สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และทำให้ความไม่แน่นอนเกิดขึ้นอย่างมาก ขณะเดียวกันยังมองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดความยากลำบากมหาศาล
“นัยต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความไม่แน่นอนอย่างมาก และเราจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด การทำนโยบายการเงินที่เหมาะสมในสภาพแวดล้อมนี้ จำเป็นต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจมีวิวัฒนาการไปในทางที่ไม่คาดคิด เราจะต้องคล่องแคล่วในการตอบสนองต่อข้อมูลที่เข้ามาและแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงไป” พาวเวลล์กล่าว
ข้อสังเกตดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 40 ปี ซึ่งถูกทำให้ซับซ้อนมากขึ้นด้วยเหตุการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ผลักดันราคาน้ำมันให้แตะระดับสูงสุดในรอบทศวรรษ ดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 7.5% ในเดือนมกราคม เทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่อัตราเงินเฟ้อที่ Fed ใช้เป็นมาตรวัดทางเศรฐกิจ ก็เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 12 เดือนนับตั้งแต่ปี 1983
พาวเวลล์และผู้กำหนดนโยบายคนอื่นๆ ได้ระบุมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้วว่า พวกเขาวางแผนที่จะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงเพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อ และล่าสุดได้ย้ำจุดยืนวานนี้ (2 มีนาคม) ว่าจะเริ่มใช้นโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเริ่มลดการถือครองพันธบัตร
“เราจะใช้เครื่องมือนโยบายของเราตามความเหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นจากเป้าหมาย ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมการขยายตัวของเศรษฐกิจ และช่วยให้ตลาดแรงงานแข็งแกร่ง”
ยังคาดการณ์ ‘เงินเฟ้อ’ มีแนวโน้มลดลง
พาวเวลล์กล่าวว่า Fed จะเริ่มลดขนาดการถือครองสินทรัพย์หลังจากที่ได้เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว โดยนับตั้งแต่การระบาดของโควิดเริ่มต้นขึ้น Fed ได้ซื้อพันธบัตรกระทรวงการคลังและหลักทรัพย์ค้ำประกันด้วยอัตราที่เร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทำให้ยอดการถือครองทั้งหมดในงบดุลของธนาคารกลางอยู่ที่เกือบ 9 ล้านล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม พาวเวลล์กล่าวย้ำว่า Fed จะลดการถือครองพันธบัตรในลักษณะที่คาดการณ์ได้
ในด้านเศรษฐกิจ พาวเวลล์กล่าวว่า เขายังคงคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงตลอดทั้งปี เนื่องจากปัญหาด้านซัพพลายเชนได้รับการแก้ไข โดยแรงงานมีความตึงตัวมาก และสังเกตเห็นถึงการขึ้นค่าแรงที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้มีรายได้น้อยและชนกลุ่มน้อย
“เราเข้าใจดีว่าอัตราเงินเฟ้อที่สูงทำให้เกิดความยากลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีความสามารถน้อยที่สุดในการรับมือกับค่าใช้จ่ายจำเป็นที่สูงขึ้น เช่น อาหาร ที่อยู่อาศัย และการขนส่ง เรารู้ว่าสิ่งที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำได้เพื่อสนับสนุนตลาดแรงงาน คือ การส่งเสริมการขยายตัวในระยะยาว แต่นั่นเป็นไปได้เฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีเสถียรภาพด้านราคาค่าใช้จ่ายเท่านั้น” พาวเวลล์กล่าว
สำหรับความเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นนั้น ดัชนีหุ้นได้ปรับเพิ่มขึ้นตอบรับปัจจัยข้างต้นไปจนถึงแนวโน้มประชุมวันที่ 15-16 มีนาคมแล้ว อย่างไรก็ตาม ตลาดได้ลดความคาดหวังในช่วงที่เหลือของปีนับตั้งแต่สงครามยูเครนเริ่มต้นขึ้น
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP