The Telegraph เคยกล่าวถึง The Coffee AcademÏcs ว่าเป็นหนึ่งในร้านกาแฟที่ดีที่สุดในโลก (One of the world’s best coffee shops) ซึ่งการตีค่านั้นไม่ได้อาศัยเพียงแค่รสชาติดีงามของกาแฟ หากแต่ยังเป็นเรื่องของจุดยืนในแบบฉบับที่ The Coffee AcademÏcs เป็น ทั้งเรื่องของการไม่หยุดนิ่งที่จะทดลองอะไรใหม่ๆ รวมถึงทีมงานที่มีคุณภาพและเป็นมิตร
เมื่อได้มาสัมผัสจริง เราก็เห็นว่า ไม่ผิดจากนั้น โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของหญิงเก่งชาวฮ่องกง เจนนิเฟอร์ ลิว แม่ทัพแห่ง The Coffee AcademÏcs คู่สนทนาที่เปิดประตู The Coffee AcademÏcs ให้เราทำความรู้จักแบบลึกซึ้ง ยิ่งกว่าแค่คำว่า ‘ร้านกาแฟ’ ชื่อก้องจากฮ่องกง
เครื่องดื่มลึกลับที่สอนให้โตเป็นผู้ใหญ่
คุณเจนนิเฟอร์ย้อนวันวานสู่จุดเริ่มต้นเมื่อครั้งที่เธอได้ทำความรู้จักกับเครื่องดื่มลึกลับรสขมเป็นครั้งแรก ด้วยความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความภูมิใจ เพราะกาแฟคือส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเติบโต
“แน่นอนว่าเด็กผู้หญิงย่อมไม่ชอบอะไรที่ขมๆ สำหรับฉัน กาแฟคือเครื่องดื่มลึกลับที่ผู้ใหญ่ชอบกิน ตอนฉันยังเด็ก กาแฟมีขายเฉพาะในโรงแรมหรู และหายากมาก ด้วยความที่คุณพ่อของฉันเป็นนายธนาคาร ภาพที่ฉันมักเห็นบ่อยๆ จึงเป็นภาพที่พ่ออ่านหนังสือพิมพ์และดื่มกาแฟ ส่วนฉันก็ได้ดื่มแต่นม กระทั่งวันหนึ่งตอนฉันอายุ 6 ขวบ คุณพ่ออนุญาตให้ฉันดื่มกาแฟเป็นครั้งแรก และมันได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการเป็นผู้ใหญ่ เป็นบันไดขั้นแรกของการเติบโต
เจนนิเฟอร์ ลิว นักธุรกิจหญิงชาวฮ่องกง ผู้ก่อตั้ง The Coffee AcademÏcs
“แต่ช่วงเวลาที่ทำให้ฉันตกหลุมรักกาแฟอย่างแท้จริงคือ ตอนที่ฉันได้มีโอกาสท่องโลกกว้าง ไปเรียนต่างประเทศ ได้สัมผัสกับบรรยากาศของร้านกาแฟ สำหรับฉัน ร้านกาแฟเป็นสถานที่ที่คนไปเพื่อแบ่งปันไอเดีย เรื่องราว พบเจอผู้คน นั่นเป็นเหตุผลว่า ไอเดียที่ดีมักจะเกิดในร้านกาแฟ บางคนก็ไปเพื่อผ่อนคลาย และบางคน การไปร้านกาแฟได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตไปแล้ว คล้ายกันกับฉันที่ต้องไปร้านกาแฟเพื่อหยุดพัก ผ่อนคลาย และเริ่มต้นใหม่ ฉันได้เห็นคุณค่าที่แท้จริงของกาแฟที่คอยเชื่อมโยงผู้คน ไม่ว่าจะเป็นคนญี่ปุ่นที่มีวิถีในการดื่มกาแฟของตัวเอง คนตุรกี คนอาหรับ คนยุโรป ที่มีกาแฟรูปแบบเฉพาะของตัวเอง หากแต่ทุกคนก็ยังมีความเชื่อมโยงกันด้วยรูปแบบของกาแฟ เป็นภาษาสากล”
จุดกำเนิดจากมิตรภาพ
“ฉันยังจำได้ดีถึงวันที่เราไปเจอสถานที่ที่หนึ่งในคอสเวย์ เบย์ (ว่านไจ๋) ที่ดูเก่าแก่ ขรึมขลัง มีสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจในปี 2010” เจนนิเฟอร์เผยจุดเริ่มต้นของ The Coffee AcademÏcs อย่างได้อรรถรส “ฉันมีเวลาแค่ปีเดียวในการเช่าสถานที่แห่งนี้ หลังจากนั้นฉันจึงตัดสินใจสั่งซื้อเครื่องคั่วกาแฟจากอิสราเอล แล้วเริ่มคั่วกาแฟกันอย่างลับๆ ในทันที”
โดยไม่คาดคิดว่า ภายในระยะเวลา 1 ปี พื้นที่สำหรับดื่มกินกาแฟดีๆ ในวันนั้น จะต่อยอดจนกลายเป็นดั่ง Co-Learning Space สถานที่เวิร์กช็อปแห่งการเรียนรู้ มีผู้คนมากหน้าหลายตาแวะเวียนมาไม่ขาดสาย จนเธอมองว่า ถึงเวลาแล้วที่ The Coffee AcademÏcs จะขยายตัวเป็นพื้นที่สาธารณะ ที่ผู้คนมาแบ่งปันการเรียนรู้ร่วมกัน ซึ่งก็คงไม่ต่างจากอักซองต์ Ï ในชื่อของ The Coffee AcademÏcs ที่ในตอนแรกแค่ถูกหยิบนำมาใช้ให้ดูเก๋ไก๋ แปลก แตกต่าง แต่กลับมีความหมายแฝงอย่างน่าประหลาด ราวกับเป็น Connecting the Dot หรือจุดเชื่อมต่อผู้คน แบบที่ The Coffee AcademÏcs เป็นอยู่ในปัจจุบัน
โรงคั่ว การศึกษา และคาเฟ่: เสา 3 ต้น ของ The Coffee AcademÏcs
เสาหลักของ The Coffee AcademÏcs มีอยู่ 3 ต้น คือ โรงคั่ว การศึกษา และคาเฟ่
โรงคั่ว หมายถึง กาแฟที่ดี ซึ่ง The Coffee AcademÏcs ก็ได้ชง Specialty Coffee ให้คนรักกาแฟจากทั่วทุกมุมโลกได้ลิ้มรสกาแฟดีๆ อย่างตั้งใจ, การศึกษา หมายถึง พื้นที่แห่งการเรียนรู้ ทั้งกับทีมงานและทุกคนที่เข้ามายังร้าน และคาเฟ่ หมายถึง จุดเชื่อมโยงผู้คน ทั้งหมดนี้คือคุณค่าในความเป็น The Coffee AcademÏcs
“The Coffee AcademÏcs เป็นแบรนด์ที่เติบโตมาจากครอบครัว (Homegrown Brand) เรามีจุดกำเนิดอยู่ในมหานครสำคัญของเอเชีย ที่มีประวัติศาสตร์ผสมผสานทั้งวัฒนธรรมตะวันออกและตะวันตก ฉันเชื่อว่า ความมีเอกลักษณ์เฉพาะจะทำให้ The Coffee AcademÏcs เติบโตอย่างมั่นคงในจุดยืน
“อันที่จริงเราให้ความสำคัญกับกาแฟอย่างมาก ตอนนี้เรามีโรงงานคั่วกาแฟที่ใหญ่กว่า 6,000 ตารางฟุต มีการนำเข้ากาแฟจากแหล่งกาแฟ 35 แห่งทั่วโลก มี Q Arabica Grader ถึง 11 คน ส่วนเรื่องการเรียนรู้กาแฟ เราก็มีการเรียนการสอนที่จริงจัง มีการเทรนและสอบ Specialty Coffee Association (SCA) มี Aroma Coffee Association (ACA) ในอนาคตเราอาจจะขยายโรงงานหรือโรงคั่วออกไปอีก ทั้งหมดนี้เป็นการเน้นย้ำให้เห็นว่า เราให้ความสำคัญกับกาแฟมากแค่ไหน
“แต่นอกจากนั้นก็มีเรื่องของคนที่เราให้ความสำคัญ เพราะทุกวันนี้อะไรๆ ก็เป็นเทคโนโลยีและเครื่องจักรไปหมด เราอาจจะใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับชีวิตขึ้น แต่สุดท้ายมนุษย์คือส่วนสำคัญที่สุด บางอย่างเครื่องจักรก็ทดแทนมนุษย์ไม่ได้ เช่น ความรู้สึก ความคิดสร้างสรรค์ สปิริตในการทำงานเป็นทีม นั่นเป็นเหตุผลที่เราให้ความสำคัญกับ Academy หรือการศึกษา ที่มีคนคอยฝึกสอนจากรุ่นสู่รุ่น พนักงานของเราทุกคนจะต้องผ่าน Academy ก่อนจะออกมาทำงานจริง จนตอนนี้เป็นรุ่นที่ 5 แล้ว”
บ้านหลังใหม่ในเมืองกรุง
7 ปี กับ 20 สาขา อาจเป็นตัวเลขของการเติบโตที่ไม่สูงนัก แต่นั่นเป็นความตั้งใจ และการที่ The Coffee AcademÏcs ขยายมาสู่กรุงเทพฯ นั้น อยู่ในแผนการเติบโตแบบ Organic Growth “เรารู้สึกยินดีที่ได้ขยายออกจากฮ่องกงไปสู่สิงคโปร์ เรื่อยไปจนถึงปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และในที่สุดเราก็มาปักหมุดที่กรุงเทพฯ ทุกๆ เมืองที่เราไปปักธงต่างก็มีอัตลักษณ์ มันจึงเป็นประสบการณ์ให้กับความเป็น The Coffee AcademÏcs และกับทีมงานของเรา”
จริงอยู่ที่จุดขายของ The Coffee AcademÏcs อยู่ที่ตัวตนของร้าน ซึ่งเป็นที่รู้กันดีในหมู่ของแฟนคลับที่ชื่นชอบ The Coffee AcademÏcs ว่าไม่ได้มีดีแค่กาแฟแน่นอน แต่สิ่งที่ร้านแห่งนี้ไม่ลืมเก็บรายละเอียดเมื่อออกมาอยู่นอกบ้านคือ การน้อมนำเอกลักษณ์ของเมืองนั้นๆ มาผสมผสานกับความเป็นร้านกาแฟที่มาจากฮ่องกงอย่างกลมกล่อม ซึ่งต้องยกให้กับความเป็นสถาปนิก หมวกอีกใบหนึ่งของคุณเจนนิเฟอร์ด้วย
“ไม่แปลกถ้าหากคุณเข้ามาในร้านนี้แล้วจะรู้สึกเหมือนไม่ใช่ร้านที่มาจากฮ่องกง เพราะเรานำมุมมองที่มีต่อประเทศนั้นๆ มาใช้ในการตกแต่ง เช่น ที่สาขากรุงเทพฯ จะมีสีเขียวและมีต้นไม้มากกว่าปกติ ในมุมมองของเรา ประเทศไทยเต็มไปด้วยธรรมชาติ เราเพียงแค่เติมให้ร้านดูทันสมัยขึ้น แต่ถ้าคุณสังเกตดีๆ ก็จะเห็นกระเบื้องประดับผนัง นี่คือตัวแทนของฮ่องกงค่ะ กระเบื้องเหล่านี้เป็นกระเบื้องแบบเดียวกับที่อยู่ในรถไฟฟ้าใต้ดินทุกที่ของฮ่องกง เป็นคำใบ้ลับๆ ที่เราทิ้งไว้เป็นกิมมิก ดังนั้นคนที่เข้ามาในร้านจึงรู้สึกได้ความสมดุล ขณะเดียวกันก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจไปด้วย”
สำหรับใครที่เป็นนักชิมกาแฟ The Coffee AcademÏcs ได้สร้างสรรค์ Thailand Blend กาแฟที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ เสิร์ฟเฉพาะในประเทศไทย โดยคัดสรรเมล็ดพันธุ์กาแฟท้องถิ่น ผสมผสานกับเมล็ดพันธุ์กาแฟสายพันธุ์อาราบิก้ามากคุณภาพตามแบบฉบับของ The Coffee AcademÏcs เชิญชวนมาพิสูจน์รสชาติด้วยตัวคุณเอง
คาเฟ่มุมมองใหม่ เพื่อความยั่งยืนและคุณภาพชีวิตที่ดี
สานต่อจากแนวคิดการเติบโตแบบ Organic Growth นำมาสู่เหตุผลหลักที่แม่ทัพใหญ่แห่ง The Coffee AcademÏcs พยายามขยายสาขาไปยังเมืองต่างๆ เริ่มต้นจากทวีปเอเชีย ก็เพื่อให้โอกาสและสนับสนุนฟาร์มท้องถิ่น รวมถึงชาวบ้านที่ทำงานในฟาร์มกาแฟด้านต่างๆ ซึ่งในรายละเอียดของการเติบโต ก็ไม่ลืมเรื่องความยั่งยืนควบคู่กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไปด้วย
“แก้วกาแฟแบบใหม่ของเราถูกคิดมาอย่างดี เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้ง 70% ของผลกำไร ฉันก็ตั้งใจให้สะท้อนกลับไปยังฟาร์มท้องถิ่น ดังนั้นเป้าหมายของฉันจากนี้จึงไม่ได้ต้องการจะเป็นเศรษฐีพันล้านจากธุรกิจกาแฟ ฉันแค่ต้องการทำร้านนี้ เพราะเป็นความชอบส่วนตัว และได้ช่วยเหลือผู้คน การช่วยเหลือผู้คนที่ฉันทำอยู่ย่อมไม่ใช่การช่วยเหลือแบบเดิมๆ ที่บริจาคเงินแล้วก็จบ แต่เราต้องสร้างวงจรเศรษฐกิจ (Circle of Economy) ขึ้นมา ไอเดียก็คือ ยิ่งขยายสาขาได้มากเท่าไร ยิ่งสามารถช่วยเหลือคนท้องถิ่นในพื้นที่ห่างไกลได้มากเท่านั้น”
อนาคตของร้านกาแฟในนาม The Coffee AcademÏcs
คุณเจนนิเฟอร์บอกเล่าถึงอีกเรื่องที่ใหม่มากกับการทำร้านกาแฟที่เคยเป็นภาพในอุดมคติของเธอ ซึ่งกำลังจะกลายเป็นจริงคือ การทำคาเฟ่ที่ผสมผสานเทคโนโลยี เพื่อให้ร้านกาแฟเกิดประโยชน์สูงสุด โดยล่าสุด The Coffee AcademÏcs ในฮ่องกง ได้จับมือร่วมกับธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด เปลี่ยนคาเฟ่ธรรมดาให้กลายเป็น Banking Café คือมีร้านกาแฟผสมผสานกับจุดอำนวยความสะดวก ให้สามารถใช้บริการ Online Banking นับเป็นการเปิดประสบการณ์รูปแบบใหม่ให้ผู้คนสามารถทำธุรกรรมระหว่างพักจิบกาแฟ
“กาแฟอาจไม่ได้เป็นธุรกิจที่ทำเงินมากนัก เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมการเงินหรืออสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมทำเงินอันดับต้นๆ ของฮ่องกง แต่สิ่งที่ทำให้ฉันยังคงมาดมั่นกับ The Coffee AcademÏcs เพราะเรากำลังพยายามทำในบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าร้านกาแฟ เราพยายามให้คนอื่นเห็นว่า The Coffee AcademÏcs มีประโยชน์มากกว่าแค่การถูกนิยามว่าเป็นร้านกาแฟ
“นี่คือตัวอย่างของการสนับสนุนแนวคิดที่ฉันบอกว่า ฉันให้ความสำคัญกับคน ถ้าเรามีเทคโนโลยีที่ดี เราสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นได้ ฉันจึงพยายามหาจุดกึ่งกลางให้ทั้ง 2 ฝ่าย คือ มนุษย์และเทคโนโลยี แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ ธุรกิจการเงินเป็นธุรกิจที่อยู่มานาน การเปลี่ยนแปลงมุมมองจึงยากเป็นธรรมดา แต่ฉันมองว่า จุดยากที่สุดก็คือตอนเริ่มต้นนี่แหละ เราแค่ต้องก้าวเดินให้มั่นคง The Coffee AcademÏcs ตอนนี้ก็เหมือนกับผู้หญิงที่ดูรูปสวย แต่ในความเป็นจริง เราพยายามทำอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น เราพยายามทำให้เห็นว่า เราทำประโยชน์ได้มากกว่าการเป็นแค่ร้านกาแฟ และฝันของฉันก็ค่อยๆ กลายเป็นจริง
“สำหรับผู้หญิงที่ต้องต่อสู้เพื่อความฝันของตัวเอง ผู้หญิงที่ต้องฟันฝ่าอุปสรรคของค่านิยม นี่คือสิ่งที่มีความหมายมากๆ กับชีวิตของฉัน มันแปรเปลี่ยนเป็นพลังให้ฉันคิดถึง และอยากสนับสนุนผู้หญิงที่มีความฝันเหมือนกัน ให้มุ่งมั่นที่จะทำความฝันเพื่อตัวเองให้สำเร็จ”
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล