ไบเดนประกาศ คนฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัย จับมือ-โอบกอดกันได้ หลังสหรัฐฯ ฉีดวัคซีนรุดหน้า

วานนี้ (13 พฤษภาคม) ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา ประกาศว่า “วันนี้เป็นวันที่เยี่ยมยอดสำหรับสหรัฐฯ” คนที่เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบโดสแล้ว ไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยและเว้นระยะห่างทางสังคม ในสถานการณ์ส่วนใหญ่ในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังสามารถจับมือทักทายและโอบกอดกันได้ ตามแนวทางการปฏิบัติใหม่ของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) หลังสหรัฐฯ ผลักดันมาตรการฉีดวัคซีนจนรุดหน้าอย่างรวดเร็ว

“ถ้าคุณได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัย และคุณก็ยังสามารถจับมือทักทายกัน รวมถึงโอบกอดกันได้อีกด้วย แต่ถ้าคุณยังไม่ได้เข้ารับการฉีดวัคซีน โปรดใส่หน้ากากอนามัย”

ถึงแม้รัฐบาลสหรัฐฯ จะปฏิบัติตามคำแนะนำของ CDC และอนุญาตให้คนที่ฉีดวัคซีนแล้วไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยได้ แต่ไบเดนก็ยังขอความร่วมมือจากทุกคน ให้ปฏิบัติกับบุคคลที่สวมหน้ากากอนามัยหรือเต็มใจที่จะสวม แม้เข้ารับการฉีดวัคซีนแล้ว เพื่อก้าวข้ามวิกฤตโรคระบาดนี้ไปด้วยกัน

“จงอดทนอดกลั้นกับผู้อื่น เพราะบางคนอาจจะรู้สึกว่า ฉันมั่นใจที่จะใส่หน้ากากอนามัยต่อไป ถ้าคุณเจอพวกเขาก็จงปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความใจดี และเคารพซึ่งกันและกัน

“พวกเราต่างเผชิญความขัดแย้ง ความขมขื่น ความโกรธเคือง การถูกนำประเด็นมาใช้เพื่อประโยชน์ทางการเมืองมามากมายแล้ว

“เราคงจะไม่ออกไปไล่จับผู้คน เพราะสิ่งสำคัญคือผมยังเชื่อมั่นว่า พลเมืองอเมริกันส่วนใหญ่ห่วงใยความปลอดภัยของกันและกันอยู่แล้ว”

CDC รายงานว่า ขณะนี้สหรัฐฯ ฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้พลเมืองไปแล้ว 266.5 ล้านราย มากที่สุดในเชิงปริมาณ เป็นอันดับที่ 2 รองจากประเทศจีน (354.27 ล้านโดส) พลเมืองเกือบ 155 ล้านราย เข้ารับการฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส ขณะที่พลเมือง 35.8% หรือกว่า 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมดฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว

ล่าสุด ทางการสหรัฐฯ อนุมัติการใช้วัคซีนโควิด-19 จาก Pfizer-BioNTech ในเด็ก เป็นกรณีฉุกเฉินแล้ว นับเป็นความพยายามในการสร้างภูมิคุ้มกันต้านโควิด-19 ให้ครอบคลุมกลุ่มพลเมืองในช่วงวัยต่างๆ มากยิ่งขึ้น หลังยอดผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สูงกว่า 32.8 ล้านราย