‘ทรัมป์’ เผยผลหารือการค้ากับ ญี่ปุ่น ‘ถือเป็นความคืบหน้าครั้งใหญ่’ หลังพบคณะผู้แทนเจรจาการค้าของญี่ปุ่นซึ่งเดินทางเยือนกรุงวอชิงตันอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางทั่วโลกจับตาความเคลื่อนไหว เนื่องจากญี่ปุ่นเป็นประเทศกลุ่มแรกๆ ที่ได้เข้าร่วมหารือกับเจ้าหน้าที่ของ สหรัฐฯ ด้าน ‘เบสเซนต์’ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ย้ำญี่ปุ่นเป็นพันธมิตรทางทหาร ยินดีให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า หลังหารือกับทีมเจรจาการค้าญี่ปุ่นถือว่ามีความ ‘คืบหน้าอย่างมาก’
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เช็กลิสต์อุตสาหกรรมไหนอ่วม หลังทรัมป์ขึ้นภาษีสินค้าไทยสูง 37%
- สรุปไทม์ไลน์ ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีอะไรไปบ้าง ไทยเสี่ยงแค่ไหน?
- นับถอยหลัง ‘วันปลดแอก’ สหรัฐฯ! ทรัมป์รีดภาษีเขย่าโลก สะเทือนไทย
- เปิดรายชื่อประเทศคู่ค้าที่สหรัฐฯ เก็บภาษีสูงสุด และ 8 อันดับชาติอาเซียน…
โดยทรัมป์โพสต์บนเว็บไซต์โซเชียลมีเดีย Truth Social หลังการประชุมว่า “เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบกับคณะผู้แทนการค้าของญี่ปุ่น นับเป็นความคืบหน้าครั้งใหญ่!”
แม้การเจรจาไม่ได้ส่งผลให้มีการยุติการขึ้นภาษีในทันที แต่การหารือระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่นกำลังเตรียมการสำหรับการเจรจาอีกรอบที่จะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนนี้ ทั้งนี้ ญี่ปุ่นนำทีมเจรจาโดย เรียวเซ อากาซาวะ รับบทบาทในฐานะเป็นผู้แทนเจรจา ซึ่งเป็นคนสนิทของนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ซึ่งอากาซาวะ เพิ่งได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นครั้งแรกเมื่อปลายปีที่แล้วในตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงฟื้นฟูเศรษฐกิจ
รายงานข่าวระบุว่า การหารือครั้งนี้ เขาได้พบกับทรัมป์เป็นเวลา 50 นาที จากนั้นจึงพบกับผู้เจรจาของสหรัฐฯ จากกระทรวงการคลังและพาณิชย์ของสหรัฐฯ อีก 75 นาที
“ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันอย่างตรงไปตรงมาและสร้างสรรค์ และมุ่งหวังที่จะบรรลุข้อตกลงอย่างรวดเร็ว” อากาซาวะ กล่าว พร้อมเสริมว่า ดูเหมือนว่าสหรัฐฯ กำลังแสวงหาข้อตกลง ก่อนที่การผ่อนผันภาษีศุลกากรก่อน 90 วันจะสิ้นสุดลงอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เขายังปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่ามีการหารือเกี่ยวกับปัญหาความปลอดภัย แต่ยืนยันว่ากรณีค่าเงินไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเจรจา ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่หลายฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวกับตลาดเงินตลาดทุนจับตามองอยู่ ทั้งนี้ ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ซึ่งลดลงมากถึง 0.5% ในช่วงก่อนหน้านี้
แม้ว่า อากาซาวะ จะไม่ยืนยันเรื่องนี้ แต่สำนักข่าว Kyodo News รายงานว่าทรัมป์ได้หยิบยกประเด็นการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศของญี่ปุ่นมากขึ้นในการเจรจาด้วย
ทั้งนี้ รัฐบาลประเทศต่างๆ เตรียมส่งทีมเข้าเจรจาถึงข้อตกลงกับสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าที่สูงซึ่งทรัมป์กำหนดไว้กับคู่ค้าราว 60 ประเทศ โดยญี่ปุ่นถูกเรียกเก็บภาษีตอบโต้ในอัตรา 24% และถูกเรียกเก็บภาษีพื้นฐาน 10% รวมถึงภาษีรถยนต์ เหล็ก และอะลูมิเนียม 25%
รายงานข่าว ระบุอีกว่า การเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นกำลังถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดในฐานะที่เป็นคู่เจรจาคู่แรก จากประเทศอื่นๆ ที่ต้องการทำข้อตกลงของตนเองท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสัมปทานที่ทรัมป์ต้องการเรียกร้อง
ด้าน สก๊อต เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สหรัฐฯ คาดหวังที่จะบรรลุข้อตกลงกับพันธมิตรทางการทหารอย่างญี่ปุ่นและพันธมิตรอื่นๆ ของสหรัฐฯ เพื่อร่วมกันกดดันจีน ดังนั้น จึงคาดว่าญี่ปุ่นจะเสนอข้อตกลงที่ครอบคลุมกับสหรัฐฯ โดยเรียกร้องให้ทรัมป์ลดภาษีนำเข้า 24%
ญี่ปุ่นเปิดไพ่ ซื้อ LNG เพิ่ม อัดเม็ดเงินลงทุนอีก 1 ล้านล้านดอลลาร์ ย้ำสถานะญี่ปุ่นคือนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการประชุมกับทรัมป์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ นายกรัฐมนตรี ชิเงรุ อิชิบะ ของญี่ปุ่นให้คำมั่นที่จะซื้อก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากสหรัฐฯ มากขึ้น และเพิ่มการลงทุนในสหรัฐฯ เป็น 1 ล้านล้านดอลลาร์
อิชิบะ ยังยกย่องสถานะของญี่ปุ่นในฐานะนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ โดยส่วนใหญ่เป็นโรงงานจากผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นซึ่งสร้างงานให้กับสหรัฐฯ มานานและกล่าวว่าหากขึ้นภาษีศุลกากรสูงจะยิ่งทำให้ญี่ปุ่นลดศักยภาพในการลงทุนในสหรัฐฯลง
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกๆ ที่เริ่มเปิดฉากการเจรจากับสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นการทดสอบเบื้องต้นถึงความตั้งใจของรัฐบาลวอชิงตันในการยอมผ่อนปรนเรื่องภาษี หลังจากที่การประกาศมาตรการภาษีส่งผลให้ตลาดการเงินปั่นป่วนและกระตุ้นความวิตกว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ด้านมาร์ติน ชูลซ์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ด้านนโยบาย จาก Fujitsu มองว่า “อุตสาหกรรมของญี่ปุ่นมีความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด ซึ่งทุกฝ่ายกังวลมากเกี่ยวกับการเจรจาการค้า แม้จะไม่มีฝ่ายไหนชนะในสงครามการค้า แต่เรายังมองค่อนข้างบวกว่า ผลการเจรจาจะนำไปสู่ข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับร่วมกัน โดยญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เข้าไปลงทุนในสหรัฐฯ มากที่สุด และยังสนใจที่จะลงทุนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหากทั้งสองประเทศสามารถรักษาอัตราการเติบโตต่อไปได้ การนำเข้าจากสหรัฐฯ ในปริมาณที่สูงขึ้น”
ภาพ: Tomohiro Ohsumi / Getty Images
อ้างอิง: