สำนักเศรษฐกิจมองเศรษฐกิจไทยดีขึ้นจากอานิสงส์ส่งออก-ท่องเที่ยว ราคาน้ำมันสูงต่อเนื่อง จับตาค่าครองชีพสูง
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ แถลงดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนเมษายน 2561 เท่ากับ 101.57 เพิ่มขึ้น 1.07% เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2560 และเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน (มีนาคม 2561) 0.79% ซึ่งดัชนีเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 และเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 14 เดือน ซึ่งเงินเฟ้อเฉลี่ยอยู่ที่ 4 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-เม.ย.) ที่ 0.75%
ปัจจัยสำคัญคือราคาสินค้ากลุ่มพลังงาน ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซหุงต้ม และค่ากระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้นถึง 4.69% ขณะที่อาหารสดราคาสูงขึ้น 0.49% โดยเฉพาะราคาผักสดที่บริโภคในชีวิตประจำวันและใช้ในภาคธุรกิจ เช่น มะนาว คะน้า แตงกวา หรือผักกาดขาว ราคาเพิ่มสูงขึ้นเป็นเดือนที่ 5 แล้ว ส่วนสินค้าที่ราคาปรับลดลงได้แก่ เนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ สัตว์น้ำ ไข่ไก่ น้ำตาลทราย และน้ำมันพืช
กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ดัชนีเงินเฟ้อปีนี้อาจสูงทะลุ 1% เนื่องจากแนวโน้มราคาสินค้ากลุ่มพลังงานยังปรับตัวสูงขึ้น ราคาสินค้าเกษตรที่เริ่มปรับเพิ่มขึ้นและจะส่งผลดีต่อการบริโภคของเกษตรกร รวมถึงโครงการช่วยเหลือด้านค่าครองชีพของรัฐบาลก็จะช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ โดยมองว่าเศรษฐกิจไทยขยายตัวและเป็นไปในทิศทางที่ดี กรอบคาดการณ์เงินเฟ้อทั้งปี 2561 อยู่ในช่วง 0.7-1.7% ภายใต้สมมติฐานที่คาดการณ์เศรษฐกิจขยายตัว 3.6-4.6% ราคาน้ำมัน 55-65 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยน 32-34 บาทต่อเหรียญสหรัฐ หากเกิดการเปลี่ยนแปลงในปัจจัยข้างต้นก็จะมีผลต่ออัตราเงินเฟ้อด้วย
ขณะที่ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเมษายนที่ผ่านมาอยู่ที่ 80.9 ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 40 เดือน ปัจจัยสำคัญคือภาคการส่งออกที่เติบโตชัดเจน รวมถึงการท่องเที่ยวที่ยังสร้างรายได้ให้กับประเทศต่อเนื่อง ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 67.8 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตสูงถึง 99.1 ปัจจัยลบที่ยังต้องติดตามคือประเด็นการเปลี่ยนแปลงด้านการเมือง ราคาสินค้าพลังงานที่เพิ่มขึ้น ค่าเงินบาทอ่อนค่าและความกังวลเรื่องค่าครองชีพของประชาชน
อ้างอิง:
- www.price.moc.go.th/price/fileuploader/file_cpi/Cpi_tg.pdf
- ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
