ข่าวใหญ่สำหรับภาคธุรกิจและการท่องเที่ยวทั่วโลก รวมถึงไทย ซึ่งมีนักท่องเที่ยวจีนเป็นลูกค้ารายใหญ่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา หลังรัฐบาลจีนประกาศเตรียมเปิดพรมแดนอีกครั้งและยกเลิกมาตรการกักตัวสำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศ เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 มกราคมที่จะถึงนี้
ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นส่งผลให้จีนกลับมาอยู่บนเส้นทางแห่งการฟื้นฟู และหลุดพ้นจากมาตรการกักตัวเองภายใต้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ หรือ Zero-COVID ที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนมาตลอด 3 ปี
สิ่งที่น่าสนใจและต้องจับตามองคือหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง หลายฝ่ายคาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะหลั่งไหลเดินทางไปทั่วโลก ในขณะที่นักเดินทางจากทั่วโลกก็จะหลั่งไหลไปยังจีน แต่การเปิดประเทศจีนและผ่อนคลายมาตรการป้องกันโควิดให้เหมือนกับทั่วโลก ตามแนวทาง ‘ใช้ชีวิตร่วมกับโควิด’ ท่ามกลางสถานการณ์ระบาดที่ยังรุนแรง จะส่งผล ‘ดี’ หรือ ‘ร้าย’ มากน้อยแค่ไหน ต้องติดตามกัน
แผนเปิดประเทศมีอะไรบ้าง อะไรที่ยกเลิก อะไรที่ยังคุมเข้ม?
ก่อนจะกล่าวถึงแผนเปิดประเทศที่กำลังจะเกิดขึ้น ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า นับตั้งแต่ปี 2020 ทางการจีนได้กำหนดให้โควิดเป็นโรคติดเชื้อประเภท A ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ทำให้การบริหารจัดการพรมแดนต้องดำเนินไปภายใต้กฎหมายว่าด้วยอนามัยชายแดนและกฎหมายกักกันโรค
ภายใต้กฎหมายดังกล่าว ทางการจีนต้องบังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดสูงสุด เช่น การกักกันและแยกผู้ติดเชื้อและผู้สัมผัสใกล้ชิด และการล็อกดาวน์แบบปิดทั่วทั้งเมืองเพื่อควบคุมโรค
ซึ่งในพื้นที่ชายแดน ผู้ติดเชื้อต้องถูกแยกกักตัว ส่วนผู้มีโอกาสติดเชื้อจะถูกกักตัว โดยระยะเวลานั้นขึ้นอยู่กับระยะฟักตัวของไวรัส
ความเคลื่อนไหวล่าสุดในการเปิดพรมแดนของจีนมีขึ้นหลังสื่อท้องถิ่นอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าว 3 ราย จากหน่วยงานสาธารณสุขประจำมณฑลและโรงพยาบาลหลายแห่งในมณฑลกวางตุ้ง ฝูเจี้ยน และเจียงซู โดยระบุว่าพวกเขาได้รับแจ้งจากคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (25 ธันวาคม) ขอให้เตรียมพร้อมสำหรับการปรับลดระดับการจัดการโควิดเป็นประเภท B ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม
การลดระดับการจัดการโควิดจากประเภท A เป็น B หมายความว่า “ให้ใช้แค่การรักษาและมาตรการที่จำเป็นเท่านั้นในการควบคุมการระบาด”
ขณะที่เมื่อวานนี้ (26 ธันวาคม) คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีนได้แถลงรายละเอียดของ ‘แผนโดยรวมสำหรับการดำเนินการจัดการโรคติดเชื้อประเภท B สำหรับการติดเชื้อโควิด’ โดยกำหนดว่า เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2023 จีนจะ
- ยกเลิกมาตรการกักตัวผู้ติดเชื้อโควิด
- ยกเลิกการระบุตัวผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อโควิด
- ยกเลิกการกำหนดพื้นที่ความเสี่ยงสูงและความเสี่ยงต่ำ
- ให้การรักษาแบบแยกประเภทสำหรับผู้ป่วยโควิด และปรับนโยบายการประกันสุขภาพ
- ปรับให้การตรวจเชื้อแบบ PCR เป็นการตรวจเชื้อโดยสมัครใจ
- ปรับความถี่และเนื้อหาในการเผยแพร่ข้อมูลการระบาด
- ยกเลิกมาตรการควบคุมโรคติดเชื้อที่กักกันได้ สำหรับบุคคลและสินค้าที่เข้าประเทศ
นอกจากนี้ แผนโดยรวมสำหรับจัดการโควิดดังกล่าวยังระบุว่า ทางการจีนจะดำเนินการ “ปรับปรุงการจัดการการแลกเปลี่ยนบุคลากรระหว่างจีนกับประเทศต่างๆ” และจะดำเนินการตามมาตรการดังต่อไปนี้
- ผู้เดินทางขาเข้าจีนไม่จำเป็นต้องขอรหัสสุขภาพจากสถานทูตหรือสถานกงสุลจีนอีกต่อไป แต่ยังต้องมีผลตรวจเชื้อแบบ PCR เป็นลบในช่วง 48 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง
- การตรวจเชื้อแบบตรวจสารพันธุกรรม และการกักตัวแบบรวมศูนย์สำหรับผู้เดินทางเข้าจีนทั้งหมดจะถูกยกเลิก
- มาตรการควบคุมจำนวนเที่ยวบินโดยสารระหว่างประเทศ รวมถึงนโยบาย ‘5 ต่อ 1’ (สายการบินต่างประเทศทั้งหมดจะต้องให้บริการเส้นทางบินไปยังจีนเพียงเส้นทางเดียว และให้บริการไม่เกิน 1 เที่ยวบินต่อสัปดาห์) และมาตรการจำกัดจำนวนผู้โดยสารจะถูกยกเลิก
- สายการบินยังต้องดำเนินมาตรการป้องกันโรคบนเครื่องบิน และผู้โดยสารจะต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่อทำการบิน
- ทางการจีนจะปรับการจัดการและอำนวยความสะดวกด้านวีซ่ามากขึ้น สำหรับชาวต่างชาติที่เดินทางกลับมายังจีน เพื่อมาทำงาน ทำธุรกิจ มาศึกษาต่อ หรือเยี่ยมครอบครัว
- การเดินทางเข้าและออกประเทศทั้งทางน้ำและทางบกจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง
- จีนจะฟื้นการท่องเที่ยวนอกประเทศอย่างเป็นระเบียบ โดยพิจารณาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดระหว่างประเทศและความสามารถในการรองรับการบริการของทุกภาคส่วน
สัญญาณบวกเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว?
การดำเนินนโยบาย Zero-COVID ที่เข้มงวดของรัฐบาลจีนตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา แม้จะประสบผลสำเร็จ โดยสามารถควบคุมการระบาดและส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโควิดของจีนมีจำนวนที่น้อยเมื่อเทียบกับหลายประเทศทั่วโลก แต่ในขณะเดียวกัน จีนเองก็ได้รับผลกระทบด้านลบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจของประเทศ มูลค่า 17 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก
แต่การเปลี่ยนท่าทีปรับลดนโยบายโควิดที่เข้มงวดให้ผ่อนคลายลงตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา ภายหลังการประท้วงต่อต้านของประชาชนในหลายเมือง ส่งผลให้ประชาชนและผู้ประกอบธุรกิจในจีนเริ่มมีความหวัง
กระทั่งความเคลื่อนไหวล่าสุดในการประกาศเปิดพรมแดนและยกเลิกมาตรการเข้มงวดสำหรับนักเดินทาง กลายเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าจีนจะกลับมาเดินเครื่องฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่าง ‘จริงจัง’ และในขณะเดียวกัน ยังเป็นโอกาสและความหวังของหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงไทยที่ต้องการต้อนรับและดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน ที่โหยหาการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศให้กลับมาอีกครั้ง
ข้อมูลจากแพลตฟอร์มการท่องเที่ยว Ctrip ของจีนแสดงให้เห็นว่า ภายในครึ่งชั่วโมงหลังข่าวการเปิดพรมแดน จำนวนการค้นหาจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวต่างประเทศยอดนิยมเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า โดย Ctrip ระบุว่า มาเก๊า ฮ่องกง ญี่ปุ่น ไทย และเกาหลีใต้ เป็นประเทศที่ถูกค้นหาข้อมูลมากที่สุด
ขณะที่ข้อมูลจาก Trip.com แสดงให้เห็นว่าการจองเที่ยวบินขาออกของจีนเพิ่มขึ้นถึง 254% ในช่วงเช้าวันนี้ (27 ธันวาคม) เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า
ทั้งนี้ พบว่าหุ้นในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยทั่วโลก ซึ่งพึ่งพาผู้ซื้อชาวจีนเป็นหลัก เพิ่มขึ้นในวันอังคารเนื่องจากการประกาศผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทาง โดยจีนมีสัดส่วน 21% ของตลาดสินค้าฟุ่มเฟือยทั่วโลกมูลค่า 3.5 แสนล้านยูโร
ในช่วงก่อนเกิดวิกฤตโควิด นักท่องเที่ยวจีนถือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวอันดับ 1 ของไทย โดยตั้งแต่ปี 2014 จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทยเพิ่มขึ้นจาก 4.64 ล้านคน เป็น 12 ล้านคนในปี 2019
สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ASSOCIATION OF THAI TRAVEL AGENTS: ATTA) ประเมินว่า การเปิดพรมแดนของจีนอาจส่งผลให้มีชาวจีนราว 3-5 ล้านคนเดินทางมาไทยในปีหน้า
โดยหลายบริษัทนำเที่ยวของจีนกำลังเร่งเตรียมความพร้อมสำหรับการกลับมาดำเนินงานตามปกติ แต่คาดว่าอาจต้องใช้เวลา เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาแรงงานจำนวนมากในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของจีนต่างเปลี่ยนไปประกอบอาชีพอื่น
นอกจากนี้ หลายบริษัทนำเที่ยวของจีนยังชี้ถึงความกังวลของชาวจีนต่อสถานการณ์โควิดในต่างประเทศ รวมทั้งไทย แม้ว่ารัฐบาลไทยจะประกาศให้โควิดเป็นโรคประจำถิ่น (Endemic) อีกทั้งยกเลิกจากการเป็นโรคติดต่ออันตราย และกำหนดให้เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังแล้วก็ตาม
ขณะที่บริษัทนำเที่ยวของจีนชี้ว่า การกลับสู่ภาวะปกติของการท่องเที่ยวต่างประเทศสำหรับชาวจีนอาจใช้เวลาอีกหลายเดือน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับโควิดและการใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากขึ้น เพราะผลกระทบของการระบาดใหญ่ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม เมื่อพรมแดนระหว่างจีนและฮ่องกงเปิดอีกครั้งในเดือนหน้า ชาวจีนแผ่นดินใหญ่จะสามารถเดินทางข้ามไปฉีดวัคซีน mRNA ที่ผลิตโดย BioNTech ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่าวัคซีนเชื้อตายที่พัฒนาในประเทศ ทำให้โอกาสที่จะลดจำนวนชาวจีนที่ป่วยหนักและเสียชีวิตจากโควิด ตลอดจนลดความกังวลในการติดเชื้อมีเพิ่มมากขึ้นด้วย
ผลกระทบต่อสถานการณ์โควิดในจีน
ข่าวการเปิดพรมแดนของจีน ในแง่เศรษฐกิจอาจเป็นข่าวดีที่ฉายภาพความหวังและการฟื้นตัว แต่ในอีกทางหนึ่งก็มีความกังวลจากหลายฝ่ายที่หวั่นวิตกต่อสถานการณ์ระบาดของโควิดในจีน
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางการจีนได้หยุดรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดรายวัน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ยกเลิกการรายงานข้อมูลผู้ติดเชื้อแบบไม่มีอาการ ซึ่งส่งผลให้เกิดข้อสงสัยเรื่องความน่าเชื่อถือของข้อมูล
ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิดเพียง 1 รายในช่วง 7 วัน นับจนถึงวันจันทร์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดข้อสงสัยมากขึ้นในหมู่ประชาชนและผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศประเมินว่า จีนอาจเผชิญจำนวนผู้ติดเชื้อหลายล้านคนต่อวัน และผู้เสียชีวิตจากโควิดสูงถึงอย่างน้อย 1 ล้านคนในปีหน้า
และในขณะที่ชาวจีนจำนวนมากกำลังตื่นเต้นและดีใจต่อข่าวการเปิดประเทศและเดินหน้าสู่วิถีชีวิตก่อนโควิด แต่ระบบรักษาพยาบาลของจีนกำลังเผชิญกับแรงกดดันมหาศาลที่เพิ่มขึ้น
โดยแพทย์หลายรายเปิดเผยสถานการณ์ในโรงพยาบาลหลายแห่ง พบว่ามีผู้ป่วยเพิ่มมากกว่าปกติถึง 5-6 เท่า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ขณะที่สถานที่จัดพิธีศพเปิดเผยว่าความต้องการใช้บริการก็พุ่งสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว
สื่อของรัฐรายงานว่า มีการขอให้พยาบาลและแพทย์ทำงานแม้จะมีอาการป่วย ขณะที่บุคลากรทางการแพทย์ที่เกษียณแล้วในชนบทถูกจ้างให้กลับมาช่วยงาน นอกจากนี้พบว่าบางเมืองเริ่มประสบปัญหาในการจัดหายาลดไข้สำหรับผู้ป่วย
นอกจากนี้ แม้ว่าเศรษฐกิจจีนอาจจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในปีหน้า แต่มีการประเมินว่าในช่วงไม่กี่สัปดาห์หรือหลายเดือนข้างหน้า สถานการณ์อาจยากลำบากมากขึ้น เนื่องจากแรงงานที่ล้มป่วยจากโควิดมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
ภาพ: Photo by Kevin Frayer / Getty Images
อ้างอิง:
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-12-26/china-to-scrap-inbound-quarantine-in-dismantling-of-covid-zero?sref=CVqPBMVg
- https://www.npr.org/2022/12/26/1145541473/china-drops-covid-quarantine-for-airline-passengers
- https://www.scmp.com/news/china/science/article/3204601/china-reopen-borders-drop-covid-quarantine-january-8
- https://www.bbc.com/news/world-asia-china-64097497
- https://www.china-briefing.com/news/china-to-remove-quarantine-for-inbound-travelers-starting-january-8-2023/
- https://www.reuters.com/world/china/chinese-make-travel-plans-covid-rules-ease-further-2022-12-27/
- https://www.bangkokpost.com/business/2469575/agents-hold-breath-on-china-view
- https://news.yahoo.com/news/china-ending-mandatory-quarantine-travelers-220246087.html?guccounter=1&guce_referrer=aHR0cHM6Ly93d3cuZ29vZ2xlLmNvbS8&guce_referrer_sig=AQAAAFMCda8Z9nN8fGn0CjKrtvCQ3aJemcwhq8zamP5E4_u_gTjYBWpf9JvIMwc0s-n4gKrVfoOe2Y8bTaBuSov_5Ww-MDWo84oUqBiFUptyaUzu8y5dAa9fYd-Zg_cYroa9ELD0FVpzoRX4jY8TeIGH45ULVLay1w51LebaEdRMMhay