Ku Bar (คู บาร์) บาร์ลึกลับที่ซ่อนตัวอยู่ในตึกโรงพิมพ์เก่าในตรอกเล็กๆ บนถนนพระสุเมรุ เปิดให้บริการมาได้ร่วมปี และเพิ่งจะเดบิวต์และแจ้งเกิดในเวที Asia’s 50 Best Bars 2018 ที่อันดับ 49 ใครที่เคยไปบาร์แห่งนี้และเข้าห้องน้ำคงจะรู้ดีว่าต้องเดินลงบันไดมาอีกชั้นหนึ่ง เมื่อก่อนชั้น 2 ไม่มีอะไรนอกจากห้องน้ำ แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว และพื้นที่เล็กๆ มุมตึกได้รับการเนรมิตให้กลายเป็นไวน์บาร์สุดมินิมัล 16 ที่นั่งที่พาคุณหลุดจากกรุงเก่าไปโผล่สักแห่งในโตเกียว
บรรยากาศที่เน้นความเรียบง่ายของร้าน
The Vibe
ความมินิมัลของ Kang Kao (ค้างคาว) สะดุดตาเราตั้งแต่ผนังข้างบันไดหน้าประตูที่เจาะช่องเล็กๆ ให้คนด้านนอกและแขกด้านในได้แอบมองกัน และเมื่อเข้ามาด้านในก็จะพบกับโต๊ะไม้ยาวตั้งเด่นกลางร้าน มีเพียงแสงเทียนเล็กๆ พอสลัวสร้างบรรยากาศ เหมาะสำหรับก๊วนเพื่อนมานั่งเมาท์มอย หรือฉายเดี่ยวพูดคุยกับคนแปลกหน้าก็ดูเข้าท่าเหมือนกัน ส่วนมุมตึกที่แคบเข้ามาก็ดูกว้างขวางขึ้น เพราะเหลือพื้นที่ว่างค่อนข้างเยอะ และโต๊ะยาวพร้อมเก้าอี้หันหน้าเข้ากระจกคงจะเป็นที่นั่งประจำสำหรับใครที่ต้องการดื่มด่ำกับไวน์ดีๆ มีเสียงพูดคุยและเพลงเป็นฉากหลัง เราชอบมุมนี้เป็นพิเศษ เพราะมันตอบโจทย์ทั้งการนั่งคนเดียวหรือมาเป็นกลุ่มเล็กแล้วนั่งล้อมวงหันหน้าคุยกัน
มาคนเดียวก็นั่งจิบไวน์คิดอะไรเพลินๆ ได้
ไวน์ไม่ใช่เครื่องดื่มที่คุณต้องแต่งตัวเต็มยศหรือเดินเข้าร้านหรูเพื่อเสาะหาเสมอไป จริงอยู่ที่ไวน์แต่ละขวดมีราคาแตกต่างกันไป แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคนทั่วไปจะไม่ได้รับอภิสิทธิ์ในการเข้าถึง ต้องมีซอมเมอลิเยร์คอยแนะนำ หรือต้องจิบพร้อมกับฟังเพลงแจ๊ซ เพราะจริงๆ แล้วไวน์จะกินที่ไหนก็ได้ และไวน์บาร์ก็เป็นอีกประเภทหนึ่งของบาร์ที่เปลี่ยนจากเหล้าเป็นไวน์เท่านั้น ส่วนถ้าคุณชอบค็อกเทลก็สามารถสั่งจาก Ku Bar แล้วเดินลงมานั่งจิบที่นี่ได้ แต่รู้ไว้สักนิดว่าเมนูที่นี่มีเฉพาะไวน์ เบียร์ และไซเดอร์อีกเล็กน้อยเท่านั้น
เคยลองหูหมูย่างกับไวน์แดงหรือยัง
The Drinks
ทางร้านคอยอัปเดตลิสต์ไวน์ใหม่อยู่เรื่อยๆ และเน้นไวน์ไบโอไดนามิก (Biodynamic) กับไวน์ธรรมชาติ หรือไวน์ออร์แกนิก (Natural Wine หรือ Organic Wine) เป็นหลัก ส่วนใหญ่ยังคงเป็นไวน์โลกเก่าจากฟากยุโรป ส่วนโลกใหม่ก็มี Hawkes Bay จากนิวซีแลนด์ 2 ชนิดให้เลือกกัน
NV Poiré Authentique Perry ไวน์สีสวยจากฝรั่งเศส
ไวน์ที่ทางร้านแนะนำคือ Anne Sophie Dubois Fleurie L’Alchimiste (1,850 บาท) ปี 2015 ซึ่งเป็นไวน์แดงสายพันธุ์แกเมย์ (Gamay) จากฝรั่งเศส สีองุ่นค่อนไปทางม่วง บอดี้มีมิติและเข้มข้นนุ่มลึก สัมผัสถึงแทนนินและกลิ่นผลไม้นำ แล้วปิดท้ายด้วยรสเผ็ดร้อน
ส่วนทางเลือกนอกจากไวน์แล้วก็มี NV Poiré Authentique Perry (1,000 บาท) ไวน์ไบโอไดนามิกไซเดอร์ลูกแพร์แบบดรายจากแคว้นนอร์มังดี ประเทศฝรั่งเศส ดื่มแล้วสดชื่นแบบที่แก้วเดียวไม่น่าจะพอ
ผักสดกับมิโซะแกล้มกับไวน์ออร์แกนิก เน้นสุขภาพเอามากๆ
The Dishes
มีของกินเล่นเบาๆ ไว้เคี้ยวแกล้มไวน์ ผักสดกับมิโซะ (60-80 บาท) ผักสดตามฤดูกาลราดด้วยมิโซะทำเอง เพิ่มลูกเล่นด้วยการผสมข้าวบาร์เลย์เข้าไปด้วย ทำให้เมื่อเคี้ยวแล้วจะมีสัมผัสหนึบๆ เข้ากับความกรอบของผัก ลืมผักชิ้นเล็กๆ ดิปซอสไปได้เลย เพราะผักกับมิโซะเก๋และอร่อยน่าลองกว่าเยอะ
นอกจากกับแกล้มแบบญี่ปุ่นก็มีกับแกล้มแบบไทย สลัดส้มโอ (100 บาท) จานนี้ไม่ธรรมดาเพราะใส่ผักแขยงและผักแพวให้มีความสดชื่นและกลิ่นโดดเด่น แถมยังโรยผงซูแม็ก เครื่องเทศรสเปรี้ยวจากเมดิเตอร์เรเนียนที่ช่างไปได้ดีกับส้มโอ และเพิ่มความกรุบด้วยเมล็ดถั่วฝักยาวทอด
(บน) เอเลน ซัน,
(ล่าง) สลัดส้มโอใส่ผักแขยงและผักแพว
อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าไวน์บาร์นี้มีแต่กับแกล้มแบบสุขภาพดีจนได้สั่ง หูหมูย่าง (240 บาท) นี่คือไอเท็มพิเศษที่ทำให้เราอยากสั่งเกินสองจาน หูหมูนุ่มๆ กรอบๆ จากกระดูกอ่อนย่างไฟจนผิวนอกกรอบและหอมกลิ่นไหม้ รองฐานด้วยซอสสีเขียวข้นที่มีส่วนผสมของถั่ว น้ำมันมะพร้าว สะระแหน่ และโหระพา รสชาติไม่ใช่แนวเพสโต้ แต่ค่อนไปทางน้ำจิ้มซีฟู้ดที่มีเท็กซ์เจอร์พอเคี้ยวได้บ้าง จานนี้ยังมาเคียงพร้อมพริกย่าง เผื่อใครที่รู้สึกว่ายังเผ็ดไม่พอ
อ่านเรื่องเบื่อทองหล่อ? 5 บาร์-ร้านอาหารเปิดใหม่ย่านซอยนานา ท่าเตียน และป้อมพระสุเมรุที่จะทำให้คุณหลงรักได้ที่นี่
What You Should Know
- Kang Kao (ค้างคาว) ชื่อสุดเท่ของบาร์แห่งนี้มีที่มาจากชื่อแมวของคู่รักเจ้าของร้าน ก้อง-อนุภาส เปรมานุวัติ และเอเลน ซัน (Elaine Sun)
- วิธีเข้าร้านคือเข้าไปที่ Ku Bar แล้วค่อยเดินลงบันไดในร้านมาอีกหนึ่งชั้น
- สถานที่แห่งนี้เป็นมิตรกับกางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ และชุดไม่เป็นทางการทุกประเภท
Kang Kao
Open: เปิดบริการทุกวันพุธ-อาทิตย์ เวลา 18.00-24.00 น.
Address: ชั้น 2 ร้าน Ku Bar เลขที่ 469 ถนนพระสุเมรุ พระนคร กรุงเทพฯ
Budget: เริ่มต้นที่ 100 บาท
Contact: 0 2067 6731
Map:
