×

จตุพร เปิดใจถึงทักษิณ ผิดหวัง ทำใจสลายมาตลอด โดนดูถูก ครั้งนี้จึงสำลักเลือดออกมา

โดย THE STANDARD TEAM
25.01.2023
  • LOADING...

วานนี้ (24 มกราคม) จตุพร พรหมพันธุ์ ให้สัมภาษณ์รายการ THE STANDARD NOW เผยแพร่ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD ดำเนินรายการโดย ออฟ-พลวุฒิ สงสกุล ซึ่งดำเนินรายการแทน อ๊อฟ-ชัยนนท์ หาญคีรีรัตน์ เป็นเวลาชั่วคราว 2 สัปดาห์ 

 

จากกรณี จตุพร วิจารณ์ทักษิณ ชินวัตร และได้ตอบคำถาม THE STANDARD ถึงเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจที่สุด 

 

จตุพรกล่าวว่า ตนออกจากพรรคเพื่อไทยมานานแล้วเพราะติดคุก ถูกตัดสิทธิทางการเมือง พ้นสภาพที่จะมีตำแหน่งการเมือง ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกิจการของพรรค 

 

สำหรับการต่อสู้ของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) 15 ปีในกระบวนการคนเสื้อแดง มีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจกันอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องกลืนเลือด แม้ใจสลายอย่างไรก็ต้องไม่ให้ใครเห็น เกรงกระทบจิตใจคนเสื้อแดง 

 

จตุพรกล่าวว่า หลังการต่อสู้ของคนเสื้อแดงจนกระทั่งพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง ได้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็กลับปรากฏว่า รัฐบาลมีการไปมอบอำนาจให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นหนึ่งในคนสำคัญที่สลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงในปี 2553 

 

ตนได้ทักท้วงยิ่งลักษณ์และทักษิณว่า พล.อ. ประยุทธ์จะยึดอำนาจ แต่อดีตนายกฯ ไม่มีใครเชื่อ กลับไปเชื่อ พล.อ. ประยุทธ์ 

 

“บางวันผมไปวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ. ประยุทธ์ แล้วนายกฯ ยิ่งลักษณ์ก็โทรมาว่า พล.อ. ประยุทธ์โทรไปฟ้อง แล้วให้ผมหยุดวิจารณ์ ผมก็รักษาบรรยากาศมาตลอด จนกระทั่งวันหนึ่ง นายกฯ ยิ่งลักษณ์ กับนายกฯ ทักษิณก็ไปหลงกล ไปปลดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คือ พล.อ.อ. สุกำพล สุวรรณทัต ซึ่งเขารู้ทัน พล.อ. ประยุทธ์ ผมรีบโทรไปต่อว่านายกฯ ทักษิณว่า ไปปลดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมทำไม”

 

แม้ว่านายกฯ ยิ่งลักษณ์จะไปนั่งควบเองก็ตาม แต่ทุกคนก็รู้ว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตัวจริงของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดยพฤตินัยนั้นคือ พล.อ. ประยุทธ์นั่นเอง 

 

นายกฯ ทักษิณได้อธิบายกับผมว่า “ตู่ (จตุพร) ไม่รู้อะไร ตู่ประยุทธ์มันแพ้ทางผู้หญิง” ส่วนผมรู้ว่าอีกไม่กี่วัน พล.อ. ประยุทธ์ต้องลงมือยึดอำนาจแน่ 

 

ส่วนกระทรวงอื่นๆ ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ไปเปลี่ยนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จากคุณวิทยา บุรณศิริ ไปเอาพรรคพวกของคุณเศรษฐามานั่ง ทั้งที่คุณวิทยาเตรียมปลัดกระทรวงไว้คนหนึ่ง แต่รัฐมนตรีคนใหม่ซึ่งเป็นคนของคุณเศรษฐา ไปเอาอีกคนหนึ่งซึ่งไม่รู้หัวนอนปลายเท้าว่าเป็นใคร กลายเป็นจุดแรกที่ กปปส. ตีแตก คือปลัดกระทรวงสาธารณสุขที่มาจากคนของคุณเศรษฐา ได้รับรางวัลนกหวีดทองคำเป็นที่แรก หลังจากนั้น กปปส. ก็ตีแตกทุกกระทรวง

 

จตุพรกล่าวว่า ตอนตัดสินใจชุมนุมที่ถนนอักษะก่อนรัฐประหาร 2557 นปช. รับผิดชอบเวที ส่วนพรรคเพื่อไทยรับผิดชอบการระดมคน 

 

วันที่ 21 พฤษภาคม 2557 พล.อ. ประยุทธ์นัดประชุม ภายหลังประกาศกฎอัยการศึก ปรากฏว่าเช้าวันที่ 21 พฤษภาคม เหลือคนจำนวนน้อยกว่าเดิมมาก 

 

ผมรู้ว่ามีปัญหาแล้วจึงจัดคนไปเจรจา แล้วไปสืบสภาพจึงรู้ว่ามี ป. ที่ 4 ไปเจรจากับคนแดนไกล จึงเป็นที่มาของจำนวนคนที่ลดลง เหมือนสมคบคิดอำนวยความสะดวกให้คณะยึดอำนาจ เรารู้ก็ใจสลาย 

 

คณะรัฐประหารไม่มีปัญญาไปสกัดกั้นคนที่ต้องมาเป็นหมื่นๆ คนในแต่ละวัน คนที่จะสกัดกั้นได้คือคนที่อยู่ในกระบวนการรับผิดชอบนี้ ซึ่งก็เป็นคนของนายกฯ ทักษิณ เพราะฉะนั้นผมก็ต้องไปตรวจสอบว่ามันเกิดเหตุอะไร ก็รู้ว่ามีอีก ป. ที่ถูกส่งไปประกบ จะต่อรองด้วยเหตุอะไรก็แล้วแต่ แต่เห็นชัดเจนว่าเป็นการสยบยอมและเปิดประตูให้การยึดอำนาจ 

 

รัฐบาลได้อำนาจจากคนเสื้อแดงแต่ไปมอบความไว้วางใจให้ พล.อ. ประยุทธ์ แล้วเมื่อ พล.อ. ประยุทธ์วางแผนจะยึดอำนาจ โค้งสุดท้ายพรรคก็ยอมตัดกำลังตัวเองที่จะมาชุมนุม จนกระทั่งกำลังจากหลักหมื่นเหลือหลักร้อย 

 

พอวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เขายึดอำนาจ หลังจากนั้นพวกผมก็ออกมาต่อสู้ แล้วก็ติดคุก สรุปกระบวนการคนเสื้อแดงที่แตกสลาย คนที่มีส่วนมากที่สุดคือตัวนายกฯ ทักษิณ 

 

จตุพรกล่าวว่า ก่อนเลือกตั้งปี 2562 ในระหว่างที่ตนอยู่ในคุก คนของนายกฯ ทักษิณก็ไปเยี่ยมพูดคุยในเรือนจำว่านายกฯ ทักษิณให้ตนไปช่วยพรรคเพื่อชาติในขณะนั้น เพื่อเติมคะแนนฝั่งประชาธิปไตย ซึ่งตนมีข้อแม้ว่าจะต้องได้ยินเสียงจากนายกฯ ทักษิณเองว่าท่านเป็นคนมอบภารกิจ 

 

“เมื่อออกจากคุกก็ได้ยินเสียงนายกฯ ทักษิณ ผมก็เชื่อโดยสนิทใจ แต่ต่อมาปรากฏว่า มีการไปเจรจาแล้วตั้งอีกพรรคคือ ไทยรักษาชาติ จึงเป็นการแยก นปช. ออกไปเป็น 2 ส่วน แล้วก็เป็นการแยกตลอดกาลนับแต่บัดนั้นยันบัดนี้ ท้ายที่สุด ผมยอมรับว่าโดนหลอก ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายก็ไม่เคยกลับมาดีเหมือนดังเดิม” 

 

จตุพรกล่าวว่า ความจริงตนอยู่เงียบๆ และเน้นวิจารณ์การสืบทอดอำนาจของ 3 ป. จนกระทั่งมีแผลใจเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่

 

“เพื่อไทยไปสนับสนุนคนหนึ่ง ผมไปสนับสนุนอีกคน คือ บุญเลิศ บูรณุปกรณ์ คนที่ติดคุกเพราะ คสช. ขังเขา ก็กระทบกระทั่งกันระหว่างผมกับเพื่อไทย แต่เพื่อไทยชนะก็จบ 

 

กระทั่งไม่กี่วันนี้มีคนไปพบนายกฯ ทักษิณที่ฮ่องกง มีการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด บอกว่าเรื่อง อบจ.เชียงใหม่ ผมเห็นแก่เงินไปรับจ้างนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่ผมไม่อาจรับได้เลย เพราะบุญเลิศไม่ได้รวยเท่านายกฯ ทักษิณ แล้วเขาติดคุกกันทั้งครอบครัวเพราะรณรงค์เรื่องประชามติ ผมไปเยี่ยมทุกวัน ความอดทนจึงถึงที่สุด

 

ความจริงก็อดทนมาตามลำดับ ก่อนหน้านี้ท่านพูดว่า เสียงปืนนัดแรกดัง ท่านจะมานำต่อสู้ แต่ดังไปกว่าสองแสนนัดท่านก็ไม่มา นอกจากนั้น บอกคนเสื้อแดงว่าพายเรือมาส่งถึงแล้วไม่ต้องตามมา ท่านจะไปของท่านเอง แล้วท่านก็มาคุยกับผมว่าท่านกำลังจะได้กลับบ้าน คือเอาเรื่องการได้กลับบ้านมาตัดสัมพันธ์กับคนเสื้อแดง

 

หลายคนบอกว่าผมผิดหวังเรื่องไม่ได้เป็นรัฐมนตรี แม้นายกฯ ทักษิณประกาศในที่สาธารณะถึง 2 ครั้งว่าจะให้เป็น แต่ผมไม่รู้สึกอะไร และผมก็ยังอยู่จนสิ้นอายุรัฐบาล ถ้าน้อยใจก็ออกไปตั้งนานแล้ว สะสมมาตามลำดับ

 

ฟางเส้นสุดท้ายคือมาดูถูกว่าไปช่วยบุญเลิศ เพราะรับเงินจากบุญเลิศ เป็นเรื่องที่ผมไม่อาจรับได้ ความสัมพันธ์จึงขาดผึง ใจที่สลายอยู่แล้วเพราะผิดหวังมาตลอด พอนายกฯ ทักษิณมาพูดดูถูกครั้งเดียวเท่านั้น ครั้งนี้จึงสำลักเลือดออกมา 

 

ผู้ดำเนินรายการถามว่าทำไมจึงมาพูดช่วงใกล้จะมีการเลือกตั้ง 

 

จตุพรกล่าวว่า ต้องถามนายกฯ ทักษิณว่าอยู่ดีๆ ท่านพูดถึงผมในลักษณะที่ดูแคลนอย่างนี้ในขณะนี้ทำไม เพราะว่าตลอดระยะเวลายาวนาน ผมจะวิจารณ์ 3 ป. เป็นหลัก

 

อยู่ดีๆ ท่านนายกฯ ทักษิณมาเลือกเวลานี้ในการกล่าวหาผมในช่วงนี้ทำไม ทั้งที่ผมไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร แม้รู้ในหนทางข้างหน้าว่าเพื่อไทยจะไปจับมือพลังประชารัฐเสียด้วยซ้ำ ใครถามก็ไม่ตอบ ก็กล้ำกลืนมา ถ้าท่านทักษิณไม่พูด ผมก็จะไม่พูด ท่านเป็นคนเริ่ม ไม่ใช่ผมเป็นคนเริ่ม

 

ทักษิณเหมือนคนเหล็ก แต่หูเป็นนุ่น ปากเป็นสนิม เป็นคนหูเบาและปากไม่ดี ปากเร็ว แล้วก็พูดด้วยท่วงทำนองไม่ระมัดระวังว่าคนฟังจะสะเทือนใจอย่างไร เขามีแผลมีปมในใจกันอยู่แล้วกับการกรำศึกที่ยาวนานกว่า 15 ปี เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกันไม่รู้กี่รอบ ติดคุกมากที่สุด 

 

ผู้ดำเนินรายการถามว่า ได้คุยกับณัฐวุฒิ ใสยเกื้อหรือไม่ 

 

จตุพรกล่าวว่า ผมยอมรับว่าถูกหลอก ส่วนณัฐวุฒิจะยอมรับหรือไม่ก็สุดแท้แต่ณัฐวุฒิ แต่ผมยอมรับว่าโดนหลอก และคนที่หลอกสำเร็จคือนายกฯ ทักษิณ นปช. แตกฉานซ่านเซ็นกัน เจอกันครั้งสุดท้ายวันที่ศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษายกฟ้องคดีก่อการร้ายที่ศาลอาญา หลังจากนั้นไม่ได้เจอกันอีก รู้นิสัยกัน อยู่ในสนามรบกันมายาวนาน 

 

ผู้ดำเนินรายการถามถึงสิ่งที่อยากจะพูดกับทักษิณ 

 

จตุพรกล่าวว่า ผมรู้จักนายกฯ ทักษิณตั้งแต่ปี 37 เกือบ 30 ปี แปลว่ารู้จักมากกว่าครึ่งชีวิต ได้ร่วมต่อสู้มากมายจนกระทั่งชีวิตเปลี่ยนแปลงไป มีคดีติดคุกมากมาย บ้านกำลังจะถูกยึดจากผลพวงของการต่อสู้ เป็นวิถีที่เจ็บปวด ไม่มีอะไรเดิมพันให้ นอกจากชีวิตและอิสรภาพยกให้การต่อสู้ร่วมกัน 

 

นายกฯ ทักษิณมีสตางค์ แต่ผมมีชีวิต มีความสามารถในการต่อสู้ ท่านย่อมรู้จักผมดีที่สุด ผมเสียใจ ผมอธิบายเรื่องราวไปแล้วว่าผิดหวังเรื่องอะไรบ้าง แต่คาดไม่ถึงว่า ท่านจะมาดูถูกศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผม มาดูหมิ่นดูแคลนเหมือนฟางเส้นสุดท้าย ยิ่งรักมากยิ่งเจ็บปวดมาก บทเรียนในอดีตมันอธิบายว่า อะไรกำลังจะเกิดขึ้น แล้วเราอยู่ในท่ามกลางห้วงท้ายๆ ของชีวิตควรจะทำสิ่งดีงามเพื่อมอบมรดกนี้ให้คนรุ่นลูกหลาน 

 

ผู้ดำเนินรายการถามถึงพรรคเพื่อไทย

 

จตุพรกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งทุกครั้ง ชนะสั้นแพ้ยาว พรรคต้องทบทวนบทเรียนในการบริหารประเทศ ชัยชนะที่ได้จากประชาชนไม่ควรถูกละเลง ตลอดระยะเวลาของพรรคเพื่อไทย ถ้าเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง เป็นหลังพิงจะไม่ถูกยึดอำนาจทั้ง 2 ครั้ง ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่มีคนไปซ้อนอำนาจตามทุกกระทรวง ที่ตนเรียกว่า ‘รัฐมนโท’ จนกระทั่งเกิดความฉ้อฉล เปิดประตูให้มีการยึดอำนาจ การยึดอำนาจก็จะไม่เกิดขึ้น แล้วถ้าพรรคไม่ทำเหมือนที่แล้วมา ซึ่งเป็นสาเหตุล้มกระดาน พรรคย่อมชนะเลือกตั้งอยู่แล้ว ถ้าพรรคไม่ปรับตัวก็จะชนะสั้นแพ้ยาว 

 

นายกฯ ยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ 3 ปี แต่เสียให้ พล.อ. ประยุทธ์เกือบ 9 ปี ประชาชนอยู่ท่ามกลางชีวิตแสนสาหัส หลังพรรคเพื่อไทยได้รับโอกาสจากประชาชนนับครั้งไม่ถ้วน ควรเกรงใจหัวใจประชาชนที่มอบความไว้วางใจ เพราะชัยชนะที่ได้มาไม่เคยป้องกันตัวเองได้เลย และเหตุที่ป้องกันตัวเองไม่ได้ เพราะไปมีพฤติกรรมแบบเดิมๆ ไม่เปลี่ยน ถ้าครั้งนี้ไม่ทำแบบเดิม พรรคจะมีภูมิต้านทาน ไม่เช่นนั้นพรรคเพื่อไทยจะชนะเพื่อรอความพ่ายแพ้ตลอดไป

 

หวังว่าพรรคเพื่อไทยและนายกฯ ทักษิณจะได้ยิน แม้เป็นสิ่งไม่อยากได้ยินก็ตาม คนจะมีอำนาจมักจะชอบฟังคำสรรเสริญเยินยอ ซึ่งเป็นคำหวาน ส่วนผมจะเป็นยาขมเสมอ แต่ทุกคำพูดคือความปรารถนาดี ไม่มีหน้าที่หยุดแลนด์สไลด์ และยินดีถ้าพรรคเพื่อไทยจะแลนด์สไลด์ แต่ถ้าทำแบบเดิมคนเสียโอกาสคือประเทศชาติและประชาชน

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising