หากถามแฟนฟุตบอลยุคเก่าว่ากองหน้าอายุ 34 ปีสักคนควรจะเป็นอย่างไร? คำตอบที่ได้คือคงจะเป็นกองหน้าที่หมดสภาพ ไม่เหลือความเร็ว ไม่มีความแข็งแกร่ง สิ่งที่ยังมีคือสัญชาตญาณการล่าตาข่าย ซึ่งอาจไม่เพียงพอสำหรับการยืนระยะในการเล่นระดับสูงสุด
แต่นั่นไม่ใช่สำหรับนักฟุตบอลสมัยใหม่ที่อายุการใช้งานยืนยาวขึ้น และโดยเฉพาะสำหรับคนที่เป็นกรณีพิเศษอย่าง คาริม เบนเซมา
เบนเซมาในวัย 34 ปี ความจริงแทบไม่มีอะไรให้ต้องพิสูจน์แล้วกับผลงานตลอดการเล่นที่ผ่านมา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เขาต้องก้าวขึ้นมาเป็น ‘เดอะ แบก’ ของเรอัล มาดริด แทนที่ของ คริสเตียโน โรนัลโด ที่อำลาทีมไปตั้งแต่ปี 2018 ดาวยิงชาวฝรั่งเศสเชื้อสายแอลจีเรียได้ผ่านบททดสอบมาแล้วมากมายว่าเขาก็ดีไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ากัน
แต่นอกจากการพิสูจน์ตัวเองได้อย่างน่าประทับใจ เบนเซมาในเวลานี้กลับยิ่งร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุดคือการทำแฮตทริกได้ในเกมที่โลส บลังโกส บุกไปเอาชนะเชลซีได้ถึงถิ่น 3-1 ในศึกฟุตบอลยูฟาแชมเปียนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย เลกแรกถึงสแตมฟอร์ด บริดจ์
2 ประตูแรกที่ทำได้มาจากการโหม่งระดับเวิลด์คลาส ขณะที่ประตูที่ 3 ที่ได้จากในช่วงต้นครึ่งหลัง แม้จะเป็นประตูง่ายๆ แต่ก็เป็นประตูที่เยือกเย็นพอที่จะทำให้ฝังแชมป์เก่าอย่างเชลซีได้
และ 3 ประตูในเกมเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ทำให้เบนเซมายิงใน #UCL ไปแล้วทั้งหมด 11 ประตูด้วยกัน มีเพียงคนเดียวที่ยิงมากกว่าเขาคือ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี ที่ทำไป 12 ประตู
“ตอนที่ คริสเตียโน โรนัลโด ยังอยู่ เบนเซมาได้เก็บตัวอยู่ข้างหลังเงียบๆ เพราะเขารู้ว่ามันมีความหมายอย่างไรต่อทีม แต่ตอนนี้เขาก้าวออกจากเงาของโรนัลโดแล้ว” ริโอ เฟอร์ดินานด์ อดีตกองหลังทีมชาติอังกฤษ วิเคราะห์การเล่นของดาวยิงชาวฝรั่งเศส
🔝 All-time top scorers:
🇫🇷 Benzema has now scored 82 Champions League goals, just three behind third-placed Robert Lewandowski in the rankings.#UCL pic.twitter.com/V680sunnGO
— UEFA Champions League (@ChampionsLeague) April 6, 2022
หมายเลข 9 ที่ดีที่สุด?
ในวงการฟุตบอลเวลานี้ ศูนย์หน้าในแบบ Out-and-out striker นั้นไม่ได้หาง่ายนัก และคนที่โดดเด่นจริงๆ ก็ยิ่งหายากเข้าไปอีก แต่ก็ไม่ได้ถึงกับหาไม่มี
หากตั้งคำถามว่าใครคือศูนย์หน้าที่ดีที่สุดในโลก? บางคนก็อาจจะบอกว่าเป็น โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี บางคนก็อาจจะยกให้ เออร์ลิง เบราต์ ฮาลันด์ หรือบางคนก็ยกให้เป็น คีลิยัน เอ็มบัปเป
แต่สำหรับเฟอร์ดินานด์แล้ว คนที่เป็นศูนย์หน้าในแบบ ‘หมายเลข 9’ ที่ดีที่สุดมีเพียงแค่เบนเซมาคนเดียวเท่านั้น
“เบนเซมาอาจจะอายุ 34 ปีแล้ว แต่เขาคือนักเตะหมายเลข 9 ที่ดีที่สุดในโลก” เฟอร์ดินานด์กล่าว “เขาเล่นในอีกระดับไปแล้ว ทั้งการทำประตู การแอสซิสต์ ไปจนถึงการเชื่อมกับเพื่อน”
อีกคนที่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้คือ คาเรน คาร์นีย์ อดีตนักเตะหญิงทีมเชลซีและอาร์เซนอล ที่วิเคราะห์การเล่นของเบนเซมาว่า “การเคลื่อนที่ของเขา จังหวะการจบสกอร์ สิ่งที่เขามอบให้แก่เรอัล มาดริดทีมนี้ มันทำให้การดูเขาเล่นตอนนี้เป็นเรื่องที่แทบจะหยุดหายใจไม่ได้”
ขณะที่ สตีฟ แม็คมานามาน อดีตสตาร์ลิเวอร์พูลและเรอัล มาดริดมองว่า สิ่งที่ทำให้เบนเซมาแตกต่างจากคนอื่น คือประสบการณ์ที่ทำให้รู้ว่าควรจะขยับหรือเคลื่อนตัวตอนไหน หรือไปตรงไหน “ทุกครั้งที่เขาลงไปในสนาม เขาดูเหมือนจะทำประตูได้ตลอดเวลา การเคลื่อนที่ของเขาฉลาดมาก”
Name: Karim Benzema
Age: 34
Occupation. Best No.9 in the world pic.twitter.com/RPfoyggzcu— Real Madrid C.F. 🇬🇧🇺🇸 (@realmadriden) April 6, 2022
บัลลงดอร์ไหวไหม?
ในการประกาศรางวัลบัลลงดอร์เมื่อปีกลาย เบนเซมาเข้าป้ายเป็นอันดับ 4 ต่อจาก จอร์จินโญ, เลวานดอฟสกี และผู้ชนะอย่าง ลิโอเนล เมสซี
แต่จากฟอร์มในเวลานี้แล้ว นอกจากการผลิตสกอร์ที่สม่ำเสมอแล้ว การเฉิดฉายในเกมยากที่พบกับคู่แข่งมหาหินและมีความสำคัญ ทำให้หลายคนแอบคิดว่าบางทีการประกาศรางวัลลูกฟุตบอลทองคำของนิตยสาร France Football ปีนี้อาจจะมีโอกสสำหรับเบนเซมา
นอกจากเสียงร่ำลือแล้ว สถิติเองก็เป็นนักเล่าเรื่องที่ดีเช่นกัน โดยผลงานในเกมล่าสุดทำให้เขายิงแฮตทริกในแชมเปียนส์ลีกไปแล้ว 4 หนด้วยกัน ตามหลังเพียงแค่ อัลเฟรโด ดิ สเตฟาโน, เฟเรนซ์ ปุสกัส (คนละ 5) และโรนัลโด (7)
ขณะที่ 11 ประตูจาก 8 เกมในแชมเปียนส์ลีกฤดูกาลนี้ ทำให้เขายิงไปแล้ว 37 ประตูจาก 36 นัดที่ลงเล่นในเกมทางการให้เรอัล มาดริดในฤดูกาลนี้
โจ โคล อดีตสตาร์ทีมชาติอังกฤษบอกว่า เบนเซมานั้นเป็นนักฟุตบอลที่ ‘ยิ่งแก่ยิ่งเก่ง’
เรียกได้ว่าไม่ได้ต่างอะไรจากไวน์รสเลิศ ยิ่งเก็บไว้นานเท่าไร รสชาติก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น 🙂
อ้างอิง:
