การกลับมาของ ‘อินเดีย’ แม้ไม่หวือหวาแต่กำลังเนื้อหอมสุดๆ เมื่อค่ายรถ EV และ Big Tech เบนเข็มจากจีนไปซบอินเดีย ชวนจับตาท่าที Tesla เยือนอินเดียรอบใหม่ ในการกระชับความสัมพันธ์หารือลงทุนห่วงโซ่อุปทานยานยนต์ไฟฟ้า EV ข้อต่อรอง ‘บางอย่าง’ เพื่อมัดใจนายกรัฐมนตรี Narendra Modi
นับตั้งแต่รัฐบาลอินเดียประกาศนโยบาย Faster Adoption and Manufacturing of Electric Vehicles in India มุ่งสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาด สู่เป้าหมาย ‘ผู้นำด้านการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า EV ของโลก’ พร้อมขึ้นแท่นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกแซงจีน ก็เริ่มเห็นความเคลื่อนไหวเหล่าผู้นำและนักลงทุนรายใหญ่เยือนอินเดียอย่างต่อเนื่อง
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า สัปดาห์นี้กลุ่มผู้บริหารระดับสูงของ Tesla มีแผนที่จะไปเยือนอินเดียเพื่อพบตัวแทนรัฐบาลกลาง และสำนักนายกรัฐมนตรี Narendra Modi เพื่อกระชับความสัมพันธ์การลงทุนห่วงโซ่อุปทานของผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศ และหารือเกี่ยวกับการจัดหาส่วนประกอบในท้องถิ่นสำหรับโมเดลใหม่ของ Tesla ที่คาดว่าจะมีการเสนอราคาครั้งใหม่ ภายใต้แผนการขยายธุรกิจนอกประเทศจีน
โดยแหล่งข่าวกล่าวว่า การเยือนครั้งนี้น่าจะเป็นการกระชับความสัมพันธ์วาระครั้งใหม่ระหว่างอินเดียและ Tesla อย่างมีนัยสำคัญ และเป็นไปตามเจตนารมณ์ของแม่ทัพ Elon Musk
แม้ว่าก่อนหน้านี้ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Tesla วิจารณ์ภาษีนำเข้าอัตราที่สูงของอินเดีย และนโยบายเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) แต่ในทางกลับกัน อินเดียก็แนะนำ Tesla ว่าอย่าขายรถยนต์ในประเทศที่ผลิตจากจีน เพราะเป็นปรปักษ์ทางการเมือง และอินเดียต้องการให้ Tesla ซื้อชิ้นส่วนรถยนต์จากท้องถิ่นมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์ อีกทั้งยังแนะนำว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ Tesla เอาชนะใจ Narendra Modi นายกรัฐมนตรีได้ เนื่องจากนโยบายของเขากำลังพยายามทำให้อินเดียเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ EV ระดับโลก
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายบริหารของ Modi ไม่ค่อยพอใจกับ Tesla มากเท่าไรนัก โดยขอให้หลีกเลี่ยงการขายรถยนต์ที่ประกอบขึ้นที่โรงงานในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งอินเดียมีข้อพิพาทเรื่องพรมแดนกับเพื่อนบ้านอย่างจีนมานาน
แม้ Tesla ยังห่างไกลตลาดอินเดียซึ่งคาดหวังให้เป็นฐานผลิตในการประกอบรถยนต์ราคาแพง แต่ Elon Musk ให้คำมั่นสัญญาว่าการจะลงทุนต้องได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาลก่อน แหล่งข่าวกล่าว
จึงเป็นไปได้ยากมากที่ Tesla จะเข้าไปช่วงชิงตลาดอินเดีย ที่มีคู่แข่งระดับโลกอย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ และบรรดาค่ายรถต่างกำลังแข่งขัน พร้อมเดิมพันกับความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่มีความต้องการเพิ่มขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าอินเดียมีแต้มต่อด้านประชากรที่มากที่สุดในโลก และมีตลาดรถยนต์ที่มีศักยภาพ อีกทั้งแนวโน้มการเติบโตของรถ EV สูง
ค่ายรถ EV และ Big Tech เบนเข็มจากจีนมาอินเดีย
หากติดตามความเคลื่อนไหวการลงทุนขณะนี้จะเห็นว่า บริษัทต่างๆ ของสหรัฐฯ ต่างกำลังตระหนักถึงตลาดใหม่ที่นอกเหนือจีนมากขึ้น เนื่องจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างวอชิงตันและปักกิ่งไม่มีทีท่าว่าจะผ่อนคลายลง
ดังนั้นการที่ Tesla เข้าไปลงทุนในอินเดีย จะใช้ประโยชน์จากซัพพลายใหญ่ Apple Inc. ผู้ผลิต iPhone ที่มี Foxconn เป็นพันธมิตร ที่ชัดเจนแล้วว่าอินเดียเป็นทางเลือกใหม่สำหรับฐานการผลิต และขณะนี้เริ่มผลิตไปแล้วกว่า 7% ของกำลังผลิตสมาร์ทโฟนทั่วโลกในประเทศเอเชียใต้
โดยรัฐบาลอินเดียเองก็สนับสนุนการลงทุน Big Tech อย่าง Google Meta Samsung และล่าสุด Tim Cook ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Apple Inc. ก็เข้าพบกับ Narendra Modi หลังเดินทางไปเปิด Apple Store สาขาแรกในอินเดียด้วยตนเอง พร้อมประกาศอย่างหนักแน่นว่าจะมุ่งมั่นลงทุนในอินเดีย
ส่วนบรรดาค่ายรถ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา Hyundai Motor ประกาศลงทุนยานยนต์ไฟฟ้า EV 2 แสนล้านรูปี (2.45 พันล้านดอลลาร์) 10 ปี ที่รัฐทมิฬนาฑู ตอนใต้ของอินเดีย และ Hyundai Motor India บริษัทในเครือ จัดตั้งหน่วยประกอบแบตเตอรี่ที่มีกำลังการผลิต 178,000 หน่วยต่อปี และติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) 100 แห่งทั่วรัฐทมิฬนาฑู โดยคาดว่าจะผลิตรถ 850,000 คันต่อปี
รวมไปถึง Suzuki เข้ามาลงทุน 1.5 แสนล้านเยน เกี่ยวกับไลน์ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า EV และแบตเตอรี่ในอินเดีย และยังมีข่าวแว่วๆ ว่า Renault พันธมิตร Nissan กำลังพิจารณาการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) สำหรับตลาดขนาดใหญ่ในอินเดียเช่นกัน
อ้างอิง:
