×

อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด Fed หยุดขึ้นดอกเบี้ย-เศรษฐกิจไทยฟื้น ลุ้น Fund Flow กลับลำซื้อหุ้นไทย ให้เป้า SET Index ปีนี้ 1,650 จุด

05.09.2023
  • LOADING...

บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ มองนโยบายเศรษฐกิจรัฐบาลใหม่ โดยเฉพาะการลดราคาพลังงานเป็นบวกกับหุ้นอาหารเครื่องดื่ม-แพ็กเกจจิ้ง ช่วยต้นทุนลดลง กำไรดีขึ้น ส่วนนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท แม้เริ่มใช้ได้ต้นปีหน้า แต่คาดมีแรงเก็งกำไรก่อนล่วงหน้า

 

เอกภาวิน สุนทราภิชาติ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) เปิดเผยผ่านรายการ Morning Wealth ว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อได้ในระยะต่อไป แม้ว่าช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมาปรับตัวลดลงติดต่อกันรวมประมาณ 30 จุด ซึ่งประเมินว่าเป็นการพักตัวระยะสั้นๆ เนื่องจากก่อนหน้านี้ SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตอบรับปัจจัยการเมืองภายในประเทศที่มีความชัดเจน

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง: 


 

อย่างไรก็ดี ประเมินว่าภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปัจจัยต่างประเทศและในประเทศที่เข้ามาสนับสนุน 

 

โดยปัจจัยต่างประเทศ คือมุมมองที่ว่าธนาคารสหรัฐฯ (Fed) จะเริ่มหยุดขึ้นดอกเบี้ย และคงดอกเบี้ยที่ระดับปัจจุบันไปจนถึงสิ้นปี 2023 อีกทั้งมีโอกาสที่จะเริ่มเห็น Fed ลดดอกเบี้ยในปี 2024 หลังจากข้อมูลของเศรษฐกิจสหรัฐฯ บ่งชี้ว่ากำลังลดความร้อนแรงลงจากรายงานตัวเลขการจ้างงานที่ออกมาลดลงต่ำกว่า 2 แสนตำแหน่งติดต่อกัน 3 เดือน

 

ส่วนปัจจัยในประเทศ คือความชัดเจนทางการเมืองหลังจากได้รัฐบาลใหม่ที่กำลังจะเข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งมีแผนจะออกนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยนโยบายเร่งด่วนคือ การลดค่าครองชีพให้กับประชาชนผ่านการลดราคาพลังงาน 

 

ทั้งนี้ บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ของไทยในไตรมาส 2/23 จะเป็นจุดต่ำสุด โดยมีโอกาสที่กำไรในช่วงครึ่งหลังปี 2023 จะฟื้นตัวดีขึ้น 

 

ขณะที่ GDP ของไทย ช่วงครึ่งแรกของปี 2023 ที่ขยายตัว 2.2% โดยคาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 มีโอกาสที่เติบโตในอัตราที่เร่งขึ้น โดยทั้งปี 2023 ประเมินว่า GDP ของไทยจะเติบโตได้ประมาณ 2.7% 

 

เอกภาวินกล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยถือว่า Underperform เมื่อเปรียบกับตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ค่อนข้างมาก โดยหาก Fed เริ่มหยุดขึ้นดอกเบี้ย รวมถึงเริ่มเห็นดอลลาร์กลับมาอ่อนค่า และเศรษฐกิจของไทยกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังปีนี้ และขยายตัวได้ดีต่อเนื่องในปี 2024 ในระดับ 5-6% ก็มีโอกาสที่เงินบาทจะมีทิศทางแข็งค่า และทำให้กระแสเงินลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) ไหลกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทย

 

“ปัจจัยทั้งภายในและภายนอกยังเป็นบวก ดังนั้นช่วงตลาดหุ้นปรับลงมาจึงเป็นโอกาสซื้อสะสม ประเมินแนวรับที่ 1,530-1,540 จุด ส่วนเป้า SET Index สิ้นปีนี้ของ InnovestX มองไว้ที่ 1,630-1,650 จุด”

 

สำหรับนโยบายลดราคาพลังงานทั้งค่าไฟฟ้าและน้ำมันนั้น กลุ่มหุ้นที่ได้รับประโยชน์คือ กลุ่มหุ้นผลิตอาหารและเครื่องดื่มที่มีสัดส่วนของการใช้พลังงานเป็นต้นทุนการผลิตในสัดส่วนที่สูงจะมีต้นทุนที่ลดลงและส่งผลบวกให้มีอัตรากำไรที่สูงขึ้นซึ่งมีหุ้นแนะนำคือ บมจ.คาราบาวกรุ๊ป หรือ CBG กับ บมจ.โอสถสภา หรือ OSP รวมถึงกลุ่มแพ็กเกจจิ้งคือ บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง หรือ SCGP

 

ขณะที่นโยบายการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท แม้ว่าจะสามารถเริ่มใช้ได้ในช่วงประมาณต้นปี 2024 แต่ประเมินว่าประเด็นนี้จะถูกนำมาใช้เก็งกำไรซื้อ-ขายในตลาดหุ้นล่วงหน้าก่อน โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายนี้คือ กลุ่มค้าปลีก มีหุ้นแนะนำ บมจ.ซีพี ออลล์ หรือ CPALL, บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น หรือ CRC, บมจ.ธนพิริยะ หรือ TNP

 

ส่วนนโยบายฟรีวีซ่าคาดว่าจะเป็นอานิสงส์ต่อหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวที่จะเข้าช่วยกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวในช่วงไตรมาส 4/23 ที่กำลังเข้าสู่ช่วงไฮซีซัน โดยแนะนำหุ้นที่ราคายังปรับตัวขึ้นช้ากว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม (Laggard) ได้แก่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย หรือ AOT ที่ผลการดำเนินงานในงวดปี 2023 มีโอกาสพลิกกลับมามีกำไรและในงวดปี 2024 จะมีกำไรเติบโตที่โดดเด่นจากโครงการแผนการขยายการให้บริการของสนามบิน 

 

รวมถึงสามารถเริ่มกลับมาจัดเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำ (Minimum Guarantee) จากผู้ประกอบการพื้นที่เช่าเชิงพาณิชย์ได้แล้วตั้งแต่ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา หลังจากที่สถานการณ์การท่องเที่ยวฟื้นตัวดีขึ้นจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาหุ้นของ AOT แนะนำให้เข้าซื้อที่ระดับราคา 70 บาท มีโอกาสที่ราคาขึ้นจะปรับขึ้นไปถึง 80 บาท

 

อีกทั้งแนะนำหุ้น บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา หรือ CENTEL ที่ราคาปรับตัวลดลงมาแรงก่อนหน้านี้ เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังกับงบไตรมาส 2/23 แต่เกิดรายการพิเศษ ขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 มีโอกาสฟื้นตัวดีขึ้นซึ่งในช่วงจังหวะที่ราคาหุ้นย่อตัวที่ระดับ 45-46 บาท เป็นจังหวะเข้าซื้อ โดยคาดว่ามีโอกาสที่ราคาหุ้นจะขึ้นได้ถึงระดับ 55-60 บาท

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising