วานนี้ (19 กันยายน) โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดภายในประเทศ ชี้การแพร่ระบาดโควิดในสหรัฐฯ สิ้นสุดแล้ว แม้ยอดรวมผู้เสียชีวิตจะยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่า “เรายังคงมีปัญหาโควิด ยังมีอีกหลายอย่างที่จะต้องทำ แต่การแพร่ระบาดสิ้นสุดแล้ว ถ้าคุณสังเกตเห็น คุณจะพบว่าไม่มีใครสวมหน้ากากอนามัยแล้ว ทุกคนเหมือนจะอยู่ในสถานการณ์ที่ดีขึ้น และผมคิดว่ามันกำลังเปลี่ยนแปลง
โรคระบาดที่ผ่านมาเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งมุมมองความคิดของผู้คนต่อตัวพวกเขาเอง ต่อครอบครัว มุมมองเกี่ยวกับรัฐและชุมชนของพวกเขา นับเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมากๆ มากจริงๆ”
สถานการณ์ภาพรวมของโควิดภายในสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดลงอย่างเห็นได้ชัด นับตั้งแต่ช่วงเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของไบเดนในช่วงต้นปี 2021 ที่ผ่านมา ที่ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิดเฉลี่ยสูงกว่า 3,000 รายต่อวัน ก่อนที่ระบบสาธารณสุขจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีวัคซีนใช้ได้อย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น ซึ่งในขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิตรายใหม่อยู่ที่ราว 400 รายในแต่ละวัน
เมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทางการสหรัฐฯ ประกาศขยายช่วงระยะเวลาฉุกเฉิน เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ประกาศใช้มาตั้งแต่ช่วงมกราคม 2020 ในสมัยรัฐบาลอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไปจนถึง 13 ตุลาคมที่จะถึงนี้ และมีแนวโน้มที่อาจจะไม่ขยายระยะเวลาดังกล่าวออกไปอีก เพื่อให้กลับมาขับเคลื่อนสังคมและเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ดร.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า โลกยังไม่ได้เดินทางไปถึงจุดที่ดีขึ้นที่การแพร่ระบาดจะยุติลง การกลายพันธ์ุของเชื้อไวรัสก็ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอาจมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง
“เรายังไม่ได้เดินทางไปถึงจุดนั้น แต่จุดที่โรคระบาดจะสิ้นสุดลงก็พอจะมีเค้าให้เห็น”
เกือบ 3 ปีเต็ม โควิดคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 6.5 ล้านรายทั่วโลก โดยสหรัฐฯ ยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อเสียชีวิตมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ตามมาด้วยอินเดียและบราซิล
แฟ้มภาพ: Brendan Smialowski / AFP
อ้างอิง: