×

สิ่งที่ลิเวอร์พูลต้องทำเพื่อจะกลับมาได้ในปีหน้า… คำแนะนำบนความห่วงใยของ เจมี คาร์ราเกอร์

10.02.2021
  • LOADING...
สิ่งที่ลิเวอร์พูลต้องทำเพื่อจะกลับมาได้ในปีหน้า... คำแนะนำบนความห่วงใยของ เจมี คาร์ราเกอร์

ปัญหาผลงานตกต่ำอย่างน่าใจหายของทีม ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล กลายเป็นประเด็นใหญ่ในวงการฟุตบอลอังกฤษ ที่มีการพยายามตั้งคำถาม ถอดบทเรียน และหาคำตอบกันอย่างจริงจัง

 

เหตุใดทีมที่เคยเข้าขั้น ‘ไร้เทียมทาน’ ตลอดระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในฤดูกาลที่แล้ว ที่เคยนำโด่งทิ้งห่างไปไกลจนไม่ต้องลุ้น สามารถเก็บชัยชนะได้แทบทุกนัดไม่ว่าจะเป็นเกมที่ยากเย็นขนาดไหน กลับอยู่ในสภาพที่จำสภาพเดิมแทบไม่ได้ในปัจจุบัน

 

ทั้งๆ ที่ระยะเวลาจากที่พวกเขานำจ่าฝูงครั้งสุดท้ายเพิ่งเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ก่อนบ็อกซิ่งเดย์เท่านั้น

 

หลายหลากเหตุผลถูกนำมาตีแผ่อย่างเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นจากปัญหาอาการบาดเจ็บของแกนหลักคนสำคัญอย่าง เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ซึ่งกลายเป็นโดมิโนตัวแรกที่ล้มลง ไปจนถึง โจ โกเมซ ที่เป็นคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟตัวหลัก ขณะที่ โจเอล มาทิป อีกหนึ่งกองหลังอาชีพอีกราย ก็มีปัญหาสภาพร่างกายทำให้ลงสนามต่อเนื่องไม่ได้ และสุดท้ายก็ต้องปิดม่านฤดูกาลไปอีกคน

 

เท่ากับลิเวอร์พูลเสียกองหลังตัวหลักที่มีทั้ง 3 คนไปหมดในฤดูกาลนี้ และนำไปสู่การต้องดันทุรังใช้งาน ฟาบินโญ ที่กลายเป็นเสาหลักในเกมรับ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมที่ถูกจับลงเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ

 

ไม่นับ นาบี เกอิตา กองกลางที่ทำผลงานได้โดดเด่น แต่ลงเล่นแล้วเจ็บต่อเนื่อง และหายหน้าไปเกือบ 2 เดือนแล้ว เช่นเดียวกับ ดีโอโก โชตา กองหน้าตัวใหม่ที่สร้างผลงานน่าประทับใจหลังย้ายมาจากวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ในช่วงปิดฤดูกาล แต่โชคร้ายเกิดบาดเจ็บรุนแรงที่หัวเข่าในเกมยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม ที่ไม่มีความหมายกับมิดชิลลันด์ (ที่ทำให้แฟนๆ บางส่วนยังเคือง เจอร์เกน คล็อปป์ จนถึงทุกวันนี้ ที่ส่งลงสนามทั้งที่ไม่จำเป็น) 

 

และยังมีอาการบาดเจ็บของผู้เล่นอีกมากมายที่เกิดขึ้นระหว่างทาง

 

การขาดนักเตะกำลังหลักหลายรายกลายเป็นสถานการณ์ที่ลิเวอร์พูลต้องพยายามแก้ปัญหาหนึ่งเพื่อไปเจอกับอีกปัญหาหนึ่ง และสุดท้ายก็กลายเป็นรวนทั้งระบบ ซึ่งทำให้พวกเขาแพ้คาบ้านติดต่อกัน 3 นัด ต่อเบิร์นลีย์, ไบรท์ตัน และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จนแทบจะหมดลุ้นป้องกันแชมป์อย่างเป็นทางการ

 

จากสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ ลิเวอร์พูลจึงปรับเป้าหมายมาเป็นการลุ้นป้องกันพื้นที่ท็อปโฟร์ที่ไม่ง่ายแน่นอน

 

แต่สำหรับการแก้ปัญหาระยะยาว?

 

เจมี คาร์ราเกอร์ ตำนานสโมสรที่ปัจจุบันเป็นนักวิเคราะห์ให้กับช่อง Sky Sports ได้ร่วมวิเคราะห์ถึงสิ่งที่ลิเวอร์พูลจำเป็นต้องทำ เพื่อที่จะกลับมาอย่างแข็งแกร่งในฤดูกาลหน้า โดยมองว่าเวลานี้ทีมกำลังประสบปัญหา เพราะผู้เล่นที่มีนั้นแทบไม่เปลี่ยนเลยนับตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว

 

 

 

คาร์ราเกอร์ให้ความเห็นในรายการ Monday Night Football ว่า “ในช่วงแรกที่ เจอร์เกน คล็อปป์ เข้ามารับงาน ลิเวอร์พูลเป็นเพียงทีมอันดับที่ 6 หรือ 7 ของพรีเมียร์ลีกเท่านั้น

 

“ในซัมเมอร์แรกเขาซื้อนักเตะใหม่ 3 ราย คือ โจเอล มาทิป, จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม และ ซาดิโอ มาเน และจากนั้นทีมก็ได้ไปแชมเปียนส์ลีก

 

“จากนั้นอีก 12 เดือน เขาดึง โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ มาในช่วงซัมเมอร์ ต่อด้วย เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ในเดือนมกราคม และ อลิสสัน เบ็คเกอร์ หลังจบนัดชิงแชมเปียนส์ลีกในปี 2018 ซึ่งหลังจากนั้นทีมชนะแชมเปียนส์​ลีกและแชมป์ลีก”

 

ทั้งหมดที่คาร์ราเกอร์พูดมาก็เพื่อที่จะบอกว่า ลิเวอร์พูลควรจะทำแบบที่เคยทำมาคือ การเสริมทัพด้วยผู้เล่นในระดับตัวจริง 3 ราย

 

“ผมคิดว่าลิเวอร์พูลมาถึงจุดที่พวกเขาต้องการนักเตะ 3 คน เพื่อที่จะเข้ามาและเติมพลังให้กับทีม” คาร์ราเกอร์กล่าว

 

“เรากำลังพูดกันถึงเรื่องของความเข้มข้น และลิเวอร์พูลทีมนี้ดร็อปลงไปจากเดิม ในเรื่องพละกำลังก็ดูลดน้อยถอยลง และทีมชุดปัจจุบันแทบไม่ต่างไปจากในเกมนัดชิงแชมเปียนส์ลีกเมื่อปี 2018 เลย

 

“แบ็กโฟร์ชุดเดิม ฟูลแบ็กสองข้างเหมือนเดิม ฟาน ไดจ์ค ถ้าเขาฟิตก็ได้ลงสนามอยู่แล้ว ส่วน เดยัน ลอฟเรน อาจจะย้ายไป แต่ โจเอล มาทิป ก็อาจจะได้เล่นในนัดชิงปีนั้นถ้าเขาฟิต โจ โกเมซ ก็ยังอยู่ที่สโมสร”

 

ในแดนกลางและแดนหน้า คาร์ราเกอร์ก็ชี้ให้เห็นว่า ผู้เล่นที่คล็อปป์ใช้ทุกวันนี้ก็ยังเป็นชุดเดิม

 

“มันไม่ใช่เรื่องของทัศนคติ ทีมนี้ไม่ใช่ทีมที่จะมาคิดว่าได้แชมป์ลีกแล้วจะพอ แต่พวกเขาไม่ได้หยุดพักเลยมากว่า 3 ปี นี่คือเหตุผลที่ผมบอกว่าพวกเขาต้องการความช่วยเหลือ”

 

ความช่วยเหลือที่ว่าสำหรับคาร์ราเกอร์คือ นักเตะใหม่ที่จะเข้ามาเติมความสดชื่น เพิ่มการแข่งขันภายในทีม

 

“ผมไม่ได้พูดถึงนักเตะที่จะมานั่งบนม้านั่งสำรอง ผมกำลังพูดถึงนักเตะที่จะเข้ามาในทีมได้เลยเหมือนมาทิป, ไวจ์นัลดุม, มาเน หรือซาลาห์, ฟาน ไดจ์ค และอลิสสัน” อดีตกองหลังจอมแกร่งกล่าว

 

ในแดนหลัง พวกเขาได้ เบน เดวิส และ โอซาน คาบัค มาแล้ว โดยเฉพาะรายหลังที่เคยเป็นเป้าหมายในระยะยาวที่คล็อปป์และทีมงานที่นำโดย ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ ผู้อำนวยการสโมสรสนใจอยู่แล้ว หากทำผลงานได้ดีในช่วงนับจากนี้ไปจนจบฤดูกาล ก็มีโอกาสที่จะได้เป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟคนใหม่ถาวรของสโมสร

 

ในแดนกลางไวจ์นัลดุมมีโอกาสจะไปจากทีมสูง แม้ว่าจะยังไม่ประกาศการตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไรหลังจบฤดูกาลนี้ที่สัญญาของเขากับทีมจะหมดลง และคาดว่าคล็อปป์น่าจะต้องหาใครเข้ามาเพื่อทดแทนบ้าง

 

โจทย์ยากอาจจะเป็นแดนหน้าที่จะต้องหาคนที่จะมาแข่งขันกับ 3 ประสานเดิมอย่างมาเน, ซาลาห์ และ โรแบร์โต เฟียร์มิโน ซึ่งแม้จะมีโชตาอยู่แล้วคนหนึ่ง แต่อาจจะยังไม่เพียงพอ 

 

เพราะในเวลานี้เห็นได้ชัดว่า ขุมกำลังสำรองของลิเวอร์พูลในรายที่เหลืออย่าง ดิวอค โอริกิ, เชร์ดาน ชาคิรี, อเล็กซ์ ออกซ์เลด-แชมเบอร์เลน และ ทาคุมิ มินามิโนะ ที่ถูกส่งตัวให้เซาแธมป์ตันยืมนั้นยังดีไม่พอ เมื่อเทียบกับขุมกำลังของคู่แข่งอย่างแมนฯ ซิตี้, แมนฯ ยูไนเต็ด หรือเชลซี

 

อย่างไรก็ดี นั่นเป็นเรื่องของสิ่งที่ต้องทำในอนาคต

 

ก่อนจะไปถึงจุดนั้น คล็อปป์และทีมอาจต้องพยายามก้มหน้าก้มตาสู้กันใหม่ เริ่มต้นกันใหม่กับช่วงที่เหลือของฤดูกาล

 

เอาให้ผ่านปีนี้ไปแบบไม่บอบช้ำเยอะ แค่นี้น่าจะพอแล้ว

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising