ร้านขายอาหารและเครื่องดื่ม Speciality เป็นเทรนด์ธุรกิจฮิตในยุคไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นทั้งร้านผัดกระเพรา ร้านชาเขียว ร้านกาแฟดริป และ ‘Karun Thai Tea’ ร้านขายชาไทยพรีเมียมที่มีลูกค้าต่อคิวยาวทุกวันก็เป็นหนึ่งในนั้น
Karun (การัน) ไม่ได้เป็นเพียงร้านชาที่ประสบความสำเร็จ แต่เป็นกรณีศึกษาของการเปลี่ยนเครื่องดื่มธรรมดาให้กลายเป็น ‘ประสบการณ์’ ที่ถูกใส่ใจในทุกรายละเอียดและส่งมอบผ่านชาทุกแก้ว จนกวาดยอดขายกว่าร้อยล้านบาทภายใน 5 ปี
🟡 ประสบการณ์ที่มองเห็นและสัมผัสได้
ประสบการณ์ของ Karun เริ่มต้นตั้งแต่ก่อนที่ลูกค้าจะได้ลิ้มรส
แบรนด์สร้างตัวตนที่แข็งแกร่งโดยเชื่อว่าภาพลักษณ์ของแบรนด์ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของลูกค้า ตั้งแต่การเลือกใช้สีแดง-ทองที่สะท้อนความหรูหรา และบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วทรงแบนอันเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เพียงช่วยรักษาคุณภาพชา แต่ยังยกระดับสินค้าให้กลายเป็นของขวัญที่สวยงามได้ในทุกโอกาส
นอกจากนั้น Karun ไม่ได้เล่าถึงความเป็นชาไทยแบบเก่าๆ แต่เลือกที่จะสื่อสารความเป็นไทยสมัยใหม่ที่เรียบง่ายแต่พรีเมียม ทำให้ลูกค้ารู้สึกภูมิใจที่ได้ถือผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ไทย
🟡 รสชาติพรีเมียมที่ไว้ใจได้
แม้แบรนดิ้งจะสวยงามเพียงใด แต่สำหรับเครื่องดื่มแล้ว รสชาติคือหัวใจของประสบการณ์
Karun ตระหนักในข้อนี้ดี จึงให้ความสำคัญสูงสุดกับการควบคุมมาตรฐาน โดยใช้วิธีการผลิตจากครัวกลางแทนการชงสดหน้าร้าน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ว่าลูกค้าจะซื้อจากสาขาไหน ก็จะได้รับประสบการณ์รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และมีคุณภาพยอดเยี่ยมเหมือนกันทุกครั้ง ความคงเส้นคงวานี้เองที่สร้างความไว้วางใจและทำให้ประสบการณ์ของลูกค้าสมบูรณ์แบบ
🟡 ประสบการณ์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อ ‘การบอกต่อ’
Karun เติบโตในช่วง 4-5 ปีแรกด้วยพลังของ Organic Growth จากการบอกต่ออย่างแท้จริง โดยแทบไม่ต้องใช้งบประมาณโปรโมท
สิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะแบรนด์ตั้งใจออกแบบทุกองค์ประกอบของประสบการณ์ ตั้งแต่รสชาติ ภาพลักษณ์ ไปจนถึงการบริการ เพื่อสร้างความประทับใจจนลูกค้านำไปบอกต่อเอง
และ Karun ยังเลือกใช้ Instagram เป็นช่องทางสื่อสารหลัก เพราะเป็นพื้นที่ที่ลูกค้าสามารถแบ่งปันประสบการณ์ผ่านภาพที่สวยงาม ซึ่งสอดคล้องกับคาแรคเตอร์ของแบรนด์ได้ดีที่สุด
🟡 ประสบการณ์ที่สร้างจากความเข้าใจลูกค้า
“ลูกค้าต้องการอะไร และสิ่งนั้นมีหรือยังในตลาด”
ประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมของ Karun ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เกิดจากปรัชญาที่มุ่งเน้นความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง
แบรนด์เลือกที่จะสร้างสรรค์สิ่งที่ยังขาดหายไป แทนที่จะกระโดดลงไปแข่งขันในสิ่งที่มีอยู่แล้ว วิธีการนี้มาจากการลงพื้นที่ทำ Market Research และสัมภาษณ์ลูกค้าด้วยตัวเอง 100% โดยให้ความสำคัญกับข้อเท็จจริงมากกว่าความรู้สึก ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบของแบรนด์เล็กที่สามารถเคลื่อนตัวหาช่องว่างในตลาดได้เร็วกว่าแบรนด์ใหญ่
Karun ได้แสดงให้เห็นว่า การจะประสบความสำเร็จในยุคนี้ไม่ใช่แค่การขายสินค้า แต่คือการมอบ ‘Branding Experience’ ที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งถูกวางแผนมาอย่างดีบนพื้นฐานของความเข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริง
มาร่วมปลุกจิตวิญญาณผู้ประกอบการ ค้นหาการทำแบรนดิ้งที่ใช่ที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ จากประสบการณ์ตรงของ รัสม์-ธัญย์ณภัคช์ ศิริประภาเจริญ เจ้าของแบรนด์ Karun ได้ที่เวที YOUNG ENTREPRENEUR STAGE งาน The Secret Sauce Summit 2025 วันที่ 16-17 กันยายน 2568
🎟️ ซื้อบัตรได้แล้ววันนี้ที่ https://bit.ly/tsss25Karun