×

จากธุรกิจอาหารสู่สมรภูมิโลจิสติกส์อันดุเดือด ‘ประพัฒน์ เสียงจันทร์’ ขุมพลังใหม่ของ Kerry Express ที่จะเข้ามาปั้น ‘คน’ ให้แข็งแรงขึ้น

30.05.2022
  • LOADING...
Kerry Express

หนึ่งในกลยุทธ์ของ Kerry Express สำหรับฝ่าฟันสมรภูมิโลจิสติกส์อันดุเดือด คือการสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถ โดยในส่วนของตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงที่สรรหามาจากหลากหลายอุตสาหกรรมชั้นนำ เพื่อเข้ามาก่อร่างและผลักดัน Kerry Express สู่การเติบโตต่อไป

 

ซึ่งหนึ่งในผู้บริหารระดับสูงที่ได้เข้ามาเป็นขุมพลังให้กับ Kerry Express คือ ‘ประพัฒน์ เสียงจันทร์’ ที่ได้เข้ามานั่งตำแหน่ง ‘รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร’ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX

 

ในแวดวงโลจิสติกส์ ‘ประพัฒน์’ อาจเป็นน้องใหม่ แต่สำหรับวงการอื่นโดยเฉพาะอาหารเขาคือ ‘มือการตลาด’ ที่ช่ำชองอย่างมากในธุรกิจนี้ โดยเขาเรียนจบปริญญาโทด้านการตลาดจากมหาวิทยาลัยซิตี้ สหรัฐอเมริกา

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 


 

ประพัฒน์เคยทำงานในหลากหลายอุตสาหกรรมไม่ว่าจะเป็น Esso (Thailand), ธนาคาร Standard Chartered, Boots Retail (Thailand), เป็นผู้ปลุกปั้น Burger King ให้เติบโตอย่างหวือหวาในประเทศไทย 

 

และตำแหน่งสุดท้ายก่อนจะย้ายไป Kerry Express คือ ‘ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ’ (Chief Operation Office) บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่มีแบรนด์ร้านอาหารกว่า 11 แบรนด์ ด้วยจำนวน 2,000 กว่าทั่วโลก เช่น The Pizza Company, Swensen’s, Sizzler, Bonchon และ Burger King ที่สำคัญคือยังเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ธุรกิจอาหารมี ‘กำไร’ ท่ามกลางผลกระทบจากวิกฤตโควิด

 

“ผมทำงานกับ Minor มาเกือบ 15 ปี” ประพัฒน์กล่าว “Minor ให้ทุกอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนสอนเรื่องธุรกิจให้เข้าใจการวางกลยุทธ์ของการทำธุรกิจที่ดี ตลอดจนให้เรื่องของการสร้างคน ให้ความสำคัญที่สุดกับการรักษาบุคลากรที่เก่งและการสร้างคนที่เก่ง”

 

แม้จะผูกพันกับ Minor อยู่ไม่น้อย แต่เหตุผลที่ทำให้ประพัฒน์ตัดสินใจไปรับความท้าทายใหม่ คือการมอง Opportunity หรือโอกาสที่เข้ามาแล้ว และไม่อยากปล่อยให้พลาดไป

 

“Kerry Express เป็นธุรกิจที่มีอายุ 14 ปี ซึ่งยังถือเป็นธุรกิจที่ใหม่มากและยังมีโอกาสเติบโตอีกเยอะ จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น”

 

Kerry Express

ภาพ: วรรษมน ไตรยศักดา

 

ข้อมูลจากอิปซอสส์ระบุว่า ปี 2564 ตลาดขนส่งพัสดุขนาดเล็กและใหญ่มีมูลค่า 5 หมื่นล้านบาท ไปรษณีย์ไทยเป็นเจ้าตลาดด้วยส่วนแบ่ง 40.54% รองลงมาเป็น Kerry Express 25.62% ตามด้วย Flash Express 6.01% และ J&T Express 4.58%

 

ในแง่ของจำนวนชิ้นภาพรวมของตลาดอยู่ที่ 914 ล้านชิ้น ไปรษณีย์ไทยเป็นเจ้าตลาดอีกเช่นกัน ด้วยส่วนแบ่ง 57.11% รองลงมาเป็น Kerry Express 21.86% ตามด้วย Flash Express 7.30% และ J&T Express 2.91%

 

อย่างไรก็ตามประพัฒน์มองว่า เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ Kerry Express ชวนเขาไปร่วมทีมบริหาร คือการต้องเสริมจุดแข็งในเรื่องของการสร้างพนักงาน ซึ่ง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 มีประพนักงานประจำทั้งสิ้น 21,906 คน

 

“ผมอยู่ใน People Business มาตลอด และ Kerry Express ก็ต้องการคนที่จะเข้ามาดูแลและจัดการพนักงาน ตลอดจนพัฒนาบุคคลกรให้เก่งขึ้น” ประพัฒน์กล่าว พร้อมเสริมว่า ตัวเขานั้นมีหลักการในการทำงานที่เชื่อว่า “เห็นมนุษย์เป็นมนุษย์ เห็นคนเป็น Asset ที่สำคัญ ไม่เห็นคนเป็นวัตถุ ไม่ได้เห็นคนเป็นเครื่องจักร อีกอย่างคือทำทุกอย่างต้องได้ผลงานที่ชัดเจน”

 

นอกจากคนแล้วอีกสิ่งที่สามารถเสริมให้กับ Kerry Express ได้คือการเชื่อมธุรกิจอื่นๆ ซึ่งตัวเขานั้นมีคนรู้จักที่หลากหลายจากธุรกิจต่างๆ ที่เคยทำมา

 

Kerry Express อยู่ในสมรภูมิที่ดุเดือด แต่สำหรับประพัฒน์นั้น “ผมอยู่ในสนามรบมาตลอดชีวิต นี่ก็เป็นอีกสนามรบหนึ่งซึ่งข้าศึกเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งผมมองว่าความท้าทายนี้เป็นเรื่องที่สนุกและพร้อมจะเรียนรู้ไปกับมัน” 

 

Kerry Express

(ขวา) อเล็กซ์ อึ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Kerry Express 

 

ทั้งนี้ในไตรมาส 1/65 Kerry Express รายงานว่า ด้วยกลยุทธ์ Aggressive Pricing ทำให้มีปริมาณการจัดส่งพัสดุเติบโตกว่า 48% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีรายไต้เท่ากับ 4,416.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.5%

 

โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2565 Kerry Express มีจุดให้บริการมากกว่า 31,000 แห่งทั่วประเทศ เพิ่มขึ้นกว่า 19.5% จาก ณ สิ้นปี 2564 มีจำนวนลูกค้ามากกว่า 20 ล้านรายในเดือนมีนาคม 2565 ที่ใช้บริการของ Kerry Express ซึ่งเติบโตกว่า 29.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 

 

กระนั้นด้วยกลยุทธ์การตัดราคาเชิงรุกและผลกระทบจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นทำให้ Kerry Express ขาดทุนรายไตรมาสเป็นครั้งที่ 2 ด้วยตัวเลข 491 ล้านบาท ซึ่งพลิกกลับมาขาดทุนจากที่มีกำไร 303 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 

 

บล.พาย มองว่า Kerry Express นั้นมีผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วในไตรมาส 4/64 ซึ่งขาดทุน 606 ล้านบาท แต่ด้วยแรงกดดันต่างๆ ที่มีอยู่ทำให้เชื่อว่าจะขาดทุนอย่างต่อเนื่องไปอีก 2 ไตรมาส และพลิกกลับมามีกำไรในไตรมาส 4 

 

ขณะเดียวกันได้มีปรับลดประมาณการกำไรปี 2565 และ 2566 ลง 64% และ 34% ตามลำดับ เพื่อสะท้อนถึงการปรับลดสมมติฐานรายได้ลง 3% เป็น 1.91 หมื่นล้านบาท และ 2.26 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ สืบเนื่องจากการแข่งขันจากคู่แข่งที่รุนแรงกว่าคาด ทำให้ราคาเฉลี่ยต่อพัสดุจัดส่งค่อยๆ ปรับลดลง 

 

ด้าน บล.บัวหลวง ก็มองไปในทิศทางเดียวกันว่า Kerry Express จะยังขาดทุนต่อเนื่องไปอีก และพลิกกลับมามีกำไรในไตรมาส 4 ขณะเดียวกันก็ได้ประเมินว่าปี 2565 Kerry Express จะขาดทุนอยู่ราว 334 ล้านบาท 

 

บล.บัวหลวง ยังได้ประเมินว่า Kerry Express กำลังแย่งส่วนแบ่งการตลาดจากคู่แข่งขนาดใหญ่ (กำลังกดดันอย่างต่อเนื่อง) ซึ่งจะหนุนให้วอลุ่มการส่งพัสดุเพิ่มขึ้นและต้นทุนต่อพัสดุที่ลดลงอย่างมีนัยยะ 

 

งบดุลของบริษัทแข็งแกร่ง (ไม่มีหนี้สิน) มากกว่าคู่แข่ง การแข่งขันด้านราคาทำให้คู่แข่งเพิ่มทุนได้ยากขึ้น เนื่องจากแนวโน้มที่อ่อนแอ ดังนั้นหาก Kerry Express สามารถยืนหยัดจนถึงเป็นผู้ชนะรายสุดท้ายได้ ก็จะมีอัปไซด์อย่างมาก ทั้งนี้คาดว่า Kerry Express อาจยังคงรายงานขาดทุนในอีกหลายไตรมาสข้างหน้า จนกว่าคู่แข่งบางรายจะยอมแพ้ 

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising