อินเดียกำลังเผชิญกับการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ในระลอกที่สองที่รุนแรงถึงขั้นที่สำนักข่าว CNN เปรียบเทียบว่าเป็นเสมือน ‘สึนามิ’ ส่วน BBC เลือกใช้คำพาดหัวข่าวว่า ‘Devastating’ หรืออาจหมายความว่า ‘เสียหายอย่างหนัก’ ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงแตะระดับเป็นสถิติ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตก็เพิ่มขึ้น ท่ามกลางปัญหาทรัพยากรที่ใช้รับมือกับการระบาด พร้อมด้วยความเสี่ยงที่เป็นไปได้จากปัจจัยต่างๆ
และนี่คือการสรุป 4 ประเด็นสำคัญ กับคำถามที่ว่าเกิดอะไรขึ้นที่อินเดีย ณ ขณะนี้
1. จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันที่พุ่งสูง และแซงหน้าระลอกแรกไปแล้ว
เมื่อดูกราฟผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวัน เราเริ่มเห็นว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในการระบาดรอบแรกตั้งแต่ราวเดือนพฤษภาคม 2020 กระทั่งมาสู่จุดสูงสุดในกลางเดือนกันยายน ที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันมากกว่า 90,000 ราย แล้วสถานการณ์จึงค่อยๆ ดีขึ้นจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเวลาที่การระบาดในระลอกที่สองเริ่มขึ้น
และเมื่อมาถึงการระบาดระลอกที่สอง จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันก็พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนแซงหน้าจุดพีกในการระบาดรอบแรกไปเรียบร้อยเมื่อต้นเดือนเมษายน และตัวเลขล่าสุดเมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมาพบว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันเดียวอยู่ที่ 259,170 ราย หรือเกิน 2.5 เท่าของจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันสูงสุดในการระบาดระลอกแรก
ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตต่อวันในระลอกนี้ ล่าสุดก็มีจำนวนใกล้เคียงกับช่วงที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดจากการระบาดระลอกแรกแล้วเช่นกัน
ดร.เอ ฟาทาฮูดีน หนึ่งในคณะทำงานด้านโควิด-19 ในรัฐเคราลาของอินเดียระบุว่ามีสัญญาณเตือนของการระบาดระลอกที่สองมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ และเขาเคยกล่าวไว้ว่าโควิด-19 ไม่ได้หายไปไหน และสิ่งที่เป็นเสมือน ‘สึนามิ’ อาจถล่มเราได้หากมาตรการเร่งด่วนไม่ถูกนำมาใช้
“น่าเศร้าที่สึนามิได้โจมตีเราแล้วจริงๆ” เขากล่าวกับ BBC
ขณะที่ความคืบหน้าการฉีดวัคซีนล่าสุดในอินเดีย มีประชากรร้อยละ 8.1 ที่ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อยหนึ่งโดส ส่วนจำนวนประชากรที่ได้รับวัคซีนครบสองโดสอยู่ท่ีร้อยละ 1.3 จากประชากรทั้งหมด
และแม้ต้นเดือนที่ผ่านมา อินเดียจะประกาศความสำเร็จในการฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดสใน 85 วัน ซึ่งเร็วกว่าสหรัฐอเมริกาและจีน ทว่าอินเดียก็พบปัญหาวัคซีนที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ จนล่าสุดรัฐบาลต้องอนุมัติงบประมาณกว่า 610 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับสถาบันเซรั่มแห่งอินเดีย และบริษัท Bharat Biotech เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตวัคซีนให้สอดคล้องกับการระบาดที่เกิดขึ้น รวมถึงระงับการส่งออกวัคซีน AstraZeneca ที่ผลิตในประเทศชั่วคราว และเปลี่ยนกฎเพื่อนำเข้าวัคซีนจากต่างประเทศ อาทิ Pfizer-BioNTech, Moderna และ Johnson and Johnson อย่างรวดเร็ว โดยก่อนหน้านี้อินเดียมีการทั้งบริจาคและจำหน่ายวัคซีนไปยังต่างประเทศ
2. ปัจจัยสู่การระบาดรอบที่สอง
การระบาดรอบนี้ถูกมองว่าเกิดจากความรู้สึกผ่อนคลายที่มากเกินไป หลังจากผู้คนรู้สึกเหนื่อยล้าจากการระบาดในรอบแรก และเมื่อการระบาดรอบแรกผ่านไปก็มีความรู้สึกปลอดภัยอย่างไม่ถูกต้องเกิดขึ้น นอกจากนี้ เมื่อต้นเดือนมีนาคม รัฐมนตรีสาธารณสุขของรัฐบาลกลางก็ถึงกับออกปากว่าอินเดียนั้นอยู่ใน ‘ปลายทาง’ ของการระบาดแล้ว
สถานการณ์เช่นนี้ทำให้เกิดการผ่อนคลายพฤติกรรมต่างๆ ที่จำเป็นต่อการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ทั้งการรักษาระยะห่าง การสวมหน้ากากอนามัย ผู้คนจำนวนมากกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เช่น ในการแข่งขันกีฬา หรือการเปิดให้บริการโรงภาพยนตร์อีกครั้ง
รวมถึงเทศกาล ‘กุมภเมลา’ ซึ่งเป็นเทศกาลสำคัญของศาสนาฮินดู ที่มีผู้ศรัทธาจำนวนมากมารวมตัวกันที่เมืองหริทวารในรัฐอุตตราขัณฑ์ ร่วมประกอบพิธีและร่วมลงไปอาบน้ำชำระร่างกายในแม่น้ำคงคาเพื่อชำระบาป
ในเทศกาลดังกล่าวแม้จะมีการกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งผู้มาร่วมพิธีจะต้องลงทะเบียนทางออนไลน์ ต้องแสดงผลตรวจโควิด-19 ที่เป็นลบ และมีเจ้าหน้าที่ตรวจตราหลายพันคน ทว่า รามานัน ลักษมีนารายัน ผู้อำนวยการของศูนย์พลวัต เศรษฐศาสตร์ และนโยบายเกี่ยวกับโรคระบาดในกรุงนิวเดลี ก็แสดงความกังวลว่านี่อาจเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการแพร่เชื้อขนาดใหญ่ที่สุด และจากข่าวที่ปรากฏในสื่อเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน BBC รายงานว่ามีผู้เข้าร่วมงานระหว่างวันที่ 10-14 เมษายน ที่พบว่าติดโควิด-19 แล้วมากกว่า 1,600 ราย ส่วน PTI สำนักข่าวท้องถิ่นของอินเดียรายงานยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในพื้นที่จัดเทศกาลในช่วงเวลาเดียวกันอยู่ที่ราว 1,700 ราย มีกลุ่มย่อยทางศาสนาหลายกลุ่มเรียกร้องให้ผู้ศรัทธาจากต่างรัฐเดินทางกลับบ้านและปฏิบัติตามข้อกำหนด ขณะที่หลายรัฐและเมืองกำหนดให้ผู้ที่กลับจากเทศกาลนี้ต้องกักตัวหรือรับการตรวจโควิด-19 ถึงกระนั้น ลักษมีนารายันก็แสดงความเห็นว่านี่อาจ ‘สายเกินไป’ เสียแล้ว
สำหรับกิจกรรมทางการเมืองก็เช่นกัน แม้ นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย ทวีตข้อความเมื่อวันเสาร์ว่า เทศกาลกุมภเมลาควรถูกจัดเพียงในเชิงสัญลักษณ์ระหว่างการระบาดของโควิด-19 ทว่า ข้อความของโมดีก็ดูจะขัดแย้งกันเองกับการเดินสายหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาและสภาท้องถิ่นของเขา ที่ปรากฏภาพการรวมตัวของมวลชนจำนวนมากอย่างต่อเนื่องมาจนถึงเดือนเมษายน และนี่ก็นำมาซึ่งเสียงวิจารณ์ถึงความเป็นไปได้ในการเป็นกิจกรรมที่นำมาซึ่งการแพร่เชื้อ จนกระทั่งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา พรรค Bhartiya Janta Party ของโมดีก็ประกาศว่าจะจัดการรวมตัวสาธารณะขนาดเล็กไม่เกิน 500 คนเท่านั้น ในพื้นที่รัฐเบงกอลตะวันตก ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งสำคัญ ส่วนพรรคฝ่ายค้านหลักอย่างพรรค Indian National Congress ประกาศระงับการหาเสียงสาธารณะในรัฐนี้ไปแล้ว
3. เตียงผู้ป่วยไม่เพียงพอ ความต้องการทรัพยากรที่เพิ่มสูง และชีวิตที่สูญเสีย
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ทำให้มีรายงานว่าหลายเมืองของอินเดียอยู่ในภาวะเตียงผู้ป่วยไม่เพียงพอ เมืองที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เช่น เดลี, มุมไบ และอาเมดาบัด นั้นพบว่าเตียงผู้ป่วยถูกใช้งานไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ และเมื่อโฟกัสไปที่เตียงไอซียู สถานการณ์ก็ดูจะหนักหนายิ่งขึ้น เพราะเหลือเตียงไอซียูในหลายๆ เมืองอีกไม่มากนัก ขณะที่พบปัญหาขาดแคลนออกซิเจนด้วย มีรายงานผู้ป่วยที่ต้องเสียชีวิตจากการไม่สามารถหายาหรือออกซิเจนมาใช้ หรือหารถนำส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลาด้วยเหตุต่างๆ สถานที่ฌาปนกิจศพถูกใช้งานอย่างต่อเนื่องทั้งกลางวันและกลางคืนในหลายเมือง และประชาชนต้องรอนานหลายชั่วโมงเพื่อนำศพไปเผา ท่ามกลางข้อสันนิษฐานว่าจำนวนผู้เสียชีวิตที่แท้จริงน่าจะสูงกว่าที่รายงานโดยรัฐ
ทั้งนี้ รัฐบาลของรัฐต่างๆ กำลังพยายามขยายขีดความสามารถในการรองรับผู้ป่วย ซึ่งรวมถึงเตียงไอซียู กระนั้นเตียงก็ยังไม่ใช่ปัญหาสุดท้าย เพราะเมื่อมีเตียงก็ย่อมต้องการหมอ พยาบาล และอุปกรณ์เกี่ยวกับออกซิเจนมารองรับด้วยเช่นกัน ขณะที่ความต้องการยาเรมเดซิเวียร์และส่วนผสมของยาก็เพิ่มขึ้นจนรัฐบาลต้องประกาศห้ามการส่งออกยาเพื่อเพิ่มปริมาณการจัดหายาภายในประเทศ รวมถึงประกาศแทรกแซงราคายาด้วย แต่ก็พบว่ามีตลาดมืดของการซื้อขายยาชนิดนี้และยาที่คล้ายกันเกิดขึ้นในหลายรัฐ
นอกจากนี้ ญาติผู้ป่วยส่วนหนึ่งต้องร้องขอความช่วยเหลือลงสื่อสังคมออนไลน์ เช่น ทวิตเตอร์ ทั้งการหาเตียง หาออกซิเจน ตลอดจนหาเงินค่ายามาใช้รักษาญาติตนเอง
4. พบไวรัสก่อโรคโควิด-19 ชนิดใหม่ ‘กลายพันธุ์คู่’ เพิ่มอีก
วันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา อินเดียประกาศว่าพบไวรัสก่อโรคโควิด-19 ชนิดใหม่ที่มีการ ‘กลายพันธุ์คู่’ (Double Mutant) ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงรหัสพันธุกรรมสองตำแหน่งในไวรัสตัวเดียวกัน ซึ่งแม้เจ้าหน้าที่ทางการจะระบุผ่านแถลงการณ์ว่าไม่เชื่อมโยงกับการพุ่งสูงของยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในอินเดีย แต่ก็นำมาซึ่งความกังวลว่าไวรัสตัวนี้จะติดต่อได้ง่ายขึ้น และหลบหลีกการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในสหราชอาณาจักรกำลังสอบสวนว่าไวรัสที่มีการกลายพันธุ์คู่นี้จะแพร่กระจายได้ง่ายขึ้นหรือหลบเลี่ยงการทำงานของวัคซีนหรือไม่
ทั้งนี้ การตรวจพบเชื้อชนิดใหม่ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นจากการศึกษาตัวอย่าง 10,787 รายที่เก็บได้จากคนอินเดียในพื้นที่ 18 รัฐ ภายใต้การศึกษาเพื่อจัดทำลำดับจีโนม หรือทำแผนที่รหัสพันธุกรรมทั้งหมดของเชื้อก่อโรคโควิด-19 ซึ่งมีความสำคัญในการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของเชื้อไวรัส โดย ชาฮีด จามีล นักระบาดวิทยาระบุว่าการดำเนินการทำลำดับจีโนมในอินเดียนั้นค่อนข้างช้า และหากยิ่งตรวจจับไวรัสสายพันธุ์ที่ติดต่อง่ายได้เร็วขึ้น ก็สามารถนำไปใส่ในมาตรการทางสาธารณสุขเพื่อหยุดยั้งการระบาดในวงกว้างภายในชุมชนได้
(อัปเดตล่าสุด วันที่ 24 เมษายน 2021: นักวิทยาศาสตร์ในสหราชอาณาจักรระบุว่า เชื้อไวรัสชนิดนี้ถูกพบครั้งแรกมาตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2020 และมีข้อมูลว่านักวิทยาศาสตร์ในอินเดียเริ่มหันมาสนใจเชื้อชนิดนี้หลังพบการระบาดมากขึ้นในรัฐมหาราษฏระระหว่างเดือนธันวาคม 2020 – มีนาคม 2021)
ทั้งนี้ การกลายพันธุ์ของไวรัสถือเป็นเรื่องปกติ และส่วนใหญ่ไม่ได้มีนัยสำคัญหรือไม่ได้ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับความสามารถในการแพร่เชื้อหรือทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรง แต่การกลายพันธุ์บางชนิด เช่น ที่พบในโควิด-19 สายพันธุ์อังกฤษหรือสายพันธุ์แอฟริกาใต้ก็ทำให้ไวรัสติดต่อได้ง่ายขึ้น หรืออาจมีอันตรายถึงชีวิตมากขึ้นในบางกรณี
จามีลยืนยันว่าไม่สายเกินไปที่จะใช้มาตรการต่างๆ และหากมีการใช้แนวปฏิบัติด้านความปลอดภัยอย่างเข้มแข็ง ฉีดวัคซีนแก่ประชาชนอย่างรวดเร็ว และคอยจับตาดูการกลายพันธุ์ ก็จะสามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อลงได้อย่างมีนัยสำคัญ
ภาพ: Sonu Mehta / Hindustan Times via Getty Images
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- https://www.bbc.com/news/world-asia-india-56811315
- https://www.bbc.com/news/world-asia-india-56799303
- https://www.bbc.com/news/world-asia-india-56507988
- https://www.bbc.com/news/world-asia-india-56771766
- https://edition.cnn.com/2021/04/21/india/india-covid-hospital-shortage-intl-hnk/index.html
- https://news.google.com/covid19/map?hl=en-US&mid=%2Fm%2F03rk0&state=7&gl=US&ceid=US%3Aen
- https://www.businesstoday.in/current/economy-politics/covid-19-vaccination-india-needs-8-yrs-9-months-to-achieve-herd-immunity/story/437197.html
- https://www.nytimes.com/interactive/2020/world/asia/india-coronavirus-cases.html
- http://www.ptinews.com/news/12342292_Head-of-akhara-suffering-from-COVID-19-dies-in-U-khand.html
- https://www.reuters.com/world/india/india-fund-capacity-boost-serum-institute-vaccines-run-short-source-2021-04-19/
- https://www.reuters.com/world/india/indias-vaccinations-fall-peak-infections-hit-record-2021-04-16/