×

“พลาดเหมือนเด็ก 10 ขวบ” หรือถึงเวลาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องบอกว่า #OleOut?

05.11.2020
  • LOADING...
“พลาดเหมือนเด็ก 10 ขวบ” หรือถึงเวลาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องบอกว่า #OleOut?

HIGHLIGHTS

5 mins read
  • สิ่งที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในเกมแชมเปียนส์ลีกเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมาคือ ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 12 ของบาซัคเซเฮียร์ ที่ พอล สโคลส์​ บอกว่า “พลาดเหมือนเด็กอายุไม่ถึง 10 ขวบ”
  • ความพ่ายแพ้ในวันนี้ ทำให้กระแส #OleOut ที่ต้องการไล่ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ พ้นจากตำแหน่งผู้จัดการทีมดังขึ้นอีกครั้ง

เป็นอีกครั้งที่ไม่มีใครคาดคิดว่า แมนเชสเตอร์​ ยูไนเต็ด ทีมที่บุกไปพิชิตปารีส แซงต์ แชร์กแมง รองแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ได้ถึงปาร์ค เดส์ แพรงซ์ และถล่มแอร์เบ ไลป์ซิก จ่าฝูงบุนเดสลีกา ถึง 5-0 จะต้องปราชัยอย่างน่าอับอายต่ออิสตันบูล บาซัคเซเฮียร์ 

 

ทีมแชมป์ตุรกีที่เพิ่งจะก่อตั้งเมื่อปี 1990 ได้โอกาสลงเล่นในรายการใหญ่สุดของยุโรปเป็นครั้งแรก ไม่เคยชนะใครมาก่อน และไม่เคยแม้แต่จะทำประตูได้

 

ทีมที่มี มาร์ติน สเคอร์เทล อดีตกองหลังลิเวอร์พูลในวัย 33 ปี และ เดมบา บา อดีตศูนย์หน้าเชลซีในวัย 35 ปี เป็นตัวหลัก

 

จริงอยู่ที่ฟุตบอลเป็นเกมกีฬาที่แพ้ชนะกันได้เสมอ แต่ความพ่ายแพ้ของแมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมนี้นำทีมกลับเข้าสู่ ‘วังวน’ เก่าๆ อีกครั้ง โดยเฉพาะเรื่องความสามารถของ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ในฐานะผู้จัดการทีม ที่กลับมาเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อีกเหมือนเดิม

 

พอล สโคลส์ วิเคราะห์จังหวะเสียประตูแรกของแมนฯ ยูไนเต็ด โดยชี้ให้เห็นว่า ไมค์ ฟีแลน โค้ชของทีมพยายามสั่งให้ เนมันยา มาติช ถอยลงไปรอรับ แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมไลน์แบ็กโฟร์ 4 คนของทีม จึงดันเข้าเขตโทษหมดแบบนี้ ทั้งๆ ที่เป็นช่วงต้นเกม ไม่ใช่ช่วงนาทีสุดท้ายที่ต้องการประตู

 

ผิดพลาดเหมือนเด็กประถม!

สิ่งที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในเกมแชมเปียนส์ลีกเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมาคือ ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 12 ของบาซัคเซเฮียร์ ซึ่งเป็นประตูแรกในรายการสโมสรยุโรปของพวกเขา

 

ที่มาของประตูเริ่มจากจังหวะการเล่นลูกเตะมุมของแมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งพยายามจะเล่นบอลสั้น แต่สุดท้ายพลาด และโดนตัดบอลกลับได้ ก่อนที่บอลจะมาถึง เอดิน วิสกา กัปตันทีมในกรอบเขตโทษ 

 

วิสกามองเห็น เดมบา บา กองหน้าของทีม ที่ยืนอยู่ใกล้วงกลมกลางสนามโดยที่ไม่มีผู้เล่นของแมนฯ ยูไนเต็ด คนไหนอยู่ใกล้ และที่สำคัญกว่านั้นคือ ไม่มีผู้เล่นคนไหนที่ไปยืนรองบอลในแดนของพวกเขาเลย จึงเปิดบอลยาวรวดเดียวไปข้างหน้า

 

บาในวัยไม้ใกล้ฝั่งฉีกตัวไปรับบอล ก่อนจะพักอกเพื่อแต่งบอลไปข้างหน้า และวิ่งควบไปดวลเดี่ยวกับ ดีน เฮนเดอร์สัน ผู้รักษาประตู ที่ได้โอกาสลงเล่นตัวจริงครั้งแรกให้ยูไนเต็ดในรายการนี้ ก่อนจะส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายแบบง่ายๆ

 

ลูกนี้กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมากสำหรับความผิดพลาดของยูไนเต็ด ที่ไม่มีใครยืนประคองเกมรับแม้แต่คนเดียว

 

พอล สโคลส์ อดีตกองกลางแมนฯ ยูไนเต็ด วิเคราะห์ผ่านทางรายการของ BT Sport ว่า “มันเป็นเรื่องของการจัดการล้วนๆ นี่มันเหมือนกับบอลเด็กอายุไม่ถึง 10 ขวบ มันน่าขายหน้ามาก ผมไม่เข้าใจเลยว่าเกมรับของพวกเขากำลังทำอะไรอยู่

 

“ประตูนี้มันตลก และมันเป็นความผิดพลาดของผู้เล่นล้วนๆ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสตาฟฟ์หรือโค้ช”

 

ขณะที่ ริโอ เฟอร์ดินานด์ อดีตกองหลังระดับตำนานของโอลด์แทรฟฟอร์ด กล่าวว่า “เกมรับไปไหน? พวกเขาไม่มีการจัดระเบียบกันเลย ใครคือคนที่จะต้องจัดระเบียบเกมรับ? มันบ้ามาก

 

“ผมหวังว่าโอเลจะบอกกับทีมว่า พวกเขาทำให้ตัวเขาต้องอับอาย ผมหวังว่าเขาจะระเบิดอารมณ์บ้างในห้องแต่งตัว เพราะนักเตะพวกนี้มันต้องโดนเสียบ้าง”

 

ขณะที่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี อีกหนึ่งกองหน้าของยูไนเต็ด กล่าวว่า “ผมไม่เคยเห็นการเสียประตูแบบนี้มาก่อนเลย เกมรับนั้นของพวกเขาแย่มากจริงๆ”

 

ส่วนประตูที่ 2 ที่เสียไปนั้นก็มาจากความผิดพลาดของนักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด เองอีกเช่นกัน เมื่อ ฆวน มาตา โดนฉกบอลได้ที่กลางสนาม และไล่ เดนิซ ตูรัค ที่ควบเอาบอลไปก่อนถวายพานมาให้วิสกา เติมมายิงแบบโล่งๆ สบายๆ

 

 โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ กำลังตกที่นั่งลำบากอีกครั้ง

 

#SaveOle ไม่ไหวแล้ว?

แน่นอนว่าการพ่ายแพ้ครั้งนี้ทำให้เกิดกระแสข่าวการปลด โอเล กุนนาร์​ โซลชาร์ จากตำแหน่งอีกครั้ง

 

โดยในฤดูกาลนี้แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ชนะเกมลีกในบ้านเลยแม้แต่นัดเดียว และหากนับรวมกันทั้งหมด พวกเขาไม่ชนะที่โอลด์แทรฟฟอร์ดติดต่อกันมาเป็นเวลา 6 นัดแล้ว และการพ่ายแพ้ต่อบาซัคเซเฮียร์ยังทำให้สถิติการชนะนอกบ้าน 10 นัดติดต่อกันถูกหยุดลงด้วย

 

2 นัดหลังสุด พวกเขาแพ้ต่ออาร์เซนอลแบบสู้ไม่ได้ และพ่ายต่อทีมรองบ่อนจากตุรกีแบบน่าอับอาย แม้ว่าก่อนหน้านี้ 4 เกม จะทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการชนะทั้งเปแอสเช, นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด, เสมอเชลซี (แบบเล่นดีกว่า) และถล่มไลป์ซิก 5-0 ก็ตาม

 

แต่ก่อนหน้านั้นแมนฯ ยูไนเต็ด ก็โดนท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ถล่มมา 6-1 เรียกได้ว่า ผลงานนั้นไม่มีความสม่ำเสมอ หรือจะเรียกอีกอย่างได้ว่า ‘ความสม่ำเสมอที่ไม่สม่ำเสมอ’ ซึ่งกลายเป็นภาพจำของแมนฯ ยูไนเต็ด ในยุคของโซลชาร์ไปแล้ว

 

ที่ผ่านมาภายใต้การคุมทีมของโซลชาร์ แมนฯ ยูไนเต็ด จะมีช่วง ‘เข้าเบรก’ ที่สามารถทำผลงานได้ดีต่อเนื่อง เหมือนช่วงแรกที่รับตำแหน่งต่อจาก โชเซ มูรินโญ และอีกครั้งในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังของฤดูกาล 2019/20 ที่ได้ บรูโน แฟร์นันด์ส มาจุดประกายทำให้ทีมไต่อันดับขึ้นมาถึงที่ 3 ได้สิทธิ์มาแข่งแชมเปียนส์ลีก

 

ถ้าพ้นจากช่วงเข้าเบรกแล้วจะเป็นช่วง ‘เข้าถ้ำ’ หรือที่แฟนปีศาจแดงหลายท่านเรียกว่า ‘ลูปนรก’ ที่ผลงานจะดีสลับร้าย ดี 2 นัด แย่ 1 นัด หรือดีนัดแย่นัด

 

ปัญหาที่เป็นมาต่อเนื่องคือ การที่ทีมมักจะเล่นได้ดีในเกมใหญ่ เจอทีมใหญ่ ด้วยสไตล์เกมสวนกลับเร็วที่อันตราย เพราะผู้เล่นในแนวรุกต่างเป็นนักเตะที่มีความเร็วสูง ทักษะเป็นเลิศอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด หรือ อองโตนี มาร์กซิยาล

 

แต่เมื่อต้องเป็นฝ่ายที่เปิดเกมเองก็เกิดอาการตื้อ ตีบตันทางความคิดไปเสียอย่างนั้น ไม่เสมอก็แพ้ หรือหากชนะก็ชนะอย่างยากลำบาก

 

แมนฯ ยูไนเต็ด ในการคุมทีมของโซลชาร์ยังเป็นทีมที่ไม่มี ‘ดีเอ็นเอ’ ที่ชัดเจน จะบอกว่าเป็นทีมที่รับรอโต้ก็ไม่ใช่ แต่ครั้นจะบอกว่าเป็นทีมที่ครองบอลจู่โจมคู่แข่งก็ไม่เชิง แตกต่างจากคู่แข่งทีมอื่นๆ ที่ดูมีแนวทางที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เชลซี, อาร์เซนอล หรือแม้แต่สเปอร์ส ภายใต้การคุมทีมของมูรินโญเวลานี้ ก็เล่นฟุตบอลในแบบ The Special One 

 

ปัญหาในการบริหารผู้เล่นและรีดเร้นศักยภาพนักเตะของโซลชาร์ก็เป็นจุดที่ถูกวิพากษ์หนักมาก เพราะแม้จะมีผู้เล่นที่เป็นเพชรเม็ดงามหลายราย ไม่ว่าจะเป็นแรชฟอร์ด, มาร์กซิยาล, แฟร์นันด์ส, พอล ป็อกบา หรือ แฮร์รี แม็กไกวร์ แต่ไม่สามารถเจียระไนให้นักเตะเหล่านี้เปล่งประกายเจิดจ้าได้ถึงขีดสุด

 

รวมถึงรายล่าสุดอย่าง ดอนนี ฟาน เดอ บีค มิดฟิลด์อนาคตไกลทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ที่นอกจากจะยึดตำแหน่งไม่ได้ ยังสูญเสียความมั่นใจ กลายเป็นนักเตะดาดๆ ไปอีกคน

 

นั่นทำให้เกิดกระแสข่าวเบาๆ ว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเร็วๆนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่กี่วันเพิ่งมีข่าวว่า เมาริซิโอ โปเชตติโน อดีตผู้จัดการทีมสเปอร์ส ซึ่งเคยเป็นตัวเต็งในตำแหน่งที่โอลด์แทรฟฟอร์ด ก็ออกตัวว่า “อยากกลับมาทำงานในวงการอีกครั้ง” หลังพักยาวมาเกือบปี

 

เรื่องนี้เหมือนจะเป็นเรื่องบังเอิญที่ไม่บังเอิญ ซึ่งสำหรับโปเชตติโน เขายังมีโอกาสจะได้งานกับเรอัล มาดริด หรือบาร์เซโลนา ที่ตำแหน่งของ ซีเนดีน ซีดาน และ โรนัลด์ คูมัน ก็ไม่ถึงกับมั่นคงอะไรนัก 

 

หากแมนฯ ยูไนเต็ด อยากได้ตัวเขามาร่วมงานจริงก็อาจต้องรีบตัดสินใจ เพราะไม่เช่นนั้นหากทีมอื่นมาติดต่อไปจะมาเสียดายทีหลังไม่ได้

 

อย่างไรก็ดี สำหรับโซลชาร์ เขาไม่อยากจะแสดงความเห็นอะไรต่อข่าวนี้มากนัก

 

“ผมขอปฏิเสธที่จะพูดในเรื่องนี้ มันยังแค่ช่วงเริ่มต้นฤดูกาล ความคิดเห็นเหล่านี้มันเกิดขึ้นเสมออยู่แล้ว และเราต้องพยายามเข้มแข็งไว้ ผมถูกจ้างโดยสโมสรเพื่อให้ทำหน้าที่ ผมและทีมสตาฟฟ์ก็จะทำอย่างสุดความสามารถ”

 

แต่ตัวโซลชาร์เองอาจจะรู้

 

ว่าเกมที่กูดิสัน ปาร์ค ในวันเสาร์นี้อาจเป็นโอกาสแก้ตัวครั้งสุดท้ายของเขา

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising