×

เกาหลีใต้เตือน ญี่ปุ่นจำกัดการส่งออกวัสดุผลิตชิป อาจกระทบห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทั่วโลก

13.07.2019
  • LOADING...

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หนึ่งในเหตุการณ์ที่ทั่วโลกให้ความสนใจและจับตาอย่างใกล้ชิดคือ ปัญหาความตึงเครียดทางการค้าระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ สืบเนื่องจากญี่ปุ่นได้จำกัดการส่งออกวัสดุสินค้าไฮเทคให้กับเกาหลีใต้ ซึ่งทำให้เกิดกระแสความกังวลในวงกว้างว่า อาจกระทบกระเทือนต่อห่วงโซ่อุปทานเมโมรีชิปในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทั่วโลก รวมถึงสมาร์ทโฟน โดยบริษัทที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุดคือ Samsung ผู้ผลิตชิปและสมาร์ทโฟนรายใหญ่ของโลก

 

ประธานาธิบดีมุนแจอินแห่งเกาหลีใต้ ออกมาเตือนเมื่อกลางสัปดาห์ว่า การที่รัฐบาลญี่ปุ่นตัดสินใจควบคุมการส่งออกวัสดุที่ใช้ผลิตเมโมรีชิป จะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจอย่างร้ายแรง อีกทั้งส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกอีกด้วย

 

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ญี่ปุ่นได้กำหนดให้บริษัทต่างๆ ต้องขอใบอนุญาตจากรัฐบาล ก่อนที่จะสามารถส่งออกวัสดุ 3 ชนิด ไปยังเกาหลีใต้ได้ วัสดุเหล่านี้ ได้แก่ พอลิเอไมด์, โฟโตเรซิสต์ และไฮโดรเจน ฟลูโอไรด์ ซึ่งล้วนเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตเมโมรีชิปและสมาร์ทโฟน

 

ญี่ปุ่นกล่าวหาว่า บริษัทหลายแห่งในเกาหลีใต้ได้อนุญาตให้มีการขนส่งวัสดุที่นำเข้าจากญี่ปุ่นไปยังเกาหลีเหนือ เพื่อช่วยเกาหลีเหนือผลิตอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว

 

การจำกัดการส่งออกสร้างผลกระทบอย่างมากต่อบริษัท Samsung และ SK Hynix ของเกาหลีใต้ โดยข้อมูลจากสมาคมการค้าระหว่างประเทศของเกาหลีระบุว่า บริษัททั้งสองครองส่วนแบ่งตลาดเมโมรีชิปทั่วโลกถึง 63% ขณะที่บริษัทเกาหลีใต้นำเข้าพอลิเอไมด์ 94%, โฟโตเรซิสต์ 92% และไฮโดรเจน ฟลูโอไรด์ 44% จากญี่ปุ่นในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา

 

Samsung ซึ่งเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดของโลก เผยกับ CNN ว่า ทางบริษัทกำลังประเมินสถานการณ์ และมองหามาตรการต่างๆ เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสายการผลิต

 

อย่างไรก็ตาม แม้ 2 ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลกจากเกาหลีใต้จะถูกกดดันจากข้อพิพาทระหว่างรัฐบาล 2 ประเทศ แต่พวกเขาก็ได้อานิสงส์จากราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่เกิดความตึงเครียดดังกล่าว โดยหุ้น Samsung เพิ่มขึ้น 1.8% ขณะที่หุ้น SK Hynix พุ่งขึ้น 9.3%

 

นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า ตลาดมองการจำกัดการส่งออกของญี่ปุ่นด้วยความสนใจ เพราะนักลงทุนเชื่อว่า เมื่อนำเข้าวัสดุไม่ได้ จะทำให้การผลิตชิปของ 2 บริษัทต้องหยุดชะงักลง แต่นั่นก็ช่วยคลี่คลายปัญหาอุปสงค์ส่วนเกินสืบเนื่องจากภาวะชะลอตัวในการจับจ่ายซื้อสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และความตึงเครียดจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน

 

มาร์ก นิวแมน นักวิเคราะห์จากสถาบันวิจัยเบิร์นสไตน์ในฮ่องกง ให้ความเห็นกับ Wall Street Journal ว่า “ผลร้ายที่เกิดขึ้นเป็นปัจจัยบวกต่อ Samsung และ SK Hynix เพราะลูกค้าจะสั่งซื้อชิปเพิ่มมากขึ้น เพื่อป้องกันภาวะขาดแคลนจากปัญหาขัดแย้งระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้”  

 

นอกจากหุ้นแล้ว ราคาชิปก็พุ่งสูงขึ้นเช่นกัน โดยก่อนหน้านี้ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในเกาหลีใต้ต่างมีผลกำไรลดลง สืบเนื่องจากดีมานด์เมโมรีชิปที่ชะลอตัวในอุตสาหกรรมการผลิตสมาร์ทโฟนและผู้ให้บริการดาต้าเซนเตอร์ โดยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ราคาเมโมรีชิปร่วงลงราว 20% แต่หลังจากที่ญี่ปุ่นจำกัดการส่งออกวัสดุผลิตชิป ส่งผลให้ราคาชิปทั้ง DRAM และ NAND พุ่งขึ้น 2.6% และ 7.8% ตามลำดับเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์ครั้งแรกในรอบ 1 ปี

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising