×

โศกนาฏกรรมอัซซูรี! กับเหตุผลที่อิตาลีตกรอบฟุตบอลโลกในรอบ 60 ปี

14.11.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

7 Mins read
  • การได้โค้ชที่ขาดประสบการณ์ในการคุมทีมใหญ่และเกมระดับสูงอย่าง จาน ปิเอโร เวนตูรา มาคุมทีมชาติอิตาลีนั้น เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่แฟนบอลหลายคนเชื่อว่าทำให้ทีมชาติอิตาลีชุดนี้ล้มเหลว
  • เช่นเดียวกับปัญหาการจบสกอร์ที่ตลอดการแข่งขัน 10 นัดในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกกลุ่ม G อิตาลีทำประตูได้แค่ 21 ลูก เสียประตูมากถึง 9 ลูก โดยคิดเฉลี่ยแต่ละนัดพวกเขาจะทำประตูได้เพียง 1.75 ลูกเท่านั้น ขณะที่ศูนย์หน้าของทีมอย่าง ซิโร อิมโมบิเล และอันเดรีย เบล็อตติ ก็มีฟอร์มการเล่นที่ไม่คงเส้นคงวาพอที่จะฝากความหวังได้
  • ธีรพัฒน์ อัครเศรณี ผู้บรรยายเกมฟุตบอลชื่อดังทางช่อง Beinsport มองว่า ทีมชาติอิตาลียุคนี้หวังพึ่งผู้เล่นอายุเยอะ ประสบการณ์สูงมากเกินไปจนกลายเป็นดาบสองคมแว้งกลับมาทำร้ายทีม และยังบอกอีกด้วยว่าสมาคมอิตาลีควรจะออกมาสะสางปัญหาที่เกิดขึ้นให้เร็วที่สุด

     สิ้นเสียงนกหวีดสุดท้ายของ อันโตนิโอ มาเตอู ลาโอซ เชิ้ตดำผู้ทำหน้าที่ตัดสินในเกมที่ทีมชาติอิตาลีเปิดบ้านรับการมาเยือนของทีมชาติสวีเดนเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ดูคล้ายจะเป็นสัญญาณความหดหู่ที่บอกเราว่าโศกนาฏกรรมลูกหนังอิตาลีที่เกิดขึ้นจะกลายเป็นบาดแผลกัดกร่อนหัวใจแฟนบอลทีมอัซซูรีไปอีกนานเท่านาน

     ไม่สิ… ไม่ใช่แค่แฟนบอลทีมชาติอิตาลีเท่านั้นที่ผิดหวังกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เพราะการพลาดท่าเสมอทัพไวกิ้งในบ้านตัวเองแบบไร้สกอร์จนอดไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่รัสเซียในปีหน้าถือเป็นหนึ่งในความสูญเสียครั้งสำคัญของวงการฟุตบอลและแฟนบอลทั่วโลกเลยก็ว่าได้ (รวมผลการแข่งขัน 2 นัด สวีเดนเข้ารอบด้วยสกอร์รวม 1-0) ที่ต้องอดยลศิลปะฟุตบอลแบบคาเตนัชโช (Catenaccio) ในทัวร์นาเมนต์ระดับโลก

     จริงอยู่ ทีมชาติสวีเดนควรจะได้รับเครดิตกับวินัยการเล่นที่รัดกุมจนโค่นอดีตแชมป์ฟุตบอลโลกปี 2006 ลงสำเร็จ แต่สำหรับทีมชาติอิตาลีนั้น การพลาดคว้าตั๋วไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายครั้งแรกในรอบ 59 ปีนี้ถือเป็นความล้มเหลวชนิดที่ไม่น่าให้อภัยจริงๆ!

 

 

     THE STANDARD ติดต่อไปยัง ธีรพัฒน์ อัครเศรณี ผู้บรรยายเกมฟุตบอลชื่อดังทางช่อง Beinsport และหนึ่งในแฟนบอลอิตาลีเพื่อสอบถามความเห็นของเขาที่มีต่อทีมฟุตบอลอิตาลีชุดนี้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อัซซูรีล้มเหลวเพราะอะไร และจะพลิกวิกฤตในครั้งนี้กลับมาได้ด้วยวิธีใดได้บ้าง?

 

 

เพราะโค้ชทีมชาติอิตาลีชุดนี้ด้อยประสบการณ์?

     หนึ่งในผู้ที่ถูกตำหนิและวิจารณ์ว่าเป็นต้นเหตุแห่งความล้มเหลวของทีมชาติอิตาลีชุดพลาดตั๋วฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซียมากที่สุดหนีไม่พ้น ‘จาน ปิเอโร เวนตูรา’ โค้ชทีมชาติวัย 69 ปี

     เวนตูราถูกแฟนบอลอัซซูรีก่นด่าอย่างหนักว่าเขาไม่เก่งพอที่จะทำทีมระดับอิตาลีให้ประสบความสำเร็จได้ ทั้งยังมีการวางแท็กติกที่เต็มไปด้วยจุดบกพร่องและจุดบอด ขาดประสิทธิภาพในการทำเกมรุก รวมถึงตัวเขาเองที่ขาดประสบการณ์ในการคุมทีมฟุตบอลระดับสูง

     ธีรพัฒน์เองก็เป็นหนึ่งในแฟนบอลอิตาลีส่วนใหญ่ที่รู้สึกเช่นนั้น เขามองว่าทีมชาติอิตาลีชุดนี้มีโค้ชที่ไม่เหมาะสม ขาดคุณสมบัติด้านความสามารถและประสบการณ์ในเกมลูกหนังระดับสูง

     “เวนตูราไม่ค่อยมีประสบการณ์ในการคุมทีมฟุตบอลใหญ่ๆ ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งจะคุมทีมสโมสรโตริโน (2011-2016) และถึงแม้ว่าจะอายุเยอะ แต่ประสบการณ์ในการคุมทีมระดับท็อปกลับไม่เคยปรากฏให้เห็นเลย เทียบไม่ได้เลยกับอันโตนิโอ คอนเต ที่ทำทีมชาติอิตาลีโชว์ฟอร์มได้น่าพอใจมากกว่าในศึกยูโร 2014 ที่ผ่านมา”

     อย่างไรก็ดี หลังเกมการแข่งขันนัดอัปยศของอัซซูรีจบลง กลายเป็นว่าเวนตูราได้เติมเชื้อเพลิงความโกรธและความเดือดดาลให้กับแฟนบอลอิตาลีเข้าไปอีกระลอก เมื่อประกาศกลางวงแถลงข่าวว่ายังไม่มีแพลนจะไขก็อกลาออกจากการคุมทีมชาติอิตาลีแต่อย่างใด เพราะยังไม่ได้หารือกับสมาคมฟุตบอลอิตาลี

     “ผมยังไม่ได้ลาออก เพราะผมยังไม่ได้คุยกับประธานสมาคมฟุตบอลอิตาลีเลย

     “ผมรู้สึกเสียใจและขอโทษกับผลการแข่งขันที่เกิดขึ้น แต่ไม่ใช่สำหรับความพยายามและความมุมานะของพวกเรา และผมก็เข้าใจดีว่าผลการแข่งขันเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เกมในคืนนี้ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าทีมชาติอิตาลีไม่ได้แตกสลายแต่อย่างใด สิ่งที่ผมสามารถทำได้ในตอนนี้คือกล่าวคำขอโทษกับแฟนบอลอิตาลีทุกคนกับผลการแข่งขันที่เกิดขึ้น แต่แน่นอนว่ามันจะไม่ส่งผลกระทบต่อความเป็นมืออาชีพ ความขยัน หรือความพยายามที่พวกเราได้ปฏิบัติทั้งสิ้น” เวนตูรากล่าว

     ด้านธีรพัฒน์กลับไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเวนตูรา โดยบอกว่าเขาควรจะพิจารณาถึงความผิดพลาดที่ตัวเองได้ก่อไว้เสียที ขณะที่สมาคมฟุตบอลอิตาลีก็ควรจะรีบตัดสินใจแก้ไขปัญหานี้โดยด่วนที่สุด

     “ถ้าถึงขนาดตกรอบฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย สมาคมฟุตบอลอิตาลีก็ควรจะรีบตัดสินใจได้แล้วว่าจะทำอย่างไรต่อไป ถึงแม้ว่าเขา (เวนตูรา) จะยังมีสัญญาเหลืออยู่อีกประมาณ 2 ปีก็ตาม ตัวเวนตูราเองก็ควรจะต้องพิจารณาตัวเองด้วย เพราะทำทีมระดับทีมอิตาลี แต่ดันพลาดตกรอบฟุตบอลโลกนี่ถือว่าเป็นความเสียหายของวงการฟุตบอลเลยก็ว่าได้นะ อิตาลีเป็นสีสันวงการฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาตลอดในสายตาของคนดูบอลและคนเล่นฟุตบอล ไม่เว้นแม้แต่แฟนบอลสาวๆ เหตุการณ์ในครั้งนี้จึงถือเป็นความสูญเสียของวงการฟุตบอลครั้งหนึ่งเลยก็ว่าได้”

 

 

แท็กติกที่ใช้ ‘ห่วย’ เกินบรรยาย จุดบอดคือการทำเกมรุกที่แสนปวกเปียก

     ขึ้นชื่อว่าทีมชาติอิตาลีและสโมสรฟุตบอลหลายทีมในอิตาลี นับเป็นที่ขึ้นชื่อลือชามากในแง่ของการเล่นสไตล์ ‘คาเตนัชโช’ ที่เน้นเกมรับแบบรัดกุม แน่นอนและการสวนกลับที่เฉียบคมมีประสิทธิภาพ แม้ว่าสกอร์และการทำประตูจะไม่ได้เยอะมากแบบชนะเกมขาดก็ตาม

     แต่ปัญหาของทีมชาติอิตาลีชุดนี้กลับไม่ได้อยู่ในเกมรับ หากแต่เป็นประสิทธิภาพในการจบสกอร์ทำเกมบุก โดยตลอดระยะเวลาการแข่งขัน 10 นัดในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกกลุ่ม G พวกเขาทำประตูได้แค่ 21 ลูกเท่านั้น และเสียประตูมากถึง 9 ลูก โดยคิดเฉลี่ยแต่ละนัดจะทำประตูได้เพียง 1.75 ลูกเท่านั้น ยิ่งเมื่อนำสถิติดังกล่าวมากางเทียบกับทีมชั้นนำอย่างเบลเยียม สเปน หรือเยอรมนี ก็ถือว่าสอบตกแบบสุดๆ เลยก็ว่าได้

     “ต้องบอกว่าอิตาลีใช้มุกการเล่นแบบเดิมบ่อยมากๆ จนชาวบ้านเขาจับทางกันได้หมดแล้ว เน้นเล่นเกมรับเยอะ แต่วิธีการขึ้นเกมบุกโจมตีคู่แข่งกลับไม่ทันสมัยเอาเสียเลย สังเกตดู 2 นัดที่เพลย์ออฟกับทีมชาติสวีเดนที่ควรจะทำประตูได้สักลูก แต่กลับทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็ไม่สมควรจะเข้ารอบแล้ว” ธีรพัฒน์บอก

 

 

การขาดผู้เล่นพรสวรรค์ในการทำเกมรุก ‘ศูนย์หน้าเพชฌฆาตตัวจบสกอร์ และผู้เล่นมันสมองเบอร์ 10 จอมสร้างสรรค์เกม’

     มองไปที่รายชื่อผู้เล่น 11 คนในทีมชาติอิตาลีชุดนี้ ตั้งแต่ผู้รักษาประตูจนถึงกองหลัง ต้องบอกว่าพวกเขามีขุมกำลังที่น่าเกรงขามและกำลังสุกงอมเอามากๆ ผู้เล่นอย่าง จานลุยจิ บุฟฟอน, อันเดรีย บาร์ซาญี, จอร์โจ คิเอลลินี, เลโอนาร์โด โบนุชชี คือแผงแบริเออร์อดาแมนเทียมที่เล่นเกมรับได้ดุดันร่วมกันมาอย่างยาวนาน ทั้งยังได้รับการยกย่องให้เป็นแผงหลังเบอร์ต้นๆ ของวงการลูกหนังโลกในชั่วโมงนี้เลยก็ว่าได้

     ในทางกลับกัน เมื่อมองไปที่ขุมกำลังในเกมรุก กลับไม่มีผู้เล่นคนไหนเลยที่โชว์ฟอร์มได้สะเด่าเข้าตาจนช่วยแบกทีมชาติอิตาลีให้กรุยทางสู่มอสโกได้สำเร็จ แม้ศูนย์หน้าอย่าง ซิโร อิมโมบิเล และอันเดรีย เบล็อตติ ยิงไปคนละ 6 และ 4 ประตูตามลำดับในการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม แต่ทั้งคู่กลับสอบตกเพราะไม่คงเส้นคงวาพอที่ทีมจะฝากความหวังได้อยู่ดี

     ส่วนกลองกลางอย่าง มาร์โก แวร์รัตติ และลอเรนโซ อินซินเญ ก็ไม่ได้สร้างสรรค์โอกาสทำประตูให้กับเพื่อนร่วมทีมเท่าที่ควร จนนำไปสู่การตั้งคำถามว่า อิตาลีกำลังประสบสภาวะขาดผู้เล่นพรสวรรค์ในการทำเกมรุกหรือไม่? เพราะตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา พวกเขามีศูนย์หน้าที่ไว้ใจในการจบสกอร์และผู้เล่นจอมสร้างสรรค์เกมรุกที่ผลัดใบจากยุคสู่ยุคอย่าง โรแบร์โต บัจโจ, คริสเตียน วิเอรี, อเลสซานโดร เดล ปิเอโร หรือแม้แต่ ฟิลิปโป อินซากี มาโดยตลอด

 

 

     ธีรพัฒน์กล่าวว่า “ปัญหาของทีมชาติอิตาลีคือการยิงประตู พวกเขาขาดทั้งกองกลางเพลย์เมกเกอร์ตัวทำเกมรุก และศูนย์หน้าที่พร้อมจะจบสกอร์ได้ดีๆ เลยทำให้ทีมชาติอิตาลีมีดีแค่เกมรับที่เหนียวแน่นเพียงอย่างเดียว แต่กลับทำประตูคนอื่นเขาไม่ได้

     นอกจากนี้เขายังตั้งข้อสังเกตอีกด้วยว่า ทีมชาติอิตาลีชุดนี้พึ่งพาและตั้งความหวังกับผู้เล่นอายุเยอะ ประสบการณ์สูงมากเกินจำเป็น ซึ่งสุดท้ายอาจกลายเป็นผลเสียกับความกระหายในชัยชนะของทีมได้

     “อิตาลีชุดนี้พึ่งพาผู้เล่นอายุเยอะมากเกินไป บุฟฟอน (39 ปี) คิเอลลินี (33 ปี) บาร์ซาญี (36 ปี) ผู้เล่นเหล่านี้อายุ 30 ปีกว่าๆ จนเกือบจะปลายๆ กันทั้งนั้น มันก็เหมือนกับว่าพวกเขาหมดไฟไปโดยปริยาย

     “ทีมฟุตบอลก็ควรสร้างสายเลือดใหม่ๆ ขึ้นมาทดแทนตลอดเวลาเพื่อกระตุ้นนักฟุตบอลคนอื่นๆ ในทีม แต่ตรงกันข้ามการที่อิตาลีใช้มุกเดิมและพึ่งพาผู้เล่นหน้าเก่าๆ ซึ่งบ่อยครั้งก็ทำให้คู่แข่งอ่านเกมออกเสมอว่าทีมชาติอิตาลีจะมาไม้ไหน”

     ถึงกระนั้นก็ตาม หลังจากที่เกมการแข่งขันระหว่าอิตาลีและสวีเดนจบลง ผู้เล่นซีเนียร์อย่างอย่าง บุฟฟอน, คิเอลลินี, บาร์ซาร์ญี และ เด รอสซี (34 ปี) ก็ได้ออกมาประกาศแขวนสตั๊ดอำลาเกมทีมชาติทันที เพื่อเปิดทางในการผลัดใบนักฟุตบอลพลังหนุ่มให้ขึ้นมาแทนที่ตน ซึ่งแม้ว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายอยู่ไม่น้อย แต่ก็อาจจะเป็นผลดีกับอิตาลีก็ได้ หากจะได้เจอทายาทผู้สืบทอดตำแหน่งของนักเตะเหล่านั้นในเวอร์ชันที่ไฟแรงกว่า!

 

 

โชคร้ายจริงหรือที่ต้องอยู่ในกลุ่มเดียวกับสเปน?

     ถือเป็นคราวเคราะห์ของพลพรรคอัซซูรีก็ว่าได้ เมื่อต้องโคจรมาเจอโคตรทีมอย่างทีมชาติสเปนเร็วเกินกว่าที่ควรจะเป็น โดยทั้งคู่ถูกจับให้มาอยู่ในสายการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนยุโรปกลุ่มเดียวกันในกลุ่ม G

     และผลการแข่งขันทั้งสองนัดก็เดาได้ไม่ยาก โดยนัดแรกอิตาลีสามารถเปิดบ้านยันเสมอทัพกระทิงดุไปได้ 1-1 แต่กลับกันในนัดที่ 2 ที่พวกเขาต้องบุกไปเผชิญหน้ากับสเปนถึงซานติอาโก เบอร์นาบิว อิตาลีกลับเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำแบบหมดรูปด้วยสกอร์ 3-0

     แต่เมื่อตัดผลการแข่งขันทั้ง 2 นัดดังกล่าวออกไป ฟอร์มของอิตาลีก็ไม่ได้ถือว่าแย่หนักขนาดนั้น โดยตลอด 10 นัดการแข่งขัน สามารถกำชัยได้ถึง 7 นัด เสมอ 2 และแพ้เพียงแค่เกมเดียว​ เก็บแต้มรวมได้ 23 แต้มจนผ่านเข้ารอบเพลย์ออฟในฐานะทีมอันดับ 2 ที่ดีที่สุดทีมต้นๆ ในโซนยุโรปไปเจอกับสวีเดนได้สำเร็จ ซึ่งแต้มขนาดนี้เพียงพอต่อการเข้ารอบฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในกลุ่มอื่นได้อย่างสบายๆ เลยด้วยซ้ำ (กลุ่ม A ทีมชาติฝรั่งเศสผ่านเข้ารอบด้วยคะแนน 23 แต้ม,​ กลุ่ม D ทีมชาติเซอร์เบียผ่านเข้ารอบด้วยคะแนน 21 แต้ม และกลุ่ม I ไอซ์แลนด์ผ่านเข้ารอบด้วยคะแนน 22 แต้ม)

     อย่างไรก็ดี ธีรพัฒน์กลับมองต่างออกไป เขารู้สึกว่าการที่อิตาลีถูกจับสลากให้อยู่ในกลุ่มเดียวกับทีมชาติสเปนอาจจะเป็นโชคร้ายอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะยกมาเป็นประเด็น โดยเฉพาะการไม่สามารถเอาชนะทีมชาติสวีเดนได้ในรอบเพลย์ออฟ และไม่แม้แต่จะยิงประตูทัพไวกิ้งได้สักลูกเดียว

     “ก็ถือว่าโชคร้ายนะครับที่อิตาลีต้องไปอยู่ในกลุ่มคัดเลือกกลุ่มเดียวกับทีมชาติสเปน แต่เมื่อหลุดมาถึงการแข่งขันในรอบเพลย์ออฟระหว่างทีมชาติอิตาลีและสวีเดน มองยังไงอิตาลีก็ควรจะผ่านสวีเดนมาได้ ถ้าโทษเรื่องโชคร้ายมันน่าจะจบตั้งแต่รอบคัดเลือกไปแล้วด้วยซ้ำ แต่การเจอสวีเดน 2 นัดแล้วแค่ยิงประตูให้ได้ เขาก็น่าจะเข้ารอบแล้ว ซึ่งสุดท้ายในเมื่อพวกเขาทำไม่ได้และไม่สามารถผ่านสวีเดน อิตาลีก็ต้องยอมรับกฎกติกาที่ตั้งไว้”

 

 

สมาคมอิตาลีต้องรีบตัดสินใจแก้ไขปัญหา และดำเนินการให้เร็วที่สุด

     สำหรับแนวทางในการฟื้นจากวิกฤตที่อัซซูรีกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ ธีรพัฒน์มองว่า สมาคมฟุตบอลอิตาลีควรจะรีบตัดสินใจดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เด็ดขาดและรวดเร็วที่สุด พร้อมทั้งบอกเชิงให้กำลังใจแฟนบอลว่าทีมฟุตบอลมีขึ้นย่อมมีลง เช่นเดียวกับอิตาลีที่จะต้องหาทางกลับมาทวงบัลลังก์ได้อย่างแน่นอนในอนาคต

     “ถามว่าจะกลับมาได้หรือไม่ได้มันขึ้นอยู่กับช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในการเลือกกุนซือคนต่อไปที่จะเข้ามารับหน้าที่กุมบังเหียนอัซซูรีต่อจากเวนตูรา โค้ชทีมชาติอิตาลีคนปัจจุบันล้วนๆ เลยครับ รวมถึงการวางแผนของสมาคมฟุตบอลอิตาลีด้วยว่าพวกเขาจะทำอย่างไรต่อไป พวกเขาควรจะได้กุนซือที่มีประสบการณ์และมีระดับเพียงพอ การได้กุนซือทีมเล็กมาในช่วงเวลาที่พวกเขาเหล่านั้นว่างงานพอดีเหมือนในเคสของเวนตูราถือเป็นความผิดพลาดของอิตาลีเลยก็ว่าได้

     “จะบอกว่าวงการฟุตบอลอิตาลีถึงคราวตกต่ำก็คงไม่ถูกไปซะทั้งหมด เพราะนี่เป็นความผิดพลาดที่เกิดจากนักเตะทีมชาติอิตาลีอย่างเดียว ซึ่งก็อาจจะเป็นความตกต่ำชั่วครู่ชั่วยามก็ได้ ฟุตบอลมันมีทั้งช่วงขึ้นและลงเหมือนเป็นวงจรวัฏจักร ทีมชาติฝรั่งเศสก็เคยรุ่งสุดๆ ในยุคของซีเนดีน ซีดาน และก็มาตกต่ำหลังจากนั้น ซึ่งตอนนี้พวกเขาก็พยายามจะกลับมาให้ได้อีกครั้งหนึ่ง

     “เช่นเดียวกับทีมชาติเยอรมนีที่เคยพลาดท่าทำได้แค่รองแชมป์ในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่ญี่ปุ่น/เกาหลีใต้เมื่อปี 2002 ก่อนจะกลับมาเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในอีก 12 ปีให้หลัง และเนเธอร์แลนด์ที่ตกรอบไม่ได้ไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในครั้งนี้”

     ก่อนแขวนสตั๊ด บุฟฟอน กัปตันวัย 39 ปียังได้ฝากแง่คิดที่น่าสนใจไว้กับนักฟุตบอลสายเลือดใหม่ที่จะก้าวขึ้นมาสืบช่วงต่อจากเขาหลังจบเกมไว้อย่างน่าสนใจไว้ด้วย โดยกล่าวว่า “ทีมชาติอิตาลียังมีอนาคตอยู่ พวกเรายังมีความภาคภูมิใจ ความสามารถ ความมุ่งมั่น และหลังจากที่ล้มเหลวไม่เป็นท่า พวกเราจะต้องหาทางกลับมายืนหยัดได้ด้วยตัวเอง

     “ผมจากทีมชาติไปด้วยนักเตะพรสวรรค์อีกหลายคน ทั้งจานลุยจิ ดอนนารุมมา, แมทเทีย เปริน และผมต้องขอบคุณนักเตะในทีมอีกหลายคนที่อยู่กับเราในค่ำคืนนี้ ถึงแม้มันจะยังไม่ดีพอ แต่ผมก็หวังว่าเราได้สอนอะไรพวกเขาไปบ้าง

     “ในโลกของฟุตบอล เมื่อคุณชนะก็ชนะกันทั้งทีม เมื่อแพ้ก็แพ้กันทั้งทีมเช่นกัน พวกคุณจะได้รับทั้งคำชมและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก่นด่า โค้ชเองก็เป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มของเราด้วย”

     จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ต้องบอกว่านักฟุตบอลทีมชาติอิตาลีทุกคน รวมถึงแฟนบอลทั่วโลกล้วนแล้วแต่ช็อกและชอกช้ำจากอาการผิดหวังด้วยกันทั้งสิ้น

     แต่หากมองในอีกแง่หนึ่ง ในอุโมงค์ดำมืดที่มีแสงสว่างคอยอยู่ที่ปลายทางฉันใด ทีมฟุตบอลอิตาลีที่เรียนรู้กับความล้มเหลวจนเข็ดขยาดก็ย่อมคลำหาทางกลับมาผงาดได้เสมอฉันนั้น

 

     ฟอร์ซา อัซซูรี (Forza Azzurri) ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้พวกคุณกลับมาเข้มแข็งโดยพลัน!

 

Photo: Miguel MEDINA, Marco Bertorello, Pascal Pavani/AFP

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising