“จะรักษาร้านนี้ไว้ให้ได้ จะสู้ให้ถึงที่สุดเท่าที่ประชาชนตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะสู้ไหว” เมศร์-อธิเมศร์ พงศ์วราเศรษฐ เจ้าของร้าน iTim Yimwhan ร้านไอศกรีมเจลาโตโฮมเมดในซอยพหลโยธิน 35 พูดอย่างมุ่งมั่น แม้ว่าในวันนี้แทบไม่มีความหวัง
เมื่อก่อนเมศร์เคยเป็นวิศวกรคุมหน้างาน ก่อนที่จะถูกเลย์ออฟเพราะสถานการณ์โควิดเมื่อกลางปีที่แล้ว ทำให้เขาต้องลอยเคว้งอยู่พักหนึ่ง จะหางานใหม่ก็ยาก จึงตัดสินใจเอาเครื่องทำไอศกรีมที่ได้มาด้วยวิธีที่แปลกประหลาดที่สุดมาทำอะไรสักอย่าง
บรรยากาศร้าน
“เครื่องทำไอศกรีมอันนี้ได้มาเพราะเพื่อนยืมเงินไป แล้วจ่ายคืนมาแบบนี้”
เมื่อไม่แน่ใจว่าต้องทำอย่างไรกับเครื่องทำไอศกรีมที่ได้รับมาแบบสายฟ้าแลบ ก็ลองศึกษา บวกกับได้เพื่อนที่ทำเจลาโตเป็นมาสอนทำ ในที่สุดก็มีสูตรไอศกรีมเป็นของตัวเอง และเมศร์ก็ตัดสินใจใช้เงินก้อนสุดท้ายในชีวิตมาทำร้าน iTim Yimwhan
ไอศกรีมเจลาโต (ลูกละ 35 บาท)
“ที่ชื่อไอศกรีมยิ้มหวานเพราะอยากให้มันเป็นมากกว่าไอศกรีม เราชอบเห็นรอยยิ้มเวลาลูกค้าชื่นใจที่ได้กินไอศกรีม”
ไอศกรีมที่ร้านเป็นไอศกรีมทำเองทุกขั้นตอน มีรสซิกเนเจอร์คือรัมเรซิน ช็อกโกแลตรัม นมฮอกไกโด และบลูเบอร์รีโยเกิร์ต ส่วนรสที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปก็มีเป็นซอร์เบตผลไม้ต่างๆ และแม้ว่าจะเป็นไอศกรีมเจลาโตโฮมเมด แต่เมศร์ก็ยืนยันที่จะขายในราคาเพียงแค่ลูกละ 35 บาท เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่าย
ภาพในเวลาปกติของร้าน iTim Yimwhan คือลูกค้ามากหน้าหลายตาจับกลุ่มนั่งกินไอศกรีมเต็มทุกโต๊ะ และมีเมศร์ที่เดินรอบร้านแวะคุยกับทุกโต๊ะไม่ว่าจะเป็นลูกค้าเก่าหรือลูกค้าใหม่ ร้าน iTim Yimwhan เป็นเหมือนบ้านเพื่อนสักคนหนึ่ง ที่ลูกค้าไม่ได้เข้ามาแค่กินไอศกรีม แต่เข้ามาคุยเล่นกับเมศร์ และร้านจะคึกคักมากขึ้นไปอีกเมื่อถึงช่วงเวลาค่ำที่สามารถขายแอลกอฮอล์ได้ เพราะที่ร้าน iTim Yimwhan มีคราฟต์เบียร์ไทยหลากหลายยี่ห้อขายด้วย
บรรยากาศร้าน
การขายไอศกรีมทำให้เมศร์ได้เพื่อนใหม่ๆ มากมาย ทุกคนที่เข้ามาล้วนมีบทสนทนากับเมศร์ ตั้งแต่ที่เรามานั่งคุยกับเมศร์ ก็ได้เจอกับหญิงสาวที่ไม่ได้มาซื้อไอศกรีม แต่ซื้อที่ปาดกระจกมาให้เมศร์ใช้เช็ดไอเย็นออกจากตู้ไอศกรีม ชายหนุ่มที่ใช้เวลาพักจากการทำงานลงมาคุยเล่น รวมไปถึงเจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่นที่อยู่ถัดไปไม่กี่ตึกที่แวะมาคุยเล่นระหว่างรอออร์เดอร์ สัมพันธไมตรีระหว่างร้านเหล่านี้ทำให้เกิดกลุ่ม ‘พ่อค้าซอย 35’ กลุ่มชายหนุ่มวัยรุ่นเจ้าของร้านของกินในย่านนั้นที่คอยอุดหนุนกันเองอยู่เสมอ เราจึงได้รู้ว่านี่ไม่ใช่แค่ร้านไอศกรีม แต่เหมือนบ้านเพื่อนคนหนึ่งที่แวะมาคุยสารทุกข์สุกดิบได้ตลอดเวลา
เมศร์เล่าให้ฟังว่าภาพรวมของร้านตอนนี้ลูกค้าประจำก็ยังแวะเวียนมาเรื่อยๆ แต่ยอดขายก็ตกลงเยอะ เพราะปกติแล้วลูกค้าในร้านจะเป็นแบบเพื่อนชวนเพื่อนมานั่งเป็นกลุ่ม ปัจจุบันที่มีนโยบายไม่ให้นั่งกินในร้าน ทำให้เมศร์เสียลูกค้าเหล่านี้ไป ภาพลูกค้าที่นั่งเต็มร้านนั้นเลือนรางจนกลายเป็นแค่ความทรงจำ
“เงินชดเชย 2,000-3,000 บาทมันช่วยอะไรไม่ได้หรอก ถ้าปิดแล้วมีการจัดการให้ดีกว่านี้ ทุกร้านก็คงยอมปิด แต่ถ้าปิดแล้วไม่มีการจัดการที่ดีก็ตายกันหมด”
เมนูกาแฟโบราณ และ ชาไทยโฟลต (89 บาท)
ชุดอาหารเช้า
เมศร์ทำทุกวิธีให้ร้านคงอยู่ได้ ตอนนี้ทำอะไรได้ก็ต้องทำไว้ก่อน เมื่อไอศกรีมอย่างเดียวเริ่มแบกรับค่าใช้จ่ายไม่ไหว เมศร์ก็ต้องหาลู่ทางอื่นที่จะรักษาร้านเอาไว้ให้ได้ ด้วยความชอบในกาแฟโบราณแบบรถเข็น เมศร์ซื้ออุปกรณ์การทำกาแฟโบราณมาชุดหนึ่ง เรียนรู้การทำกาแฟโบราณ ชาเย็น โอเลี้ยงยกล้อ นมชมพู ชามะนาว ปรับสูตรโดยให้เพื่อนและลูกค้าประจำช่วยชิมกันอยู่สักพัก แล้วก็ได้เปิดขายหน้าร้านในราคาแก้วละ 25-30 บาท จากคนนอนดึกตื่นสายกลายเป็นคนที่ต้องตื่นตั้งแต่ตีห้าเพื่อมาเปิดร้านขายกาแฟโบราณ เมศร์เล่าว่าวันแรกเขาขายได้ 10 แก้ว ก็ยังดีสำหรับร้านเปิดใหม่ แต่เป้าหมายก็ยังคงอีกไกล เพราะต้องขายให้ได้วันละ 50 แก้ว ถึงจะสามารถพยุงให้ร้านไปต่อได้
ด้วยความเหงาที่ลูกค้าไม่ได้แวะเวียนมาคุยบ่อยเท่าที่เคย เมศร์เริ่มหยิบจับสิ่งอันในร้านมาผสมกัน ลองทำเอาไอศกรีมรสนมฮอกไกโดมาขายคู่กับกาแฟโบราณในรูปแบบโฟลต จัดเป็นชุดอาหารเช้าด้วยการเพิ่มปาท่องโก๋ของร้านในซอยเดียวกัน หรือบางครั้งก็ร่วมมือกับร้านอาหารญี่ปุ่นที่อยู่ถัดไปไม่กี่ตึกด้วยการสร้างเมนูใหม่ขึ้นมาเฉพาะกิจ เพราะถ้าจะรอด พวกเขาต้องรอดไปด้วยกันทั้งหมด จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
ผักโขมอบชีส (80 บาท)
Mixed Berry Smoothie และ Peach Smoothie
“จากจุดเริ่มต้นที่มีแค่ไอศกรีม ตอนนี้ขายหลายอย่างเลย อยากให้ลูกค้ากินอิ่มและยิ้มหวาน”
ล่าสุดนอกจากไอศกรีมและกาแฟโบราณ ก็เริ่มมีเมนูน้ำผลไม้ปั่นสำหรับคนรักสุขภาพและเมนูอาหารอิตาเลียนอบชีสนานาชนิดที่ใช้วัตถุดิบอย่างดีในการทำ ทั้งลาซานญ่า ผักโขมอบชีส ฟูซิลลีอบชีส และฟูซิลลีคาร์โบนารา
“ถึงจะแย่แค่ไหนก็จะยิ้มให้ลูกค้า ทั้งที่ใส่หน้ากากเนี่ยแหละ”
เมศร์บอกกับเราว่าคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ที่ลูกค้ามานั่งคุยกัน หัวเราะเสียงดังลั่นร้าน อยากให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม และจะพยายามให้ถึงที่สุดเพื่อที่จะรักษาร้านไว้ รอวันที่ทุกคนกลับมานั่งกินด้วยกันได้อีกครั้ง
“ถ้านายกจะชูสองนิ้วแล้วยิ้มหวาน ลองมาลำบากตักไอศกรีม อบขนม ชงกาแฟตั้งแต่ตีห้าแบบผมทุกวัน ท่านจะยิ้มได้อย่างจริงใจกว่านี้ และชูสองนิ้วได้หนักแน่นมากขึ้นกว่านี้ และวัคซีนก็คงมาเร็วกว่านี้”
iTim Yimwhan
Open: ทุกวัน 06.00-20.00 น.
Address: ซอยพหลโยธิน 35 กรุงเทพฯ (ใกล้เมเจอร์รัชโยธิน)
Budget: 35-100 บาท
Contact: 08 2660 9553
Website: www.facebook.com/ITIMYIMWHANWHAN
Map: