หากจะว่าด้วยเรื่องราวของตำนานภูตผีที่อยู่คู่กับความเชื่อพื้นบ้านทั้งในไทยและภูมิภาคแถบเอเชีย ‘กระสือ’ ถือเป็นผีอีกหนึ่งตนที่มีเรื่องเล่าขานมายาวนาน และแน่นอนว่ามันถูกผลิตซ้ำในรูปแบบสื่อบันเทิงทั้งในนิยาย การ์ตูน ภาพยนตร์ และละครโทรทัศน์อย่างสม่ำเสมอไม่แพ้ตำนานผีพื้นบ้านไทยอีกหลายเรื่อง
จุดเริ่มต้นแรกจากภาพยนตร์สยองขวัญสุดคลาสสิกอย่าง กระสือสาว ของผู้กำกับ สนิท โกศะรถ และนำแสดงโดย สมบัติ เมทะนี และพิศมัย วิไลศักดิ์ เข้าฉายครั้งแรกในปี 2516 และได้สร้างภาพจำของผีกระสือที่มี ‘หัว’ กับ ‘ไส้’ ไว้กับผู้ชมชาวไทยมาจนถึงปัจจุบัน
เช่นเดียวกับภาพยนตร์ แสงกระสือ ผลงานของ โดม-สิทธิศิริ มงคลศิริ (Last Summer ฤดูร้อนนั้น ฉันตาย) ซึ่งนับเป็นอีกครั้งที่ตำนานผีที่มาพร้อมคาแรกเตอร์หัวกับไส้ถูกหยิบมาตีความใหม่
ผู้กำกับภาพยนตร์เลือกที่จะตีความหนัง ‘กระสือ’ เสียใหม่ให้ออกมาในรูปแบบโรแมนติก-ดราม่าระหว่างผีและมนุษย์ อีกทั้งยังเปลี่ยนภาพลักษณ์ของกระสือที่ทั้งน่าเกลียดน่ากลัว แก่ชรา กินของสกปรก ให้กลายเป็นเรื่องราวของคนรุ่นหนุ่มสาว
หนังบอกเล่าเรื่องราวในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ยังคงมีความเชื่อในเรื่องของตำนานผีสาง โดยมี สาย (มินนี่-ภัณฑิรา พิพิธยากร) เด็กสาวที่ค้นพบว่าตัวเองคือผู้สืบสายเลือดของกระสือ ซึ่งมีเพียง น้อย (โอบ-โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์) เพื่อนสมัยเด็กคนเดียวในหมู่บ้านที่รู้ความจริงนี้ เขาจึงต้องช่วยปกปิดความลับของสายจากคนในหมู่บ้านที่คอยตามล่า รวมถึง เจิด (เกรท-สพล อัศวมั่นคง) เพื่อนสนิทของทั้งสองคนที่แอบหลงรักสายมาตลอด และนั่นทำให้ความรักของสายและน้อยค่อยๆ เติบโตขึ้น ในขณะเดียวกันอันตรายที่ทั้งสามคาดไม่ถึงก็กำลังคืบคลานเข้ามาเรื่อยๆ
ถึงแม้ว่าตัวอย่างภาพยนตร์จะมาในธีมสยองขวัญเหมือนเรื่องอื่นๆ แต่ภายหลังจากที่ตัวผู้เขียนได้รับชมแล้วบอกได้เลยว่า แสงกระสือ ไม่ใช่ภาพยนตร์สยองขวัญเต็มรูปแบบอย่างที่หลายคนคาดหวัง แต่ผู้กำกับภาพยนตร์เลือกที่จะตีความหนัง ‘กระสือ’ เสียใหม่ให้ออกมาในรูปแบบโรแมนติก-ดราม่าระหว่างผีและมนุษย์ อีกทั้งยังเปลี่ยนภาพลักษณ์ของกระสือที่ทั้งน่าเกลียดน่ากลัว แก่ชรา กินของสกปรก ให้กลายเป็นเรื่องราวของคนรุ่นหนุ่มสาว ซึ่งต้องให้เครดิต โดม สิทธิศิริ ที่เลือกให้ผู้กำกับและมือเขียนบทภาพยนตร์ที่เข้าใจวัยรุ่นมากๆ อย่าง มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล (คน ผี ปีศาจ, 13 เกมสยอง, รักแห่งสยาม, เกรียน ฟิคชั่น ฯลฯ) มารับหน้าที่เขียนบท ซึ่งถ่ายทอดออกมาได้อย่างแปลกใหม่ ลงตัว และสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับผู้ชม
อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเติมเต็มให้ภาพยนตร์เรื่องนี้สมบูรณ์มากขึ้นคืองานวิชวลเอฟเฟกต์และเมกอัพเอฟเฟกต์ที่ถูกสร้างอย่างประณีต ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศภายในหมู่บ้านและการกลายร่างเป็นผีกระสือ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งหมุดหมายใหม่ของงานสร้างเทคนิคพิเศษในภาพยนตร์ไทยเลยก็ว่าได้
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าเนื้อหาของ แสงกระสือ ยังคงมีบางเหตุการณ์ที่ทำให้เราชวนสงสัยถึงการกระทำของตัวละครที่น่าขัดใจอยู่บ้าง แต่หากมองโดยรวมทั้งหมดแล้วมันก็ทำให้เราลืมข้อเสียเล็กๆ น้อยๆ ของเรื่องไปเลย
ขณะเดียวกันเรื่องราวความรักระหว่างผีและมนุษย์ของ มินนี่ น้อย และเจิด ที่แม้ในช่วงแรกของเรื่องอาจจะดูเอื่อยๆ แต่ผู้กำกับก็ได้หยอดปมหลายๆ อย่างไว้เพื่อปูทางไปสู่จุดจบที่ทำให้ผู้ชมประทับใจและเศร้าโศกในเวลาเดียวกัน
ถึงแม้ว่า แสงกระสือ จะนำเสนอเรื่องราวความรักที่ดูจะเกินความเป็นจริง แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้แสดงให้เราได้เห็นว่าการเปิดใจและยอมรับในตัวของผู้ที่แตกต่างหรือผิดแปลกไปจากคนอื่นเป็นเรื่องสำคัญขนาดไหน เพราะไม่ว่าจะเป็นใครหรือเป็นตัวอะไร พวกเขาต่างก็มีหัวใจและมีสิทธิ์ที่จะมีความรักเฉกเช่นคนปกติอย่างเราๆ ด้วยกันทั้งนั้น
แสงกระสือ มีกำหนดเข้าฉายในวันที่ 14 มีนาคมนี้ ทุกโรงภาพยนตร์
รับชมตัวอย่างภาพยนตร์ได้ที่
ทำความรู้จักกับ โดม-สิทธิศิริ มงคลศิริ ผู้กำกับภาพยนตร์ แสงกระสือ เพิ่มเติมได้จากบทสัมภาษณ์ของ THE STANDARD POP
thestandard.co/sitisiri-mongkolsiri-inhuman-kiss/
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
ภาพและข้อมูลอ้างอิง: