ถึงแม้จะไม่ได้มีโปรแกรมการแข่งขันของทีมบาร์เซโลนา แต่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาสนามชามอ่างยักษ์อย่างคัมป์นู ก็แน่นขนัดด้วยจำนวนผู้ชมเต็มทุกพื้นที่ของสนามที่มีความจุมากถึง 90,000 ที่นั่ง
ความน่าทึ่งคือแฟนบอลเหล่านี้ไม่ได้มาดูเกมของทีมบาร์ซาทีมตำนานของสโมสร แต่พวกเขามาเพื่อดูเกมฟุตบอลโต๊ะเล็กที่จัดขึ้นในคัมป์นู! และนั่นคือเกมนัดสุดท้ายในฤดูกาลแรกของ ‘Kings League’ ลีกฟุตบอลโต๊ะเล็กที่สร้างปรากฏการณ์ในวงการฟุตบอลสเปนตลอดช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
ว่าแต่อะไรคือ Kings League? พวกเขาแตกต่างจากการแข่งขันฟุตบอลโต๊ะเล็กรูปแบบอื่นอย่างไร?
Kings League (หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า Kings League InfoJobs ตามชื่อของสปอนเซอร์การแข่งขัน) เป็นรายการแข่งขันฟุตบอลโต๊ะเล็กที่ถือกำเนิดจากไอเดียของ เคราร์ด ปิเก้ ที่จับมือกับ อิไบ ยานอส สตรีมเมอร์ชื่อดังบน Twitch หลังจากที่ทั้งสองเคยร่วมมือกันจัดการแข่งขัน ‘Balloon World Cup’ เมื่อปี 2021
โดยพื้นฐานแล้ว Kings League คือลีกการแข่งขันฟุตบอลสนามเล็กที่จะมีผู้เล่นข้างละ 7 คน เล่นครึ่งละ 20 นาที มีจำนวนทีมทั้งหมด 12 ทีม โดยแต่ละทีมจะมีผู้เล่นทั้งหมด 12 คนด้วยกัน แข่งกันใครชนะมากสุดก็ได้แชมป์ไป
แต่ความไม่ธรรมดาคือบรรดาไอเดียสีสันสุดปั่นต่างๆ ที่ประเคนเข้ามา ทำให้นี่ไม่ใช่รายการฟุตบอลเดินสายแบบทั่วไปที่แข่งขันในรายการแบบทัวร์นาเมนต์ธรรมดาๆ
ปั่นอย่างไร?
- ไม่มีการ Kick off ในตอนเริ่มเกมลูกฟุตบอลจะวางกลางสนาม ใครวิ่งไปถึงก่อนก็ได้บอลเล่นก่อนเลย คล้ายกับโปโลน้ำ
- ไม่มีการเสมอ ถ้าจบด้วยการเสมอจะให้ดวลจุดโทษกัน แต่ก็ไม่ใช่จุดโทษธรรมดา แต่จะเป็นการดวลแบบ ‘1v1’ ระหว่างผู้เล่นกับผู้รักษาประตู โดยให้เวลาการเล่น 5 วินาทีที่จะต้องหาทางยิงให้ได้ (คล้ายกับ Sudden Death ในเมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ ยุคเริ่มต้นเมื่อ 30 ปีก่อน)
- แข่งกันในสนามที่เป็นโกดังในย่านชานเมืองบาร์เซโลนา ไม่ขายบัตรเข้าชม เน้นเปิดให้ดูฟรีทาง Twtich
- ใครโดนใบเหลืองต้องโดนกักตัวใน Sin Bin เป็นเวลา 2 นาที
- ใบแดงโดนกักตัว 5 นาที
- กฎสุดพีคคือ Golden Card ที่แต่ละทีมจะสามารถจับการ์ดวัดดวงได้ โดยการ์ดนั้นจะส่งผลหลากหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ให้จุดโทษกับทีมได้ทันที, ขโมยการ์ดนักเตะลับจากทีมคู่แข่ง, สั่งให้ผู้เล่นอีกทีมออกจากสนามไปหนึ่งคนเป็นเวลา 2 นาที, ถ้ายิงได้ในนาทีถัดไปจะได้ 2 ประตูหรือ 3 ประตู และ Joker ที่เป็นผู้เล่นพิเศษ
โดยทั้ง 12 ทีมนั้นต่างมีประธานทีมที่เป็น ‘คนดัง’ ไม่ว่าจะเป็นบรรดาคนดังบนโลกออนไลน์ เช่น YouTuber หรือดาว Twtich หรืออดีตนักฟุตบอลอาชีพระดับตำนาน ซึ่งไม่ใช่ไก่กาเพราะ 2 คนที่มาเป็นท่านประธานคือ อิเกร์ กาซิยัส (ทีม 1K FC) และ เซร์คิโอ อเกวโร (ทีม Kunisports)
นักฟุตบอลของแต่ละทีมไม่ได้มาจากการจิ้มแล้วเลือกเอง แต่มาจากการ ‘คัดตัว’ ซึ่งนักเตะทุกคนก็จะต้องเจอกับบททดสอบ (มีการถ่ายทอดตอนคัดตัวด้วยทาง Twitch เพื่อให้เห็นฟอร์มกันจะจะ) ทักษะการเล่นและอื่นๆ เพียงแต่ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นนักฟุตบอลจริงๆ ที่เล่นอยู่ในระดับท้องถิ่นของแคว้นกาตาลุญญา คือเรียกว่าไม่ได้เอาใครที่ไหนก็ได้มาเล่น ฝีเท้าชั้นเชิงก็พอมีนิดหนึ่ง
แต่ความสนุกมันอยู่ที่ ‘ตัวพิเศษ’ ที่เป็นหนึ่งในสีสันของการแข่ง
โดยในแต่ละทีมนั้นนอกจากนักเตะทั่วไปที่จะมีทีมละ 10 คนแล้ว จะมีโควตาพิเศษสำหรับ ‘ผู้เล่นคนที่ 11’ และ ‘ผู้เล่นคนที่ 12’ ซึ่งจะเป็นผู้เล่นพิเศษด้วย
ตาดีก็อาจจะได้ดาวดังอย่าง ชิชาริโต ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ อดีตกองหน้าทีมชาติเม็กซิโกที่เคยอยู่กับเรอัล มาดริด หรือ โจน คัปเดบีญา กองหลังสุดเก๋าทีมชาติสเปนชุดแชมป์โลก 2010 ที่เล่นกับหลายสโมสร ทั้ง เอสปันญอล, แอตเลติโก มาดริด, เดปอร์ติโบ ลา คอรุนญา และบียาร์เรอัล
หากตาร้ายก็จะได้พวก YouTuber มาร่วมทีม ซึ่งแน่นอนว่าชั้นเชิงและฝีเท้าก็อาจจะไม่เท่ากับนักฟุตบอลจริงๆ อยู่แล้ว
นอกเหนือจากนั้นก็ยังมีแขกพิเศษที่โผล่มาสร้างสีสันให้ฮือฮาอย่าง ‘กุน’ อเกวโร ที่ปรากฏตัวด้วยการสวมหน้ากากตัวตลกลงมาเล่นฟุตบอลอีกครั้งหลังจากที่จำใจต้องแขวนสตั๊ดเพราะมีอาการเกี่ยวกับโรคหัวใจ และสุดยอดนักเตะผู้เป็น Entertainer ที่เก่งที่สุดอย่างโรนัลดินโญ ก็มาแจมวาดลวดลาย ‘Joga Bonito’ ในรายการนี้ด้วยกับทีม Porcinos FC
นอกจากนี้ยังมีนักเตะเก่าๆ อย่าง ราอูล ตามูโด, โจนาธาน โซเรียโน, ฮาเวียร์ ซาวิโอลา, แฟร์นันเดา, เซร์คิโอ การ์เซีย, รูเบน เด ลา เรด และอีกมากมายที่ผลัดกันมาโผล่ในฐานะผู้เล่นคนที่ 12 ของแต่ละทีม สร้างสีสันและทำให้การแข่งขันสนุกขึ้น
View this post on Instagram
แต่ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือนักเตะปริศนาใต้หน้ากากมวยปล้ำแบบเม็กซิโกที่ใช้ชื่อว่า ‘Enigma 69’ ซึ่งเป็นนักเตะที่ต้องปิดบังตัวเองเพราะเป็นนักฟุตบอลอาชีพจริงๆ (ซึ่งนักเตะอาชีพที่ยังเล่นอยู่ในปัจจุบันไม่สามารถลงแข่งในรายการ Kings League ได้) ซึ่งทำให้เกิดเป็นกระแสในโลกอินเทอร์เน็ตที่แฟนๆ มาทายกันว่านักเตะคนนี้คือใคร?
เรียกว่าในเชิงของการสร้างกระแสนั้น Kings League ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก ซึ่งรายการเพิ่งจะจบการแข่งขันประจำฤดูหนาว (จะแบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 ครึ่งคือฤดูหนาวและฤดูร้อนที่จะแยกกัน) เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็มีการสร้างกระแสต่อด้วยการเปิดตัวว่าโคตรซูเปอร์สตาร์อย่าง เนย์มาร์ จะมาขอแจมในฐานะประธานทีมของ Kings League ในเวอร์ชันบราซิลด้วย!
อย่างไรก็ดีใต้ไอเดียสุดปั่นทั้งหลายนี้ หากมาถอดรหัสกันจะพบว่าโมเดลของ Kings League นั้นมีความน่าสนใจอยู่หลายอย่าง
อย่างแรกที่สำคัญที่สุดคือนี่เป็นรายการฟุตบอลในแนวทางใหม่ที่แม้โลกฟุตบอลยุคเก่าบางคน (เช่น ฆาเบียร์ เตบาส ประธานลาลีกา) จะไม่ชอบและออกมาโจมตีว่าเป็นรายการที่ไร้สาระ แต่ เคราร์ด ปิเก้ เชื่อว่าสิ่งที่พวกเขาทำอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ไม่น่าผิดอะไร
มองจากกระแสในโลกอินเทอร์เน็ต มองจากยอดผู้ชมที่ติดตามผ่านทาง Twitch ที่ถ่ายทอดสดทุกนัด รวมถึงทาง YouTube ด้วย มีผู้ชมโดยเฉลี่ยนัดละ 300,000 คน และทำให้สถานีโทรทัศน์ในสเปนติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดเกมนัดชิงชนะเลิศ ซึ่งมีรายงานว่ามีผู้ชมถึง 2 ล้านคนเลยทีเดียว (มีผู้ชม = สปอนเซอร์เข้า)
อย่างต่อมาคือไอเดียสนุกๆ ที่โยนเข้ามาอย่างเรื่องตัวลับ หรือการ์ดสุดป่วนที่พลิกเกมได้เป็นสีสันที่ทำให้แฟนๆ สนใจ
ปิเก้เชื่อว่าเกมสไตล์ Entertain คนดูแบบนี้เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริงมากกว่า ดึงดูดความสนใจของพวกเขาได้ดีกว่าเกมฟุตบอลปกติที่เล่นยาวนานถึง 90 นาที ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ปราชญ์ลูกหนังอย่าง อาร์เซน เวนเกอร์ ที่กำลังร่วมออกแบบเกมฟุตบอลยุคใหม่กับสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) เชื่อว่าเด็กรุ่นปัจจุบันและในอนาคตจะไม่สามารถมีสมาธิกับการแข่งขันยาวๆ ตลอด 90 นาทีได้
Kings League จึงเป็นเหมือนการทดลองที่สำคัญ ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมาก และมองเห็นศักยภาพและโอกาสของการจัดการแข่งขันในรูปแบบนี้ ที่ยังสามารถทำอะไรได้อีกเยอะมากที่จะฉีกและแตกต่างไปจากวงการฟุตบอลแบบเดิมๆ เพราะตลาดของพวกเขาคือตลาดใหม่ที่ยังไม่มีใครเจาะเข้าถึงมาก่อน
และแน่นอนว่าเรื่องแบบนี้ ‘เปิดก่อนได้เปรียบ’ อยู่แล้ว
ส่วนแผนการที่มีการเปิดเผยในตอนนี้คือ พวกเขากำลังจะขยายฐานไปอีกหลายประเทศ ซึ่งเริ่มแล้วเช่นที่บราซิล และมีแผนที่จะจัดการแข่งขัน Kings League World Championship ขึ้นในอนาคตภายในปีหน้า
ถ้ายังประสบความสำเร็จแบบเดิมอีก บางที Kings League อาจจะกลายเป็นรายการฟุตบอลสุดฮิตของคนรุ่นใหม่ที่จะมีทางเลือกที่แตกต่างในแบบที่พวกเขาเลือกที่จะชอบเองได้บ้าง ไม่ใช่ต้องเดินตามเกมฟุตบอลในรูปแบบเก่าที่แข่งกันมายาวนานกว่าร้อยปี
สิ่งที่เราเห็นวันนี้อาจเป็นภาพอนาคตของเกมฟุตบอลได้เลยทีเดียวครับ
อ้างอิง:
