จับตาทิศทางกฎหมายและอุตสาหกรรมกัญชาไทย ภายใต้รัฐบาลชุดใหม่ แม้กระแสกัญชาจะเริ่มแผ่วลง แต่นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศยังเดินหน้าลงทุนหวังช่วงชิงรายได้จากพืชเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ตลาดยังต้องเผชิญกับการลักลอบนำเข้ากัญชาจากต่างประเทศ เพราะกฎระเบียบที่ยังหละหลวม จนกลายเป็นว่ากัญชาเริ่มล้นตลาด ทำให้เกิดการแข่งขันสูงระหว่างธุรกิจทั้งรายเล็ก-รายใหญ่ที่ใช้เงินลงทุนไปกับการปลูกกัญชาอย่างมหาศาล
ผู้เชี่ยวชาญในแวดวงกัญชากล่าวว่า ในช่วงการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล นักลงทุนต่างจับตาทิศทางของกฎระเบียบกัญชาว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมากน้อยแค่ไหน เพื่อประเมินถึงการลงทุนในอนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- อนุทินหวังรัฐมนตรีสาธารณสุขคนใหม่พิจารณากัญชาด้วยข้อมูลรอบด้าน ก่อนดันกลับเป็นยาเสพติด
- อนุทินชี้ ดันกัญชากลับเป็นยาเสพติดไม่ใช่เรื่องอยากทำอะไรก็ทำ ยืนยันมีประโยชน์-มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ ส่วนใครทำผิดลงโทษตามกฎหมาย
- เลือกตั้ง 2566 : เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ตั้งโต๊ะล่ารายชื่อค้านคืนกัญชาสู่ยาเสพติด เตรียมเดินสายทั่วประเทศ ก่อนนำรายชื่อส่งมอบ รมว.สาธารณสุขคนใหม่
ขณะที่ Sirasit Praneenij ผู้บริหารร่วมของบริษัททำฟาร์มกัญชา Medicana กล่าวว่า ปัจจุบันกระบวนการปลูกกัญชาเราจะอยู่ในร่ม ห้องปลูกมีไฟ LED ระบบรดน้ำที่มีมาตรฐาน ทำให้มีผลผลิตดอกกัญชาแห้งราวๆ 55-66 ปอนด์ต่อเดือน ส่วนใหญ่จะส่งให้กับร้านขายยาเป็นหลัก โดยเรากำลังติดตามสถานการณ์ของตลาดกัญชาหลังมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งถ้ามีการปรับเปลี่ยนกฎหมาย เราก็ยินดีที่จะปฏิบัติตามกฎระเบียบของภาครัฐหากส่งผลดีต่อสุขภาพของคนไทย
ทั้งนี้ สิ่งที่น่าสนใจของนักลงทุนในอุตสาหกรรมกัญชาไทย คือกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เป็นเป้าหมายหลัก แต่เนื่องจากสภานิติบัญญัติไทยยังไม่ได้ผ่านกฎหมายให้ขายได้อย่างเสรี เพราะยังมีกฎระเบียบ โดยการจำหน่ายจะทำได้แค่วัตถุประสงค์ทางการแพทย์เท่านั้น แม้ว่ากัญชาจะถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในทางปฏิบัติแล้วก็ตาม
ด้าน Lucksipha Sirithawornsatit กรรมการผู้จัดการของ Vinzan บริษัทการค้าและการตลาดกัญชาในกรุงเทพฯ กล่าวว่า ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา การนำเข้ากัญชาที่ผิดกฎหมายทำให้ราคากัญชาขายปลีกร่วงลง หรือคิดเป็นประมาณ 22 ดอลลาร์ต่อกรัม
ถึงกระนั้นในแง่ของกฎหมายด้านกัญชาของไทยก็ยังไม่มีความชัดเจน แต่ขณะเดียวกัน นักลงทุนต่างชาติและไทยก็ยังสนใจตลาดดังกล่าวอยู่ดี เห็นได้จากบริษัทบางแห่งได้ใช้งบลงทุนสร้างฟาร์มปลูกกัญชา เพราะเชื่อว่ารัฐบาลไทยจะไม่กล้าทำลายอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ
เช่นเดียวกับบริษัท สยามกรีนกัญชา จำกัด เป็นหนึ่งในบริษัทกัญชาที่วางแผนเปิดร้านขายยาประมาณ 3-4 แห่งในปี 2023 ตามด้วย
ไม่เว้นแม้แต่ Advanced Canna Technologies บริษัทในสหรัฐอเมริกา ที่เพิ่งลงทุนไป 3 ล้านดอลลาร์ สร้างฟาร์มปลูกกัญชาพื้นที่ 2,000 ตารางเมตรในกรุงเทพฯ โดยเป็นการร่วมทุนกับนักลงทุนในไทยและสิงคโปร์ เบื้องต้นประเมินว่าผลผลิตจะอยู่ที่ประมาณ 264 ปอนด์ต่อเดือน และจะกลายเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดไทย เรียกได้ว่าร้านขายยาเป็นแรงผลักดันให้อุตสาหกรรมกัญชาของไทยไปต่อได้
อ้างอิง:
