7 Things We Love About Simon Porte Jacquemus แบรนด์แห่งยุคที่กำหนดทิศทางใหม่ให้วงการแฟชั่น
ไม่ว่าคุณจะเป็นคอแฟชั่นตัวจริงหรือแค่ผิวเผิน คุณก็น่าจะเคยได้ยินชื่อ ‘Jacquemus’ ผ่านหูมาบ้าง แบรนด์แฟชั่นสัญชาติฝรั่งเศสที่กำลังขึ้นแท่นเป็นแบรนด์โปรดของใครหลายคน พร้อมกับ Simon Porte Jacquemus ดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้งแบรนด์ที่เทใจให้อย่างมหาศาลเท่ากัน
นอกจากกระเป๋า Le Chiquito ไอเท็มฮอตที่ติด Wish List ของใครหลายคน หรือจะเป็นเสื้อครอปผ่าอกที่ Break the Internet ไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมาแล้วนั้น แฟนๆ ของแบรนด์นี้ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า สาเหตุที่พวกเขาชื่นชอบ Jacquemus เป็นพิเศษคือวิธีการเล่าเรื่องและเอเนอร์จี้บวกๆ ที่แบรนด์ได้ส่งต่อผ่านการจัดโชว์และโซเชียลมีเดียต่างๆ ซึ่งกลายเป็นจุดแข็งที่ช่วยเพิ่มฐานแฟนให้กับแบรนด์มากขึ้นเรื่อยๆ
และวันนี้ THE STANDARD POP จะมาเผย 7 ปัจจัยหลักที่ทำไมเราถึงชื่นชอบแบรนด์นี้ เช่นเดียวกับที่หลายๆ คนชื่นชอบด้วยเช่นกัน
1. The Convergence Between Personal and Brand
อุตสาหกรรมแฟชั่นเปรียบได้กับพื้นที่ครีเอทีฟของนักสร้างสรรค์หลายแขนงให้มาแลกเปลี่ยนความคิดและสร้างผลงาน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นแถวหน้าได้ ยุคสมัยได้เปลี่ยนไป และการมาของโซเชียลมีเดียช่วยเชื่อมโลกที่กว้างใหญ่ให้แคบลง ปัจจุบันโซเชียลมีเดียแปรสภาพเป็นเครื่องมือสำคัญที่แบรนด์ใช้ในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ และ Jacquemus ถือเป็นแบรนด์เบอร์ต้นๆ ที่สามารถใช้โซเชียลมีเดียได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
จุดแข็งของ Jacquemus ในการใช้โซเชียลมีเดีย คือการที่เขาใช้อินสตาแกรม @Jacquemus ทั้งในเชิงส่วนตัวและเป็นออฟฟิเชียลแบรนด์ในคราวเดียว จุดนี้เองทำให้ฟอลโลเวอร์รู้สึกเข้าถึงแบรนด์ได้มากกว่า พวกเขามีโอกาสเห็นรูป Behind-the-Scene ทั้งโชว์ ฟิตติ้ง หรือภาพแคมเปญ รวมถึงภาพส่วนตัวต่างๆ ของ Simon ไม่ว่าจะเป็นรูปเขาในวัยเด็ก ทริปท่องเที่ยว แรงบันดาลใจ รวมไปถึงคนรักของเขา ตรงนี้เองทำให้แบรนด์มีภาพลักษณ์ที่จับต้องได้ เข้าถึงง่าย และมีทัศนคติแบบ Down-to-Heart ในขณะที่แบรนด์อื่นๆ มักใช้โซเชียลมีเดียนำเสนอมุมมองที่สวยงามปรุงแต่งเรียบร้อยแล้ว
2. Everyone Loves Jacquemus!
คำกล่าวนี้ไม่เกินจริงเลย นอกจากแฟนคลับทั่วโลกที่อยากได้กระเป๋าเขาแล้วนั้น เหล่าเซเลบริตี้แถวหน้าของโลกต่างก็ตกหลุมรักทั้งตัวแบรนด์และ Simon เขามีเพื่อนระดับเอลิสต์ที่คอยให้กำลังใจและสนับสนุนงานดีไซน์ของเขาเสมอ แต่ละคนไม่ธรรมดาเลย เช่น Rihanna, Kylie Jenner, Kim Kardashian, Megan Fox และ Jennie BLACKPINK ที่ล่าสุดโผล่ไปให้กำลังใจติดขอบรันเวย์ที่ฮาวาย
ไม่ใช่แค่นั้น โชว์ของเขายังเป็นที่รักของนางแบบระดับตัวท็อปทั้งนั้น ที่ต่างตบเท้ามาเดินรันเวย์ให้เขาอยู่เสมอ ตั้งแต่ Gigi, Bella Hadid และ Kendall Jenner ซูเปอร์โมเดลยุคใหม่ที่สองรายหลังเคยขึ้นแคมเปญให้กับแบรนด์มาแล้วด้วยเช่นกัน
3. Celebrating LGBTQIA+ Community
หลายคนที่ติดตาม Simon จะรู้ดีว่าเขาหมั้นกับแฟน Marco Maestri และเปิดเผยตัวตนถึงสถานะของเกย์แบบไม่เขินอายผ่านโซเชียลมีเดียมาโดยตลอด ซึ่งการกระทำดังกล่าวได้รับคำชื่นชมเป็นอย่างมากถึงการเป็นตัวของตัวเอง แต่ก็มีกลุ่มคนที่ไม่พอใจพยายามโจมตีเขาผ่านโซเชียลมีเดียเช่นกัน บางคนถึงขนาดกล่าวว่า เขาไม่ต้องการกระเป๋าของ Jacquemus อีกต่อไปเพราะเจ้าของแบรนด์เป็นเกย์ ทำให้เขาออกมาตอบโต้ทันทีว่า “ถ้าคุณรู้ว่าบริษัทของเรามีพนักงานที่เป็นเกย์มากขนาดไหน แบรนด์ของเราไม่ต้องการลูกค้าที่มีลักษณะเหยียดเพศเช่นเดียวกัน คุณไม่คู่ควรกับแบรนด์ของเรา จบนะ”
และเขายังได้โพสต์รูปภาพของเขาและคนรักหนุ่มขณะที่กำลังจูบกัน พร้อมให้กำลังใจคนอื่นๆ ว่า “ผมโตขึ้นโดยไม่มีตัวอย่างของคู่รักเกย์ ดังนั้นสิ่งที่ผมทำตอนนี้มันสำคัญมาก เราควรยกย่องความรักในทุกรูปแบบ ให้คนที่แตกต่างได้เข้าใจ พวกคุณสวยงามในแบบของคุณ จงอย่าลืมมันเสียละ”
ไม่ใช่แค่โพสต์เท่านั้น แต่ Jacquemus ยังสนับสนุนเรื่องความหลากหลายผ่านการใช้นางแบบหลากหลายไซส์และเชื้อชาติในโชว์ของเขา รวมถึงการเบลอเรื่องเพศอย่างการดึง Bad Bunny นักร้องชาวละตินมาขึ้นแคมเปญในชุดเดรสสีชมพูอีกด้วย
4. Keep Breaking the Internet
โมเมนต์ที่ทุกคนเริ่มรู้จักแบรนด์ Jacquemus ต้องย้อนกลับไปเมื่อคอลเล็กชัน Spring 2018 ‘La Bombe’ คอลเล็กชันเดบิวต์ความโด่งดังที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักจวบทุกวันนี้ นอกจากเสื้อผ้าจับเดรปซัมเมอร์สุดเซ็กซี่ที่เหล่าเซเลบริตี้เอลิสต์ทั่วโลกเลือกหยิบสวมใส่ เขาเปิดตัวไอเท็ม Break the Internet อย่าง The La Bomba Hat หมวกสานโอเวอร์ไซส์ที่สร้างกระแสไอเท็มฮิตที่ต้องมีสำหรับถ่ายลงโซเชียลมีเดียโดยเฉพาะ
และอีกหนึ่งไอเท็ม Le Chiquito Bag กระเป๋าดีไซน์ไอคอนิกที่เขาสร้างเทรนด์ Micro Mini Bag กระเป๋าไซส์จิ๋วจนทำให้แบรนด์แฟชั่นอื่นๆ ต้องถอยกระเป๋าไซส์เล็กออกตามมากันเป็นแถว และที่ซ่าไปกว่านั้นเขายังทำให้กระเป๋ารุ่นนี้เล็กลงไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นเครื่องประดับแทนการใส่ของไปแล้ว
5. Great Storytelling
นอกจากจะเก่งในงานดีไซน์ไอเท็มเจ๋งๆ แล้ว Simon ยังเป็นนักเล่าเรื่องที่เก่งมากด้วยเช่นกัน การที่แบรนด์ของเขาประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้มาจาก Storytelling ของแบรนด์ที่แข็งแรงมากๆ ในทุกโชว์เขามักจะมาพร้อมคำใบ้บางอย่างถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นผ่านโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างความตื่นเต้นและกระตุ้นให้แฟนๆ ของแบรนด์กระหายอยากรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น การสร้างโมเมนต์ให้ทุกคนจดจ่อกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่ใช่ทุกแบรนด์จะสามารถสร้างเอ็นเกจระดับเดียวกับที่ Jacquemus ทำได้
โลเคชันถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่เขาใช้ในการเล่าเรื่องคอลเล็กชันได้อย่างฉลาด คอลเล็กชันซีซัน Spring 2020 ‘Le Coup de Soleil’ รันเวย์สีชมพูบนทุ่งลาเวนเดอร์ที่โพรวองซ์ สร้างโมเมนต์ให้คนพูดถึงไปเป็นสัปดาห์ การเติมเต็มเรื่องราวให้กับเสื้อผ้าด้วยสถานที่ตระการตา กลายเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ Jacquemus เป็นที่ต้องการมากขึ้นในราคาที่สามารถจับต้องได้ สิ่งที่เราเห็นคือสลิปเดรสตัวเก๋ สูทโอเวอร์ไซส์ และอื่นๆ ที่สามารถซื้อหามาใส่ได้ในชีวิตจริง ไม่ใช่เสื้อผ้าชั้นสูงที่ดูเกินจริงและเกินเอื้อม
6. Staying Independent
Simon เริ่มทำแบรนด์ในขณะที่อายุได้เพียงแค่ 19 ปีเท่านั้น เขาทำงานเป็นพนักงานขายที่ COMME des GARCONS เพื่อนำเงินมาหมุนใช้ในการสร้างแบรนด์ควบคู่ไปด้วย โดยปัจจุบัน Jacquemus มีพนักงานราวๆ 60 คน และสามารถทำกำไรต่อปีได้ที่ราวๆ 700 ล้านบาท ซึ่งที่น่าสนใจคือแบรนด์ของเขาเป็นบริษัทเอกเทศ ไม่ได้ถูกซื้อหรือแบ็กอัพโดยกลุ่มบริษัทเช่นเดียวกับแบรนด์แฟชั่นอื่นๆ
กลยุทธ์ที่ Simon ต้องการสร้างให้กับ Jacquemus คือการสร้างแบรนด์แฟชั่นลักชูรีด้วยภาพลักษณ์ที่แข็งแรง แต่ราคาเข้าถึงได้ และนั่นทำให้สินค้าของเขาขายดีและเป็นที่ต้องการอยู่เสมอ และเขาเองยังหาวิธีสร้างประสบการณ์แบบใหม่ให้กับลูกค้าอยู่เสมอ ตัวอย่างเช่น Hyper Physical Store ป๊อปอัพสโตร์รูปแบบใหม่ที่สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้คนเข้ามามีประสบการณ์ร่วมกับแบรนด์ที่เพิ่งจัดไปที่มิลาน ปารีส และลอนดอน ต่างประสบความสำเร็จทั้งในแแง่ของยอดขาย และเป็นที่พูดถึงบนโซเชียลมีเดีย
7. A Family Man
ชื่อของแบรนด์ Jacquemus มาจากนามสกุลเดิมของคุณแม่ของเขา Valérie Jacquemus การที่เขานำชื่อแม่มาตั้งชื่อแบรนด์ก็เพื่อเป็นการระลึกถึงแม่อันเป็นที่รักที่จากเขาไปจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ผู้หญิงคนแรกที่เคยสวมใส่ชุดของเขาก็คือแม่ของเขานั่นเอง เมื่อตอนอายุได้ 7 ขวบ เขานำผ้าม่านมาตัดเป็นกระโปรงให้แม่ของเขา และเธอใส่กระโปรงตัวนั้นไปส่งเขาที่โรงเรียนอีกด้วย
ไม่เพียงแค่นั้น เขาได้หยิบเอาแรงบันดาลใจตอนนั้นมาสร้างสรรค์เป็นคอลเล็กชัน Fall 2020 ‘L’annee 97’ ซึ่งลุคเปิดกระโปรงทรงสอบที่สวมใส่โดย Laetitia Casta คือดีไซน์เดียวกันที่เขาตัดให้แม่ของเขาสวมใส่นั่นเอง และในทุกๆ แฟชั่นโชว์เขามักจะพาครอบครัวของเขามานั่งชมโชว์เสมอ โดยให้พวกเขาได้สวมใส่ชุดที่เขาออกแบบ เป็นอีกหนึ่งโมเมนต์น่ารักๆ ที่เราได้เห็นจาก Jacquemus มาโดยตลอด
ภาพ: Getty Images / Courtesy of Jacquemus
