Jeongnyeon: The Star is Born สร้างกระแสฮือฮาตั้งแต่เปิดตัวนักแสดง เพราะนี่คือโปรเจกต์รวมนักแสดงหญิงแถวหน้าของเกาหลีใต้เอาไว้ด้วยกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็มีปัญหาเรื่องคิวออกอากาศ และยังเจอวิบากกรรมเรื่องการตัดตัวละครสำคัญจากต้นฉบับออกจากเรื่อง อย่างไรก็ตาม เมื่อดูจากการเพิ่มขึ้นของเรตติ้งอย่างก้าวกระโดดจาก 4.8 ตอนเปิดตัวสู่ 12.7 หลังออกอากาศเพียงแค่ 4 ตอน ก็น่าจะบอกได้ว่าอนาคตของซีรีส์เรื่องนี้ต้องไปได้สวย
Jeongnyeon: The Star is Bornสร้างจาก WEBTOON ชื่อดัง หยิบยกเอาวัฒนธรรมร่วมสมัยคือละครกุกกึก การแสดงแบบดั้งเดิมของเกาหลีที่ผสมผสานทั้งการแสดง การร้อง และการร่ายรำ ถ้าเทียบกับของไทยก็ประมาณละครร้องศาลาเฉลิมกรุง ต่างตรงที่ใช้นักแสดงเป็นผู้หญิงล้วน ศิลปะการแสดงประเภทนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงหลังสงครามเกาหลี ทำให้นักแสดงโด่งดังไม่ต่างจากศิลปินไอดอล ซึ่งกว่าจะก้าวไปถึงจุดนั้นต้องผ่านการคัดเลือกและฝึกฝนอย่างเข้มข้นเหมือนค่ายเพลง K-Pop หรือนักแสดงในซีรีส์ยุคปัจจุบันเลยทีเดียว
มุนอ๊กกยอง (จองอึนแช)
ยุนจองนยอน (คิมแทรี)
ยุนจองนยอน (คิมแทรี) คือเด็กสาวขายปลาจากเมืองมกโพผู้มีพรสวรรค์ด้านการร้องเพลง โดยเฉพาะเพลงพันโซรี (ลำนำเล่าเรื่องของเกาหลี) กระทั่งวันหนึ่งเพลงที่เธอร้องไปสะดุดหู มุนอ๊กกยอง (จองอึนแช) นักแสดงชื่อดังที่กำลังเบื่อความสำเร็จรูปของละครกุกกึกได้เล็งเห็นศักยภาพบางอย่างของจองนยอนจนอยากฝึกให้เป็นซูเปอร์สตาร์แทนที่เธอ
น่าเสียดายที่แม่ของจองนยอนคือ ซอยงรเย (มุนโซรี) เกลียดกลัวการร้องเพลงและห้ามไม่ให้เธอร้องเพลงเด็ดขาด ทำให้จองนยอนหนีตามอ๊กกยองเข้ามาออดิชันที่คณะแมรันกุกกึก คณะละครหญิงที่ดังที่สุดแห่งยุคในกรุงโซลที่ดูแลอย่างเข้มงวดโดย คังโซบก (รามีรัน)
ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่างทำให้จองนยอนแค่ติดตัวสำรองในตำแหน่งเด็กฝึก เธอถูกลุ่มเด็กฝึกบ้านรวยในคณะกลั่นแกล้ง และได้เจอกับคู่แข่งที่น่ากลัวคือ ฮอยองซอ (ชินเยอึน) หญิงสาวที่ชอบเอาชนะเพราะอยู่ใต้เงาของพี่สาวนักร้องโอเปราระดับโลกจนอยากโดดเด่นให้ได้อยู่ในสายตาของแม่บ้าง
เมื่อซอยงรเยรู้ว่าลูกสาวหนีเข้ามาอยู่ในคณะแมรันกุกกึกจึงเดินทางมาตามกลับบ้านและได้เจอกับคังโซบก ทำให้ความลับเรื่องเธอคืออดีตนักร้องพันโซรีชื่อดังถูกเปิดเผยออกมา ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้ซอยงรเยไม่อยากให้ลูกสาวเดินตามเส้นทางของตัวเอง ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถหยุดความฝันของเด็กสาวเอาไว้ได้ เพราะแม้จองนยอนจะทำผิดกฎร้ายแรงจนต้องออกจากคณะแมรันไปและเดินบนเส้นทางใหม่คือการเป็นนักร้องในรายการทีวี ก็ยังมุมานะที่จะกลับเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของแมรันกุกกึกอีกครั้ง
ฮอยองซอ (ชินเยอึน)
ถ้าหากไม่นับมิวสิกวิดีโอเพลง NOBODY ของวง Wonder Girls และซีรีส์ว่าด้วยเรื่องสงครามประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้ในยุค 50-60 ที่แทบไม่ได้รับการพูดถึง โดยเฉพาะชีวิตคนธรรมดาสามัญที่กำลังเต็มไปด้วยความหวังจะสร้างประเทศขึ้นมาใหม่ รวมถึงวัฒนธรรมบันเทิงที่ช่วยเยียวยาจิตใจผู้คนหลังสงคราม ทั้งหมดกลายเป็นความน่าสนใจของ Jeongnyeon: The Star is Bornเหมือนเราได้ดู Oliver Twist ผสมสงครามชีวิตโอชินเวอร์ชันคอเมดี้
ศูนย์กลางเรื่องคือตัวละครจองนยอน ซึ่งคำว่า Jeong (정) ในชื่อของเธอในภาษาเกาหลีมีความหมายครอบคลุมทั้งความรัก ความเสน่หา ความเห็นอกเห็นใจ และความภักดี แทรกซึมอยู่ในวัฒนธรรมเกาหลีให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ร่วมกับคำว่า Han (恨) หมายถึงความโกรธแค้น รวดร้าว ทรมาน ฝังรากลึกจากประวัติศาสตร์เลวร้ายที่เกาหลีต้องเผชิญ โดยตัวละครจองนยอนมีทั้ง 2 อย่างอยู่ในตัวคือเสน่ห์และความเป็นที่รักผ่านการร้องเพลง ขณะเดียวกันน้ำเสียงก็สอดแทรกความเจ็บปวดร้าวลึกที่จำเป็นมากๆ สำหรับเพลงพันโซรี
ไม่ใช่แค่ชื่อ แต่บุคลิกตัวละครนี้ยังบรรจุค่านิยมแบบเกาหลีใต้ไว้เกือบครบ ทั้งความซื่อสัตย์ ขยัน มุมานะ ฝ่าฟันการดูถูกเหยียดหยาม สะท้อนออกมาผ่านหลายเหตุการณ์ในเรื่อง เช่น การยอมรับผิดแทนเพื่อนจนต้องออกจากคณะละคร หรือการทุ่มเทรับบทตัวตลกเพื่อลบคำสบประมาท ตัวละครจองนยอนจึงเป็นตัวแทนความหวังของเกาหลีใต้ในยุคนั้น
Jeongnyeon: The Star is Bornใส่ส่วนผสมความเป็นคอเมดี้และดราม่าเข้ามาอย่างกลมกล่อม ทั้งจากบุคลิกใสซื่อและสำเนียงแปร่งๆ แบบสาวบ้านนอกของจองนยอน และยังเพลิดเพลินกับความอลังการของฉากในละครเพลงและบรรยากาศย้อนยุค ส่วนในพาร์ตดราม่าก็เล่าผ่านวิบากกรรมต่างๆ ที่จองนยอนต้องเผชิญ และความลับของแม่ที่รอการเฉลย ขณะที่ฮอยองซอคู่แข่งคนสำคัญก็มีปมขัดแย้งกับแม่และพี่สาว ทำให้คนดูถึงไม่รักก็เกลียดไม่ลง
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือนิยามความเป็นผู้หญิงในยุคนั้น ทั้งจากการแสดงละครกุกกึก ซึ่งเป็นไม่กี่วิธีที่ผู้หญิงจะแสดงออกได้เทียบเท่าถึงขั้นสวมรอยความเป็นผู้ชาย และสถานะของแม่ม่ายที่ต้องถูกสังคมรังเกียจผ่านตัวละคร แพทริเซีย คิม ครูสอนร้องเพลงของจองนยอน
ส่วนสำคัญที่ทำให้ Jeongnyeon: The Star is Born ฮอตฮิตขนาดนี้ต้องยกความดีให้กับฝีมือการแสดงของคิมแทรีที่ทุ่มเทอย่างหนักด้วยการฝึกร้องเพลงพันโซรีนานถึง 3 ปีเพื่อรับบทบาทนี้ ส่วนเรื่องการแสดงย้อนวัยไม่ต้องพูดถึง เพราะทำออกมาได้เหมือนจนแทบไม่เชื่อว่าตัวจริงอายุขึ้นเลข 3 ไปหลายปีแล้ว
สรุปแล้ว Jeongnyeon: The Star is Bornคือซีรีส์ฟีลกู๊ดจุดไฟฝันที่น่าติดตาม และเป็นอีกครั้งที่เกาหลีใต้ทำให้เราสนใจวัฒนธรรมของเขาจนต้องไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเพื่อดูซีรีส์ให้สนุกขึ้น หวังว่าสักวัน ลิเก ลำตัด ขับเสภาของไทยจะกลายเป็นที่สนใจแบบนี้บ้าง
Jeongnyeon: The Star is Born รับชมได้ที่ Disney+
