Nitori Holdings ผู้ค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ยอดนิยมของญี่ปุ่น ประสบปัญหากำไรสุทธิลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 24 ปี โดยกำไรสุทธิของปีงบประมาณที่สิ้นสุดในเดือนมีนาคมอยู่ที่ 9.51 หมื่นล้านเยน หรือราว 2.37 หมื่นล้านบาท
สาเหตุหลักประการหนึ่งที่ทำให้กำไรลดลงคือราคาสินค้าที่บางรายการเพิ่มขึ้นถึง 5 ครั้งนับตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วง โดยเพิ่มขึ้นเฉลี่ยประมาณ 7% เนื่องจากต้นทุนวัสดุที่สูงขึ้น แม้ยอดขายสาขาเดิมเพิ่มขึ้น 1.2% และการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อลูกค้าเพิ่มขึ้น 7.2% อย่างไรก็ตามจำนวนลูกค้าที่เดินเข้าร้านกลับลดลง 5.6%
จำนวนลูกค้าที่ลดลงทำให้ Nitori กังวลใจ ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหานี้ Masanori Takeda ผู้อำนวยการของ Nitori และผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการขายสินค้าทั่วโลกประกาศว่า บริษัทจะมุ่งเน้นไปที่การเสนอราคาที่ต่ำเพื่อดึงดูดลูกค้าให้กลับมาที่
ร้านค้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘Nitori’ เฟอร์นิเจอร์ เฟอร์นิใจ (ที่กำลังจะเข้าไทย) และเคล็ดเพลงดาบซามูไรที่สู้ได้แม้กระทั่งยักษ์ใหญ่อย่าง IKEA
- เมื่อญี่ปุ่นก้าวจาก ‘เงินฝืด’ สู่ ‘เงินเฟ้อ’ ผู้บริโภคอาจต้องรับเคราะห์จากของแพงขึ้น บนฐานเงินเดือนที่หยุดนิ่งมากว่า 30 ปี
- สวนทางแบรนด์อื่นที่กำลังปิดร้าน แต่ IKEA ลงทุนขยายสาขารวดเดียว 17 แห่งในอเมริกา นับเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ในรอบ 40 ปี เชื่อสินค้าราคาไม่แพงมากจะตอบโจทย์ลูกค้าได้
ในขั้นแรก Nitori ได้เริ่มลดราคาสินค้าประมาณ 500 รายการ เช่น โต๊ะทำงานและโซฟา ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน พวกเขาวางแผนที่จะลดราคาสินค้าอื่นๆ ต่อไปในอนาคต นอกจากการเสนอราคาที่ดีขึ้นแล้ว Nitori ยังทำงานเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือกับ Edion ผู้ค้าปลีกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ พวกเขาหวังว่าจะเพิ่มยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่พัฒนาร่วมกันขึ้น 10% เมื่อเทียบเป็นรายปี
เพื่อให้ได้ลูกค้าที่สูญเสียไป Nitori วางแผนที่จะลงทุนในโฆษณาทางทีวีและออนไลน์มากขึ้น พวกเขาจะออกอากาศโฆษณาทางทีวีเพิ่มขึ้นอีก 17 รายการในปีนี้เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
นอกจากนี้ Nitori ยังได้ตั้งเป้าหมายการขยายสาขาอย่างทะเยอทะยาน โดยตั้งเป้าที่จะเพิ่มจำนวนสาขาที่เปิดร้านเป็น 2 ท่าภายในสิ้นเดือนมีนาคม 2024 การขยายตัวนี้จะรวมถึงสาขาใหม่ 206 แห่งในญี่ปุ่นและประเทศอื่นๆ
ในขณะที่ตลาดญี่ปุ่นมีโอกาสน้อยกว่าสำหรับการเปิดร้านเฟอร์นิเจอร์ แต่ Nitori ก็หันความสนใจไปที่เอเชีย โดยเฉพาะจีนและไต้หวัน โดยวางแผนที่จะมีร้านค้าในต่างประเทศประมาณ 300 แห่งภายในสิ้นปีงบประมาณในเดือนมีนาคม 2025 ซึ่งมากกว่าสองเท่าในปัจจุบัน
Akio Nitori ผู้ก่อตั้ง Nitori ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการมุ่งเน้นไปที่ตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะเอเชีย และการทุ่มเททรัพยากรบุคคลระดับสูงให้กับสถานที่เหล่านี้
อย่างไรก็ตาม Nitori ได้ตัดสินใจถอนตัวออกจากตลาดสหรัฐฯ เนื่องจากกำไรที่ลดลงซึ่งเกิดจากภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ของพวกเขาผลิตอยู่ ต้นทุนโลจิสติกส์ที่สูงและการอ่อนค่าของเงินเยนส่งผลกระทบต่อผลกำไรของบริษัทมากขึ้น แต่พวกเขาคาดว่าต้นทุนเหล่านี้จะลดลงในอนาคต
ผู้ก่อตั้ง Nitori คาดการณ์ว่าเงินเยนจะแข็งค่าขึ้นเป็น 120-125 เยนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในช่วงฤดูร้อน การแข็งค่าขึ้นนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่เติบโตเท่าที่คาดการณ์ไว้ และการพังทลายของธนาคารเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการเริ่มต้นของภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจเต็มรูปแบบ
อ้างอิง: