หลังจากที่เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว LINE และธนาคารกสิกรไทยได้สร้างแรงเขย่าครั้งใหญ่ให้กับวงการธนาคาร ด้วยการประกาศตั้งบริษัทใหม่ ‘LINE BK’ (สัดส่วนการถือหุ้นเท่าๆ กันด้วยเงินลงทุนเริ่มต้น 2.2 พันล้านบาท) พร้อมส่ง ธนา โพธิกำจร ขึ้นดำรงตำแหน่งแม่ทัพหน้ารุกสังเวียนโซเชียลแบงกิ้ง เต็มตัว (Social Banking: การทำธุรกรรมและบริการทางการเงินต่างๆ ผ่านแชตแอปพลิเคชัน)
วันนี้ (20 ตุลาคม) LINE BK ได้ประกาศเปิดตัวพร้อมให้บริการทางการเงินของพวกเขาอย่างเป็นทางการ และเต็มรูปแบบครั้งแรกในฐานะ ‘โซเชียลแบงกิ้ง’ ที่ฝังตัวเองอยู่บนแพลตฟอร์มของ LINE อีกที เริ่มด้วยสองผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ บัญชีเงินฝาก-บัญชีดอกเบี้ยพิเศษ และการให้บริการสินเชื่อ (Credit LINE) ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นภายใต้การให้บริการโดยธนาคารกสิกรไทย
เริ่มต้นที่ ‘บัญชีเงินฝาก-บัญชีดอกเบี้ยพิเศษ’ โดยผู้ใช้งาน LINE ที่มีบัญชีกสิกรอยู่แล้วจะสามารถผูกบัญชีใช้งานได้ทันที หรือในกรณีที่ไม่มีบัญชีกสิกรไทยก็สามารถเปิดบัญชีผ่านแพลตฟอร์มได้เลย ความพิเศษคือการที่ผู้ใช้จะสามารถโอน ถอน (ถอนไม่ใช้บัตร) จ่าย และเช็กยอดเงินคงเหลือในบัญชีผ่าน LINE BK ที่อยู่ในแอปฯ ของ LINE ได้เลย เพื่อความสะดวก แถมยังใช้งานร่วมกับแชตในการส่งข้อมูลการทำธุรกรรมแบบเรียลไทม์ผ่าน Official Account, ส่งการเรียกเก็บเงินกับผู้ใช้คนอื่นๆ หรือการ Split หารค่าอาหาร ค่าทริปต่างๆ ร่วมกับผู้ใช้ LINE BK คนอื่นได้ทันที
โดย LINE BK จะให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 1.0% (6 เดือน) และ 1.5% (12 เดือน) นอกจากนี้ยังมีบัตรเดบิตลาย LINE FRIENDS ให้เลือกใช้งานได้ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งการใช้เดบิต LINE BK วีซ่า ชำระเงินซื้อสินค้าออนไลน์ 100 บาทขึ้นไป ยังได้รับ Cash Back คืน 0.5% อีกด้วย
ขณะที่ผลิตภัณฑ์หลักอย่างสินเชื่อส่วนบุคคลแบบดิจิทัลที่ทาง LINE BK หมายหมั้นปั้นมือตั้งใจให้เป็นช่องทางทำเงินให้กับบริษัทนั้น ชูจุดเด่นของการเป็นสินเชื่อที่อนุมัติเร็ว รู้ผลไว ขอได้ทุกที่ตลอด 24 ชั่วโมง ลดข้อจำกัดของสินเชื่อแบบเดิมๆ ด้วยการเปิดให้ผู้ที่ไม่ได้เป็นพนักงานประจำก็สามารถขอได้ (กรณีพนักงานประจำรายได้ขั้นต่ำ 7,000 บาท, ฟรีแลนซ์ เจ้าของกิจการรายได้ขั้นต่ำ 9,000 บาท) ซึ่ง LINE BK เคลมว่าพวกเขาได้ออกแบบโมเดลการคำนวณเครดิตสกอร์แบบใหม่ ผ่านการเรียนรู้พฤติกรรมการใช้บริการในระบบนิเวศของ LINE และการทำธุรกรรมบนบัญชีกสิกรไทย
สำหรับสินเชื่อ Credit LINE จะให้อัตราดอกเบี้ยพิเศษเริ่มที่ 0% ในกรอบระยะเวลา 2 เดือน, อัตราดอกเบี้ย 18-25% ต่อปีสำหรับสินเชื่อผ่อนชำระที่ระยะเวลา 12-60 เดือน และอัตราดอกเบี้ย 20-25% ต่อปีสำหรับสินเชื่อให้ยืมพร้อมใช้ที่กำหนดเงื่อนไขการจ่ายขั้นต่ำได้ทุกเดือน (วงเงินสูงสุดไม่เกิน 800,000 บาท)
ธนา โพธิกำจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีการประเมินกันว่า 10% ของสินเชื่อทั้งหมดในประเทศไทยเป็น ‘สินเชื่อนอกระบบ’ ซึ่งให้อัตราดอกเบี้ยสูงกว่า 20% ต่อเดือน และการจะขอสินเชื่อในระบบก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทุกคน โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้เป็นมนุษย์เงินเดือน เนื่องจากมีคนไทยในสัดส่วนแค่ประมาณ 33% เท่านั้นที่มีประวัติเครดิตสกอร์ นั่นจึงเป็นโอกาสดีที่ LINE BK จะเข้ามาแก้เพนพอยต์ที่เกิดขึ้น
ส่วนประเด็น NPL หรือหนี้เสียนั้น หัวเรือใหญ่ LINE BK ยอมรับว่าในช่วงแรกที่เน้นการขยายตลาดนั้นอาจจะเป็นเรื่องที่คอนโทรลได้ยากอยู่ แต่ยืนยันว่าจะพยายามควบคุมไม่ให้เกินสัดส่วน 5% ขณะที่ยังมองถึงความเป็นไปได้ในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในอนาคตเมื่อมีฐานผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น เช่น การวางตัวเองเป็น ‘โบรกเกอร์’ ขายประกัน เปิดพอร์ตการลงทุนผ่านหุ้นหรือกองทุน เป็นต้น
“เราเชื่อว่า LINE BK จะช่วยเพิ่มฐานลูกค้าให้กับธนาคารกสิกรไทยได้เป็นอย่างดี (ปัจจุบันมีลูกค้าทั้งหมด 16.6 ล้านราย) เนื่องจาก ณ วันนี้แพลตฟอร์ม LINE มีผู้ใช้งานทั้งหมดในไทยที่ราว 47 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้ก็น่าจะเป็นลูกค้าของกสิกรทั้งหมด ดังนั้นที่เหลืออีกกว่า 30 ล้านรายจะเป็นโอกาสที่ดีในการเพิ่มลูกค้ากลุ่มใหม่”
สำหรับเป้าหมายภายในปีนี้ ธนามองว่า LINE BK จะต้องมีผู้ใช้งานอย่างน้อยหลักล้านรายให้ได้ พร้อมตั้งเป้าหมายระยะยาวภายใน 3-5 ปีข้างหน้าต่อจากนี้ว่าจะต้องดัน LINE BK ขึ้นเป็น Top 5 ของผู้ให้บริการสินเชื่อรายบุคคลให้สำเร็จ (วัดจากฐานลูกค้าและวงเงินการปล่อยสินเชื่อ)
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
