วันที่ (25 กันยายน) เวลา 08.30 น. ณ สาธารณรัฐอินเดีย (เมืองมุมไบ) จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำคณะเดินทางตามโครงการคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์และผู้แทนการค้าภาคเอกชน เดินทางเยือนสาธารณรัฐอินเดีย (มุมไบ-เจนไน) ระหว่างวันที่ 24-28 กันยายน 2562 โดยมีเป้าหมายเปิดสัมมนาและเจรจาการค้าสร้างเครือข่ายธุรกิจระหว่างภาคเอกชนไทยและอินเดียพร้อมทั้งเป็นสักขีพยานพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างภาคเอกชนไทยและอินเดีย นอกจากนั้นยังมีการหารือทวิภาคีอีกหลายรายการ เบื้องต้นมีกำหนดการที่อินเดียมากกว่า 20 รายการในตารางนัดหมายเพื่อเดินหน้าบุกตลาดอินเดียอย่างจริงจัง
จุรินทร์กล่าวเบื้องต้นว่า ในการเยือนอินเดียครั้งนี้ ได้พาคณะผู้แทนการค้าของประเทศไทย 5 กลุ่มธุรกิจสำคัญ ได้แก่ ยางพารา ไม้ยางพารา แป้งมันสำปะหลัง วัสดุก่อสร้าง และบริการโลจิสติกส์ เพื่อเจาะตลาดการค้าจับคู่ธุรกิจกับผู้นำเข้าอินเดีย โดยในส่วนของการเจรจาก็จะขยายการส่งออกสินค้าเกษตรของไทยสู่ตลาดอินเดีย ซึ่งจะมีการหารือกับสมาคมผู้ผลิตและผู้ค้าเฟอร์นิเจอร์แห่งอินเดียด้วย นอกจากนั้นยังตั้งเป้าหมายที่เมืองเจนไน โดยจะขอให้ทำการสั่งซื้อไม้ยางพาราและผลิตภัณฑ์ยางพาราของไทยเพื่อใช้ในวัตถุดิบในอุตสาหกรรมการผลิตเฟอร์นิเจอร์และยางล้อรถยนต์ของอินเดียเพิ่มขึ้นด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า กำหนดการของจุรินทร์และคณะมีทั้งเจรจากับเจ้าของห้างค้าปลีกในอินเดียและการเปิดสัมมนาพร้อมกิจกรรมเจรจาการค้า การเป็นประธานและสักขีพยานในการทำข้อตกลง (MOU) ระหว่างสมาคมธุรกิจไม้ยางพาราไทยกับอินเดีย การลงนามของสภาธุรกิจไทยอินเดียด้านสตาร์ทอัพ การลงนามสภาธุรกิจไทยอินเดียด้านอุตสาหกรรมบอมเบย์ และการลงนามระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกับ BigBasket เพื่อสร้างร้านค้าจำหน่ายสินค้าไทยผ่านออนไลน์บนแอปพลิเคชัน BigBasket และเว็บไซต์ BigBasket ซึ่งมีพลังอย่างมากในอินเดีย
นอกจากนั้นยังมีการจัดสัมมนาไทย-อินเดียเรื่องศักยภาพของไม้ยางพาราไทยกับอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ที่อินเดียและการนำเอกชนไทยเข้าร่วมกิจกรรม Bisinesss Matching & Networking แบบแยกตามกลุ่ม และมีการนำคณะสภาธุรกิจไทย-อินเดียกลุ่มวัสดุก่อสร้างหารือเพื่อสร้างโอกาสของประเทศไทย รวมทั้งความคืบหน้าโครงการขยายธุรกิจวัสดุก่อสร้างของไทยในอินเดีย ตามด้วยสมาคมอุตสาหกรรมแห่งบอมเบย์ละสมาชิกที่มีการหารือเรื่องการสร้างเครือข่ายธุรกิจและมีการประชุมหารือกับบริษัทไทยที่ดำเนินธุรกิจในอินเดียหลายรายการ
ทั้งนี้รัฐบาลมีนโยบายบุกและเปิดตลาดในประเทศอินเดีย เนื่องจากมีประชากรและผู้บริโภคจำนวนมาก และอินเดียจะเป็นตลาดใหม่ที่สำคัญของไทยภายใต้สถานการณ์การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก สำหรับสินค้าส่งออกที่สำคัญจากประเทศไทย คือเคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติกอัญมณีและเครื่องประดับ รถยนต์และอุปกรณ์กับส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เหล็ก-เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ทองแดงและผลิตภัณฑ์ทำด้วยทองแดง เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนประกอบ รวมทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วย โดยในปี 2561 ที่ผ่านมามูลค่าการค้าระหว่างไทยกับอินเดียขยายตัวมากกว่าร้อยละ 20 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
