×

แด่การสูญเสียของ จอห์น แมคเคน จากเชลยศึกสงครามเวียดนามสู่นักการเมืองหัวใจนักสู้

27.08.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

5 Mins. Read
  • โลกสูญเสีย ‘ผู้พิทักษ์เสรีภาพที่ยิ่งใหญ่’ ไปหนึ่งคน เมื่อ จอห์น แมคเคน วุฒิสมาชิกผู้ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งของพรรครีพับลิกัน ได้จากโลกนี้ไปด้วยโรคมะเร็งสมองในวัย 81 ปี เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม
  • แมคเคนได้รับการยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษ ผู้กล้า คนรักชาติ และยอดนักสู้ หลังทำงานรับใช้ประชาชนชาวอเมริกันนาน 60 ปีทั้งในเครื่องแบบทหารและชุดสูทนักการเมือง
  • เขาเคยผ่านสมรภูมิสงครามเวียดนามและถูกจับเป็นเชลยศึกนาน 5 ปีก่อนได้รับอิสรภาพ จากนั้นเขาได้เลือกเดินบนถนนสายการเมืองและได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิกรัฐแอริโซนารวม 6 สมัยตั้งแต่ปี 1987 จนกระทั่งลมหายใจสุดท้าย
  • ตลอดชีวิตสายการเมือง มีเพียง จอร์จ ดับเบิลยู. บุช และบารัก โอบามา เท่านั้นที่ชนะแมคเคนในสนามเลือกตั้ง ทั้งสองดับฝันการก้าวเป็นประธานาธิบดีของแมคเคน

แม้เวลาผ่านไป 3 วัน แต่คำกล่าวไว้อาลัยจากทุกสารทิศกับการจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับของ จอห์น แมคเคน วุฒิสมาชิกรัฐแอริโซนาและนักการเมืองหัวใจนักสู้ยังคงหลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย

 

เขาเป็นใคร ทำไมโลกจึงยกย่องเขา

 

คนไทยจำนวนมากอาจไม่คุ้นชื่อ จอห์น แมคเคน แต่ชาวอเมริกันทั้งประเทศรู้จักเขาดีในฐานะนักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่และทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งของพรรครีพับลิกัน เขาจากโลกนี้ไปอย่างสงบในวัย 81 ปี เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา หลังต่อสู้กับโรคมะเร็งสมองนานนับปี

 

หากกล่าวว่าแมคเคนเป็นมากกว่านักการเมืองก็คงไม่ผิด เพราะวีรกรรมมากมายที่เขาฝากไว้ตลอดเส้นทางการรับใช้ชาติ 60 ปี ทั้งในฐานะทหารที่กรำศึกหนักจนเกือบเสียชีวิตในหน้าที่และนักการเมืองที่ทำงานอุทิศตนเพื่อประชาชน เรียกได้ว่าต่อสู้กับทั้งข้าศึกในสมรภูมิรบ นักการเมืองในรัฐสภา และคู่แข่งในสนามเลือกตั้งประธานาธิบดีเพื่อปกป้องประเทศชาติที่เขาหวงแหนจนยากจะหาใครเทียบ

 

 

จากสมรภูมิรบสู่สังเวียนการเมือง

ความเป็นยอดนักสู้ของเขาเริ่มจากการเกิดในครอบครัวทหารที่กองบินทหารเรือ ‘โคโค โซโล’ ในเขตคลองปานามา พ่อของเขา (จอห์น แมคเคน จูเนียร์) และปู่ (จอห์น แมคเคน ซีเนียร์) เป็นพลเรือเอก 4 ดาวในสังกัดกองทัพเรือสหรัฐฯ ทั้งคู่ ซึ่งสร้างอิทธิพลให้แมคเคนเลือกสวมเครื่องแบบทหารอันภาคภูมิตามรอยเท้าพ่อและปู่

 

แมคเคนสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายเรือแห่งสหรัฐอเมริกาในปี 1958 จากนั้นเขาได้รับการบรรจุเป็นทหารในสังกัดกองทัพเรือ ก่อนก้าวไปเป็นนักบินของกองทัพเรือ โดยได้ขับเครื่องบินทิ้งระเบิด Skyhawk ที่ประจำการบนเรือบรรทุกเครื่องบินเป็นหลัก

 

ในระหว่างสงครามเวียดนาม ปี 1967 แมคเคนเกือบจบชีวิตถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกในเหตุเพลิงไหม้บนเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Forrestal สืบเนื่องจากเกิดปัญหาระบบไฟฟ้าขัดข้อง ทำให้เครื่องบินขับไล่ F-4B ยิงอาวุธนำวิถีใส่ถังเชื้อเพลิงของเครื่องบิน Skyhawk จนเกิดการระเบิดเป็นลูกโซ่ เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้มีลูกเรือเสียชีวิต 134 นาย และบาดเจ็บ 161 นาย โดยแมคเคนเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิต

 

จากนั้นในปฏิบัติการ Operation Rolling Thunder ในสมรภูมิสงครามเวียดนาม แมคเคนได้รับภารกิจให้นำเครื่อง Skyhawk ออกบินทิ้งระเบิดปูพรม แต่เครื่องบินของเขาถูกฝ่ายข้าศึกยิงตก เขากระโดดร่มลงทะเลสาบใกล้กรุงฮานอยและได้รับบาดเจ็บโดยที่ขาข้างหนึ่งและแขนสองข้างหัก ก่อนถูกทหารคอมมิวนิสต์จับเป็นเชลยศึกนาน 5 ปี จนกระทั่งได้รับอิสรภาพกลับคืนสู่มาตุภูมิในปี 1973

 

กาลเวลาผ่านไป เขาตัดสินใจลาออกจากกองทัพขณะมียศเป็นนาวาเอก และย้ายไปตั้งรกรากในรัฐแอริโซนาในปี 1981 ที่ซึ่งเขาเริ่มต้นถนนสายการเมืองที่ทอดยาวเกือบ 40 ปี

 

 

นักการเมืองผู้ไม่เคยปราชัยในสนามเลือกตั้งสมาชิกสภาคองเกรส

ในสนามเลือกตั้งหนแรกซึ่งเป็นสมรภูมิใหม่ที่ศัตรูไม่ได้หยิบจับอาวุธปืนมาประหัตประหารอีกต่อไป หากแต่เป็นการต่อสู้กันด้วยนโยบายและอุดมการณ์ แมคเคนลงสมัครชิงชัยเก้าอี้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 1 รัฐแอริโซนา ในนามพรรครีพับลิกัน และเขาก็ประเดิมด้วยชัยชนะอย่างสวยหรู พร้อมกับพลิกบทบาทใหม่ในการทำงานรับใช้ประชาชนในสภาคองเกรส และถือเป็นการสลัดคราบเครื่องแบบทหารไปสวมชุดสูทอย่างเต็มตัว

 

แมคเคนดำรงตำแหน่ง ส.ส. รัฐแอริโซนารวม 2 สมัย ก่อนผันตัวไปลงสมัครชิงเก้าอี้สมาชิกวุฒิสภาในปี 1987 และนับแต่นั้นเขาก็รั้งเก้าอี้ ส.ว. ได้ทั้ง 6 สมัยที่ลงชิงชัย โดยในช่วงเวลาที่เขาทำงานในวุฒิสภาจนกระทั่งลมหายใจสุดท้าย เขามีส่วนสำคัญในการผลักดันกฎหมายหลายฉบับ โดยเฉพาะการปฏิรูประบบเงินทุนสำหรับการหาเสียงเลือกตั้ง

 

เขาใช้เวลาต่อสู้นาน 7 ปีจนสามารถผลักดันรัฐบัญญัติ McCain-Feingold Bipartisan Campaign Reform Act จนประกาศใช้เป็นผลสำเร็จในปี 2002 แมคเคนจัดทำร่างกฎหมายดังกล่าวร่วมกับวุฒิสมาชิก รัสส์ เฟนโกลด์ จากพรรคเดโมแครต โดยมีการจำกัดขอบเขตการใช้เงินทุนของพรรคการเมืองต่างๆ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะของแมคเคนใน Capitol Hill หรือรัฐสภาสหรัฐฯ

 

นอกจากนี้เขายังดำรงตำแหน่งสำคัญในวุฒิสภาหลายตำแหน่ง ตั้งแต่ประธานคณะกรรมาธิการการทหารไปจนถึงประธานคณะกรรมาธิการด้านการค้าของวุฒิสภา

 

สมญานามนักการเมืองสายอนุรักษนิยมหัวแข็งที่แมคเคนได้รับก็ไม่ใช่คำกล่าวลอยๆ แต่มีที่มาที่ไป เขาเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกันเพียงไม่กี่คนที่กล้าวิจารณ์นโยบายและการทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างตรงไปตรงมา โดยตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาแสดงให้เห็นว่าไม่ฝักใฝ่พรรคต้นสังกัด แต่เลือกดูที่เนื้อหาของนโยบายหรือกฎหมายเป็นสำคัญว่าขัดต่อผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่หรือไม่

 

หลังทรัมป์กุมบังเหียนบริหารประเทศ แมคเคนรับบทหัวหอกต่อสู้ในกระบวนการนิติบัญญัติ รวมทั้งแสดงความเห็นคัดค้านนโยบายผู้อพยพ นโยบายต่างประเทศ ไปจนถึงนโยบายประกันสุขภาพของทรัมป์จนถูกมองว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากับทรัมป์

 

 

แพ้แค่บารัก โอบามา และจอร์จ ดับเบิลยู. บุช  

อาจกล่าวว่าบนถนนการเมือง แมคเคนแพ้ให้กับคนเพียง 2 คนเท่านั้น เขาคนนั้นคือ จอร์จ ดับเบิลยู. บุช เมื่อครั้งเลือกตั้งระดับไพรมารีเพื่อชิงชัยเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันลงสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2000 และอีกคนคือ บารัก โอบามา คู่แข่งจากพรรคเดโมแครตในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี ปี 2008 ซึ่งสำหรับแมคเคนแล้วนับว่าเขาขาดเพียงอีกก้าวเดียวเท่านั้นก็จะได้ดำรงตำแหน่งสูงสุดในทางการเมือง

 

 

แม้เป็นคู่แข่งจากต่างพรรคการเมือง แต่โอบามาก็ยกย่องและเคารพในตัวแมคเคนเสมอมา เพราะความที่เขาอาวุโสกว่าและมีความเป็นมืออาชีพ และแน่นอนว่าแมคเคนเป็นคนที่เห็นแก่ประเทศชาติอย่างแท้จริง

 

หลังแมคเคนเสียชีวิต โอบามาได้กล่าวไว้อาลัยด้วยโวหารที่จับใจว่าแมคเคนเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับชาวอเมริกันและผู้อพยพทุกชั่วอายุคน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการต่อสู้ ความกล้าหาญ และเสียสละ

 

 

สารจากทรัมป์ถึงแมคเคนผู้ล่วงลับ

แม้ตอนมีชีวิตอยู่ทั้งคู่จะเป็นคู่กัดกัน แต่หลังจากแมคเคนจากไป ทรัมป์ได้ทวีตข้อความในทวิตเตอร์ว่ารู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของแมคเคน

 

 

ขณะที่ เมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ได้กล่าวขอบคุณแมคเคนที่ทำงานรับใช้ประเทศชาติตราบจนวาระสุดท้าย

 

รายงานข่าวล่าสุดบอกว่าทั้งโดนัลด์ และเมลาเนีย ทรัมป์ ล้วนไม่ได้รับเชิญให้มาร่วมงานศพของแมคเคน แต่ไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดี ได้รับเชิญให้มางาน

 

ไม่ใช่แค่คนของประเทศ แต่เป็นบุคคลสำคัญของโลก

การออกมากล่าวแสดงความอาลัยของผู้นำโลกทั่วโลกเป็นเครื่องยืนยันสถานะของ จอห์น แมคเคน บนเวทีโลกได้เป็นอย่างดี

 

จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา สรรเสริญแมคเคนว่าเป็นผู้รักชาติและเป็นวีรบุรุษผู้เสียสละเพื่อประเทศ เขาอุทิศตนเกือบทั้งชีวิตให้กับการรับใช้ประชาชน ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนหลายล้านคน

 

ขณะที่ สกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของออสเตรเลีย ยกย่องแมคเคนว่าเป็นมิตรแท้ของออสเตรเลีย เขารักษาคำมั่นสัญญาในการเสริมสร้างความเป็นพันธมิตรระหว่างสองประเทศ เขาเป็นบุรุษที่เปี่ยมด้วยความกล้าหาญ

 

เช่นเดียวกับ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ก็ยกย่องแมคเคนว่าเป็นเพื่อนที่ให้การสนับสนุนอิสราเอลเป็นอย่างดีบนฐานความเชื่อในประชาธิปไตยและเสรีภาพของเขา

 

ส่วน เดวิด คาเมรอน อดีตนายกรัฐมนตรีของสหราชอาณาจักร กล่าวว่าแมคเคนเป็นคนที่กล้าหาญและเป็นผู้นำที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คน

 

“โลกได้สูญเสียผู้พิทักษ์เสรีภาพที่ยิ่งใหญ่ไปหนึ่งคน ขอให้ไปสู่สุคติ จอห์น แมคเคน ผมขอสวดภาวนาให้กับครอบครัวของคุณ” คาเมรอนกล่าว

 

 

พิธีศพสมเกียรติ

แน่นอนว่าพิธีศพของแมคเคนจะจัดขึ้นอย่างสมเกียรติ โดยจะมีการแห่ขบวนศพและเปิดให้ประชาชนได้มาเคารพศพเป็นครั้งสุดท้ายที่ห้องโถงอาคารรัฐสภาในรัฐแอริโซนาวันพุธนี้ (29 ส.ค.) และกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในวันศุกร์ (31 ส.ค.) จากนั้นจะจัดพิธีศพอย่างเป็นทางการที่มหาวิหารแห่งชาติวอชิงตัน (National Cathedral) ซึ่งเป็นพิธีการอันทรงเกียรติที่จะมีแต่ผู้นำทางการเมืองและวีรบุรุษของชาติเท่านั้นที่จะได้รับ ส่วนพิธีฝังศพจะจัดขึ้นแบบส่วนตัวในวันอาทิตย์นี้ (2 ก.ย.) ที่โรงเรียนนายเรือสหรัฐฯ ในเมืองแอนนาโปลิส รัฐแมริแลนด์

 

โดยในพิธีศพ อดีตประธานาธิบดีสองคนคือ บารัก โอบามา และจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ได้รับเชิญให้มากล่าวสุนทรพจน์แสดงความอาลัยต่อการจากไปของแมคเคนด้วย

 

“ผมไม่ใช่คนของตัวเองอีกต่อไป แต่เป็นคนของประเทศชาติ”

 

แน่นอนว่าคำกล่าวนี้ของ จอห์น แมคเคน จะตราตรึงใจคนไปตราบนานเท่านาน เช่นเดียวกับเรื่องราวชีวิตที่น่าจดจำของเขา เหมือนกับที่ ฟรานส์ ทิมเมอร์แมนส์ รองประธานคณะกรรมาธิการยุโรปคนปัจจุบันกล่าวไว้ว่า

 

“แมคเคนเป็นฮีโร่ มรดกความกล้าหาญและความมีศีลธรรมของเขาจะทำให้บุคคลที่เขารักภาคภูมิใจ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับเราทุกคน”

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising