×

บทสรุปครึ่งทาง กับโมเมนต์ละลายหัวใจในซีรีส์ It’s Okay to Not Be Okay

16.07.2020
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • “ถ้าเวลาเจ็บปวดจะนอนครางเป็นหมา ฉันไม่เป็นนะ แต่ตอนกลางคืนนายนอนครางเป็นหมาเลย… เพราะป่วยใจไง เพราะร่างกายซื่อตรง เวลาเจ็บน้ำตาก็ไหล แต่หัวใจขี้โกหก ถึงจะเจ็บปวดแต่ก็ทำเป็นเงียบ” – มุนซังแท
  • “พี่ฉันฝันร้ายเหมือนเธอ ตั้งแต่วันที่แม่เสียไปก็ฝันร้ายมาตลอด ถึงแม้ว่าพี่จะทุกข์ทรมาน แต่ฉันก็ทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ทำได้แค่เย็บตุ๊กตาโง่ๆ ให้เท่านั้น” มุนคังแทบอกกับโกมุนยองหลังจากให้ตุ๊กตาดักฝันร้ายกับเธอ

It’s Okay to Not Be Okay เดินทางมาถึงอีพี 8 นับเป็นครึ่งทางของซีรีส์เรื่องนี้จากทั้งหมด 16 อีพี ใครที่หลงรักมุนคังแท โกมุนยอง นัมจูรี พี่ซังแท คงลุ้นรอครึ่งท้ายกันสุดๆ ส่วนใครที่ยังไม่ได้เริ่มดู ขอบอกว่า It’s Okay to Not Be Okay คือซีรีส์ที่คู่ควร! 

 

และนี่คือ 8 โมเมนต์ละลายหัวใจจาก 8 อีพีแรกในซีรีส์เรื่องนี้

 

โกมุนยองสไตล์

“แฟชั่นคือความลำบากและความดื้อด้าน” ความประทับใจอย่างแรกเกี่ยวกับโกมุนยองคือการแต่งตัวของเธอ ทุกการปรากฏตัว เธอเป็นจุดสนใจด้วยความสูง ความสวย เสื้อผ้าแบรนด์เนมซีซันใหม่ล่าสุด กระเป๋า รองเท้า การแต่งหน้า และทรงผมที่ประณีต มันไม่ได้เยอะเกินไปจนดูล้น แต่สะท้อนการสร้างเกราะป้องกันความบอบบางข้างในด้วยลุคที่ดูแปลก แตกต่าง และแรงเกินกว่าคนปกติ

 

ในอีพี 1 เราได้ทำความรู้จักเธอในฉากร้านอาหาร นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้วยังทำให้เราได้เห็นรายละเอียดของโกมุนยอง ทั้งการใช้ชีวิตหรูหราสวยงาม ถ้วยชามคล้ายหลุดมาจากเทพนิยาย

 

 

สายใยของพี่น้อง

ถึงแม้ว่ามุนซังแทจะเป็นพี่ชายออทิสติกที่มุนคังแทต้องคอยดูแลมาตลอด แต่อาการออทิสติกกลับทำให้เขาแสดงความรู้สึกข้างในออกมาอย่างซื่อตรง รัก โกรธ ไม่ชอบใจ ไม่ถูกต้อง แตกต่างจากน้องชายที่เก็บความรู้สึกทุกอย่างเอาไว้ภายในจนแทบไม่เคยเปิดเผยความเป็นเด็ก ความอยากได้ อยากทำตามใจอะไรออกมาเลย นั่นทำให้หลายๆ ครั้งเป็นมุนซังแทเองที่ทำให้น้องชายตาสว่างและมองเห็นทางออกของปัญหาได้

 

“ถ้าเวลาเจ็บปวดจะนอนครางเป็นหมา ฉันไม่เป็นนะ แต่ตอนกลางคืนนายนอนครางเป็นหมาเลย… เพราะป่วยใจไง เพราะร่างกายซื่อตรง เวลาเจ็บน้ำตาก็ไหล แต่หัวใจขี้โกหก ถึงจะเจ็บปวดแต่ก็ทำเป็นเงียบ” มุนซังแทบอกกับน้องชายเขาอย่างนั้น

 

 

ตัดผม ตัดเชือก

“ตอนนี้ฉันเป็นอิสระแล้ว” โกมุนยองที่มองเห็นคังอึนจาดีขึ้นจากอาการป่วยทางจิตจากการยอมรับความจริง ผู้หญิงที่หลุดพ้นจากความรู้สึกผิดที่แบกรับไว้มานาน สิ่งนี้ทำให้โกมุนยองรู้แล้วว่าวิธีที่จะหลุดพ้นจากความกลัวที่หลอกหลอนชีวิตมานานคือการตัดผม ซึ่งเป็นสิ่งผูกติดเธอไว้กับแม่ ฉากที่เธอตัดผมสั้นแล้วนั่งรอมุนคังแทที่บันได ทำให้โกมุนยองกลายเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เฝ้ารอการกลับมาของคนที่รัก และรอยยิ้มที่ยิ้มทั้งหน้าตาเป็นรอยยิ้มแรกของโกมุนยองที่ทำให้เราได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเธอ

 

 

ความรักของแม่ผ่านอาหาร

คังซุนดุก แม่ของนัมจูรี เป็นตัวละครที่สะท้อนความเป็นแม่ได้อย่างอบอุ่น เธอมีฝีมือด้านการทำอาหาร เคยเปิดร้าน เคยทำงานหลายอย่างเพื่อเลี้ยงดูลูกสาวคนเดียวหลังจากสามีป่วยจนเสียชีวิตไป ปัจจุบันคังซุนดุกเป็นแม่ครัวประจำโรงพยาบาลจิตเวชรื่นรมย์ และเปิดบ้านให้คนที่เดือดร้อนมาเช่าอาศัย พร้อมทำอาหารเลี้ยงให้ด้วย 

 

แม่ของนัมจูรีมักจะมาพร้อมความอบอุ่นและใส่ใจเรื่องการกินอิ่มนอนหลับของคนอื่นเสมอ ทั้งในฉากที่เธอทำอาหารต้อนรับมุนคังแท พี่ชาย และเพื่อน, อาหารกล่องที่ทำไปฝากมุนคังแทและมุนซังแท, ฉากป้อนข้าวลูกสาวที่กำลังเสียใจ หรือฉากทำอาหารเช้ากับประธานสำนักพิมพ์ที่ทำให้บรรยากาศของบ้านดูอบอุ่น  

 

 

อ้อมกอดผีเสื้อ

ฉากสุดประทับใจนี้เป็นฉากประทับใจของนักแสดงอย่างคิมซูฮยอนด้วยเช่นกัน เพราะเป็นฉากแรกที่เขาได้ใกล้ชิดกับนางเอกของเรื่อง และยังเป็นฉากที่คนทั่วไปสามารถนำไปใช้ได้จริง เพราะเป็นเทคนิคการปลอบประโลมตัวเองให้จิตใจสงบลง 

 

“หลับตา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไขว้แขนเป็นรูปตัวเอ็กซ์ แล้วตบบ่าตัวเองสลับไปมาเบาๆ ทำแบบนี้จะสงบสติอารมณ์ที่พลุ่งพล่านได้” มุนคังแทสอนให้โกมุนยองทำท่าอ้อมกอดผีเสื้อ และเธอเองได้นำไปใช้ในช่วงที่ฝันร้าย 

 

‘อ้อมกอดผีเสื้อ’ หรือ The Butterfly Hug เป็นเทคนิคการบำบัดจิตใจแบบ EMDR (Eye Movement Desensitization and Reprocessing Therapy – จิตบำบัดเกี่ยวกับบาดแผลทางใจ เหตุการณ์สะเทือนใจรุนแรง หรือความทรงจำที่เจ็บปวด) เป็นเทคนิคลดความเครียดและวิตกกังวลเพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ตัวเอง 

 

 

ตุ๊กตาดักฝันร้าย

“พี่ฉันฝันร้ายเหมือนเธอ ตั้งแต่วันที่แม่เสียไปก็ฝันร้ายมาตลอด ถึงแม้ว่าพี่จะทุกข์ทรมาน แต่ฉันก็ทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ทำได้แค่เย็บตุ๊กตาโง่ๆ ให้เท่านั้น” มุนคังแทบอกกับโกมุนยองหลังจากให้ตุ๊กตาดักฝันร้ายกับเธอ

 

มังแท คือตุ๊กตาที่สะพายเป้ไว้คอยเก็บฝันร้าย เป็นตุ๊กตาที่มุนคังแทเย็บให้พี่ชายเพื่อให้หายจากฝันร้าย เขาค้นเจอที่บ้านเช่าและนำมาให้โกมุนยองที่มีอาการฝันร้ายเหมือนกัน ฉากนี้แสดงความใส่ใจของมุนคังแทที่มีต่อคนอื่นๆ โดยเฉพาะกับโกมุนยอง ผู้หญิงที่รู้จักตัวตนข้างในของเขา

 

 

บทเพลงคลีเมนไทน์

“ทุกคืนเธอจะร้องเพลงคลีเมนไทน์กล่อมลูกนอน ผู้หญิงคนนั้นร้องโดยรู้ความหมายที่แท้จริงของเพลงนี้ไหมนะ” โกแดฮวาน พ่อของโกมุนยอง พูดถึงภรรยาของเขาที่หายตัวไป 

 

Oh my darling, Clementine เพลงนี้จริงๆ แล้วเป็นเพลงโฟล์กซองคลาสสิกของอเมริกา เคยเป็นเพลงกล่อมเด็กนอนยุคก่อนๆ ด้วยเมโลดี้ที่ฟังสบายๆ แต่ตัวเนื้อเพลงออกจะหดหู่หม่นเศร้าจนไม่น่าเชื่อว่าจะใช้กล่อมเด็กนอนได้ เนื้อเพลงพูดถึงคนงานเหมืองคนหนึ่งที่มีลูกสาวชื่อคลีเมนไทน์ เธอใส่รองเท้าเบอร์ 9 ทุกเช้าตอน 9 โมงจะพาฝูงเป็ดไปลงน้ำ และวันหนึ่งก็เกิดอุบัติเหตุจนทำให้จมน้ำตาย 

 

ทุกครั้งที่ได้ยินเพลงนี้ ถ้าไม่ฟังเนื้อความก็ไม่มีใครคิดว่ามันคือความเศร้าและน่าหดหู่ เช่นเดียวกับภรรยาของโกแดฮวาน หรือกระทั่งตัวโกมุนยองเองที่ไม่มีใครรู้ความรู้สึกที่แท้จริงภายในใจของเธอ ดังนั้นในฉากที่เพลงคลีเมนไทน์ดังขึ้นมาจึงเป็นโมเมนต์ที่ตีความได้ทั้งความรักจากแม่และความน่ากลัวที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง

 

 

การปรากฏตัวของชเวแดเนียล

ชเวแดเนียล เคยทำงานกับ โจยง ผู้เขียนบทของซีรีส์ It’s Okay to Not Be Okay มาแล้วจากซีรีส์ Jugglers โดยในครั้งนี้เขามารับเชิญในบท ชเวแดเนียล ซีอีโอบริษัทซึ่งเป็นแฟนคลับของนักเขียนโกมุนยอง และในฉากที่เขาปรากฏตัวในร้านกาแฟก็ได้ทำให้มุนคังแทเกิดอาการหึงหวงโกมุนยองอย่างที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว 

 

 

ภาพ: Netflix 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising