×

สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะทรงนั่งราชบัลลังก์ในวันเฉลิมพระชนมพรรษาปีที่ 85 ก่อนถึงกำหนดสละราชสมบัติ 30 เมษายน 2019

23.12.2018
  • LOADING...

23 ธันวาคม 2018 เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพปีที่ 85 ในสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น ในปีนี้พระองค์จะทรงนั่งบัลลังก์ในวันเฉลิมพระชนมพรรษานี้เป็นปีสุดท้าย ก่อนที่จะสละราชสมบัติแก่พระราชโอรสพระองค์โต เจ้าชายนารุฮิโตะ มกุฎราชกุมารแห่งญี่ปุ่น ในวันที่ 30 เมษายน 2019 สิ้นสุดรัชสมัยเฮเซของพระองค์ที่ปกครองญี่ปุ่นมานานกว่า 30 ปี

 

ในวโรกาสนี้ สมเด็จพระจักรพรรดิทรงเผยว่า “ข้าพเจ้ารู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่รัชสมัยเฮเซกำลังจะสิ้นสุดลง นับเป็นช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นปลอดการสงคราม…สิ่งที่สำคัญคือ เราไม่ควรลืมว่าชีวิตจำนวนมากเหลือคณานับได้ดับลงช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วงเวลาแห่งสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองหลังช่วงสงครามผ่านพ้นนี้ เกิดขึ้นได้จากความเสียสละและควาพยายามของชาวญี่ปุ่นทุกคน พร้อมบอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่ถูกต้องแม่นยำสู่คนรุ่นหลังสงครามต่อไป”

 

สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ นับเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่นที่ตัดสินพระทัยสละราชสมบัติพระองค์แรกในรอบ 200 ปี โดยในวันที่ 1 พฤษภาคม รัชสมัยใหม่ของราชวงศ์ดอกเบญจมาศจะเริ่มต้นขึ้น รัฐบาลจะทูลเกล้าฯ ถวายนามรัชศกใหม่อย่างเป็นทางการ

 

เมื่อช่วงต้นปี 2016 ที่ผ่านมา สมเด็จพระจักรพรรดิพร้อมด้วยสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ เสด็จฯ เยือนฟิลิปปินส์และอีกหลายหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก เพื่อแสดงความเสียใจกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีต โดยพระองค์ทรงเผยว่า “ข้าพเจ้ารู้สึกขอบคุณทุกประเทศสำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่น แม้ว่าชาวฟิลิปปินส์จะให้อภัยญี่ปุ่นแล้ว แต่ไม่มีวันลืมความเจ็บปวดที่ญี่ปุ่นเคยได้กระทำไว้กับพวกเขาในช่วงสงคราม”

 

รัชสมัยของสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะเป็นรัชสมัยแรกที่สถานะของสมเด็จพระจักรพรรดิมีพระราชอำนาจแต่เพียงในเชิงสัญลักษณ์ ไม่มีอำนาจทางการเมือง เฉกเช่นกับสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ ในรัชสมัยโชวะ แต่ถึงกระนั้น ประสบการณ์ในวัยเด็กของพระองค์ช่วงสงครามก็ทรงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้พระองค์อยากจะทำให้ยุคสมัยเฮเซเป็นยุคแห่งสันติภาพ แม้จะทรงไม่ได้มีพระราชอำนาจมากมายเฉกเช่นเมื่อก่อนก็ตาม

 

“เราจะปฏิบัติพระราชกรณียกิจในทุกๆ วันจนกว่าจะถึงวันสุดท้ายที่เราจะสละราชสมบัติ”

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising