนัลโด ซึ่งเป็นหนึ่งในนักเตะที่เริ่มถูกตั้งคำถามเช่นกัน เพราะระบบการเล่นนั้นเหมือนถูกคิดขึ้นมาเพื่อช่วยแก้ปัญหาให้แก่ตัวเขาที่ไม่เล่นเพรสซิงเหมือนศูนย์หน้าสมัยใหม่ (ด้วยวัย 36 ปี) ได้ออกมาช่วยแก้ต่างให้แก่รังนิกดังนี้

 

“ตั้งแต่ที่เขา (รังนิก) เข้ามา ผมคิดว่าเราดีขึ้นในบางอย่าง แต่เขาก็ต้องการเวลาเช่นกัน” โรนัลโดกล่าว

 

“มันไม่ง่ายเลยสำหรับการเปลี่ยนแปลงสภาพจิตใจ แนวทางการเล่น ระบบ หรือวัฒนธรรมในทีมแบบนี้ ดังนั้นผมเชื่อว่าเขาจะทำได้ดีแน่

 

“แต่มันจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าจิตใจไม่พร้อม ผมคิดว่านี่คือเรื่องหลัก เวลาที่ผมคุยกับเพื่อน ทุกคนก็พูดถึงแต่เรื่องระบบการเล่น

 

“จริงๆ แล้วระบบการเล่นนั้นมีประโยชน์ แต่มันจะช่วยอะไรไม่ได้เลยถ้าลงไปในสนามแล้วใจไม่พร้อม นี่คือเหตุผลที่ผมบอกว่าเรายังต้องพัฒนากันอีกไกล เพราะสำหรับผมแล้วสิ่งสำคัญที่สุดคือ การที่เราต้องมองย้อนกลับมายังตัวเอง แล้วบอกกับตัวเองว่าเรายังทำได้ดีกว่านี้ เรายังสามารถช่วยทีมได้มากกว่านี้

 

“เรื่องระบบการเล่น ก็ใช่ มันสำคัญ รายละเอียดในการวางแผนมันสามารถสร้างความแตกต่างได้มาก แต่สำหรับผมแล้วสิ่งสำคัญที่สุดคือจิตใจ เราต้องเข้มแข็ง มีจิตใจที่พร้อมจะช่วยทีม และรู้จักศึกษาสิ่งดีๆ ด้วยตัวเอง”

 

ในถ้อยความนั้นดูเหมือนจะมีคำสำคัญคือเรื่องของจิตใจ (Mentality) และวัฒนธรรม (Culture) ซึ่งนำไปสู่คำถามที่น่าคิดว่า จริงๆ แล้วภายในทีมแมนฯ ยูไนเต็ด นั้นเป็นอย่างไรกันแน่? พวกเขาถูกดูแลกันมาแบบไหน? หรือเป็นเพราะถูก ‘สปอยล์’ มากจนเกินไปจากผู้จัดการทีมคนก่อน ซึ่งก็เป็นสิ่งที่นักวิจารณ์ตั้งข้อสงสัยเช่นกัน

           

ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้… เริ่มที่ตัวเอง

สตาร์วัย 36 ปี ยังย้ำให้เห็นว่า สิ่งแรกที่จะเป็นการเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงสู่สิ่งที่ดีกว่าคือ การที่แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิดใหม่

 

เริ่มที่ตัวเองก่อนเป็นลำดับแรก!

 

“ผมคิดว่ารายละเอียดต่างๆ พวกนี้มันก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง ไม่ใช่โค้ช แฟนบอล หรือสื่อเลย มันอยู่ที่ตัวเราเองทั้งนั้น ถ้าคุณภูมิใจในตัวคุณเองและมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ในตัวเอง คุณต้องพยายามทำมากกว่านี้

 

“ผมก็มองตัวเองแล้วพูดว่า ‘คริสเตียโน’ มีอะไรที่จะทำได้ดีกว่านี้เพื่อช่วยทีมอีกไหม? ใช่ ผมสามารถช่วยในเรื่องอื่นๆ ได้อีก บางทีอาจจะสปรินต์ให้ครบเวลา 90 นาที ซึ่งมันอาจเป็นสิ่งที่ช่วยเพื่อนได้ในเวลาที่พวกเขาเจ็บอยู่หรือเหนื่อยอ่อน หรือรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในการเล่น เล่นอย่างมีไหวพริบ ฉลาด

 

“สำหรับผมนี่คือเหตุลผลที่เราเรียกทีมนี้ว่า Manchester ‘UNITED’ เราจำเป็นต้องเป็นหนึ่งเดียวกันในช่วงเวลาที่ยากลำบากแบบนี้”

 

จากรุ่นพี่ถึงรุ่นน้อง

อีกหนึ่งสิ่งที่อาจเป็นประเด็นร้อนคือ ความสัมพันธ์ภายในทีมระหว่างนักเตะรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์กับนักเตะรุ่นน้อง ซึ่งมีกรณีข่าวลือว่าโรนัลโดไม่ค่อยลงรอยกับ เมสัน กรีนวูด สตาร์รุ่นน้องในทีม

 

เรื่องนี้สตาร์ชาวโปรตุเกสพูดเอาไว้น่าสนใจและชวนให้คิดว่า ‘ใคร’ คือคนที่เขาอยากสื่อสารด้วย? จะเป็นกรีนวูดตามข่าวลือหรือใครคนอื่น?

 

“นักเตะที่โตแล้ว แก่กว่า พวกเขาสามารถช่วยนักเตะรุ่นน้องได้เสมอ” โรนัลโดกล่าว “ถ้าผมให้คำแนะนำอะไร ต่อให้เด็กกว่าผมก็เถอะ แต่ถ้าไม่รู้จักนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน มันก็ยากแน่

 

“ผมสามารถพูดกับใครก็ตามได้ทั้งวันแหละ แต่ถ้ามันไม่ได้ออกมาจากภายในตัวเองมันก็เป็นไปไม่ได้ ผมจำได้ว่าตอนที่ผมอายุราว 18, 19, 20 มีนักเตะที่อายุมากกว่ามาคุยกับผมเหมือนกัน แต่ผมคิดว่า ‘คริสเตียโนนายต้องทำให้ดีขึ้น คนพวกนี้รู้มากกว่านาย พวกเขามีประสบการณ์มากกว่า พวกเขาผ่านช่วงเวลาเลวร้ายมาแล้ว

 

“แต่มันจะมีบางคนที่ไม่ยอมรับถ้าไปวิจารณ์พวกเขา ผมไม่ได้ตั้งใจจะสื่อถึงนักเตะภายในทีมเรา ผมพูดรวมๆ ผมเองก็มีลูก และผมก็รู้ว่าบางทีถ้าเราเยอะไป พวกเขาก็จะมีอาการต่อต้าน ดังนั้นเราต้องพยายามหาตรงกลางที่จะพูดคุยกับพวกเขาได้

 

“แต่ในความคิดของผม ประเด็นมันอยู่ที่ทุกอย่างมันต้องออกมาจากตัวของเราเอง ถ้าเราภูมิใจในตัวเองจนสามารถยืนหน้ากระจกแล้วบอกกับตัวเองได้ว่า ‘ฉันได้ทุ่มเททุกอย่างแล้ว’ ซึ่งผมคิดว่าทุกคนก็ควรจะทำให้ได้แบบนั้น เพราะนี่มันขึ้นปีใหม่แล้ว มันคือบันทึกหน้าใหม่ เรายังมีอะไรให้ไขว่คว้าอีกมาก และเราต้องเชื่อว่าเราทำได้”

 

เพราะถ้าไม่เชื่อแล้ว โรนัลโดบอกว่า “ไม่เช่นนั้นมันจะเป็นฝันร้ายแน่นอน”

 

อย่างไรก็ดี โรนัลโดยืนยันว่า เขาพร้อมเสมอที่จะยื่นมือช่วยเหลือรุ่นน้องทุกคน เพียงแต่หากคนเหล่านั้นไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเขา

 

“ก็ทำหน้าที่ของคุณไป พินิจตัวเอง และพยายามช่วยทีมอย่างดีที่สุด”

 

หนึ่งแชมป์และท็อปโฟร์คือเป้าหมายปีนี้

สำหรับเป้าหมายของทีมในฤดูกาลที่ยากลำบากเกินคาดนี้ โรนัลโดบอกว่า “ขอหนึ่งแชมป์ ลุยให้ไกลที่สุดในแชมเปียนส์ลีก และอย่างน้อยขอให้ติดท็อปโฟร์”

 

ขณะที่เป้าหมายชีวิตส่วนตัวนั้นโรนัลโดอยากจะอยู่เล่นฟุตบอลให้ได้ถึงอายุสัก 42 ปี

 

“ผมอยู่ในช่วงชีวิตที่ทุกอย่างลงตัว สำหรับผมนี่เป็นอีกก้าวของชีวิต ทุกอย่างดี ครอบครัวผมมีความสุข ลูกๆ ก็มีความสุข ผมมีความสุข และผมก็อยากให้ทุกอย่างเป็นไปแบบนี้

 

“โดยทางร่างกายแล้วผมรู้สึกว่าผมอายุ…ผมคงไม่บอกว่าผมอายุ 25 ปีหรอก เพราะมันจะเป็นการโอ้อวดไป แต่ผมคิดว่าผมยังรู้สึกว่าอายุ 30 ปีอยู่ ผมดูแลร่างกายและจิตใจอย่างดี

 

“ผมมีความสุขดี ผมอยากจะอยู่ที่นี่ต่อไปและเฝ้าดูว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ผมอยากรู้ว่าผมจะสามารถเล่นได้ถึงอายุ 40, 41 หรือ 42 ปีได้ไหม แต่สิ่งสำคัญที่สุดและเป็นเป้าหมายทุกวันของผมก็คือ การมีความสุขกับช่วงเวลานี้ให้มากที่สุด”

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising