กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF เปิดเผยรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยเตือนว่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจะทำให้เกิดผลเสียต่อตลาดเกิดใหม่ผ่านช่องทางการเงินและการค้ามากกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว
โดยรายงานของ IMF ชี้ว่า เงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น 10% จะลด GDP ของประเทศเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ลง 1.9% หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ซึ่งผลกระทบด้านลบจะหายไปหลังจากระยะเวลาผ่านไปประมาณสองปีครึ่ง
ขณะที่ผลกระทบด้านลบของการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐต่อประเทศที่พัฒนาแล้วนั้นมีขนาดเล็กกว่ามากและมีอายุสั้น โดยผลผลิตลดลงสูงสุดที่ 0.6% หลังจากผ่านไปหนึ่งไตรมาส
ทั้งนี้ IMF กล่าวว่า ประเทศเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่หลายแห่งประสบปัญหาวิกฤตสินเชื่อ เงินทุนไหลเข้าลดลง และตลาดหุ้นผันผวนมากขึ้น โดยรายงานแสดงให้เห็นว่าการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ในปีนี้มีผลกระทบที่เห็นได้ชัดเจนต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก สะท้อนให้เห็นในดุลบัญชีเดินสะพัดทั่วโลก ซึ่งเป็นมาตรวัดสำคัญในการคำนวณผลรวมของดุลบัญชีเดินสะพัดในหลายประเทศ
Dong Shaopeng นักวิจัยอาวุโสของ Chongyang Institute for Financial Studies ที่ Renmin University of China กล่าวว่า “การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐส่งผลกระทบต่อทุกเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศที่มีโครงสร้างเศรษฐกิจเดียว (Single Economic Structure) ซึ่ง Dong มองว่า สาเหตุหลักของการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐคือการดึงเงินทุนจากต่างประเทศเข้าสู่สหรัฐอเมริกาเพื่อพยุงเศรษฐกิจของตนเอง
รายงานระบุว่า ก่อนหน้านี้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มุ่งลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างมากเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ตามด้วยการกลับมาขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งเพื่อสกัดเงินเฟ้อ โดยนักวิเคราะห์ในจีนมองว่านโยบายการเงินที่ผิดพลาดของสหรัฐฯ ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินทั่วโลก
ด้านประธานาธิบดีอัลแบร์โต เฟร์นันเดซ ของอาร์เจนตินา แสดงความเห็นในเชิงเตือนระหว่างเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำจากลาตินอเมริกาและยุโรปว่าให้ระวังความเคลื่อนไหวที่จะทำให้ค่าเงินของประเทศอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วเกินไป
ทั้งนี้ สกุลเงินเปโซของอาร์เจนตินาได้รับความเดือดร้อนท่ามกลางปัญหาทางเศรษฐกิจในวงกว้างของประเทศในอเมริกาใต้ โดยอัตราแลกเปลี่ยนอย่างเป็นทางการอยู่เหนือ 268 เปโซต่อดอลลาร์ ณ วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (20 กรกฎาคม) และนักเศรษฐศาสตร์ท้องถิ่นหลายคนคาดการณ์ค่าเงินดอลลาร์ว่าจะอ่อนค่าลงเหลือ 400 ภายในสิ้นปีนี้
จนถึงขณะนี้ค่าเงินเปโซของอาร์เจนตินาได้สูญเสียมูลค่าถึง 34% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ในปีนี้ ทำให้กลายเป็นสกุลเงินที่มีผลประกอบการแย่ที่สุดในตลาดเกิดใหม่
Wang Wenbin โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนกล่าวเมื่อวันที่ 8 มิถุนายนว่า สหรัฐฯ เป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นผู้ออกสกุลเงินหลักระหว่างประเทศ ดังนั้นเงื่อนไขการคลังและการเลือกนโยบายที่มีต่อเศรษฐกิจโลกจึงมีความสำคัญ พร้อมแนะให้สหรัฐฯ ดำเนินการใช้นโยบายการคลังและการเงินอย่างมีความรับผิดชอบ
อย่างไรก็ตาม Wang ชี้ว่า สหรัฐฯ ใช้ความเป็นเจ้าโลกของเงินดอลลาร์มาอย่างยาวนาน ยืมเงินอย่างไม่ระมัดระวัง เปลี่ยนแปลงวิกฤตการณ์ และดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณอย่างไม่จำกัด สิ่งนี้ได้แพร่กระจายอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ไปยังส่วนอื่นๆ ของโลก ทำให้ปัญหาหนี้สินและปัญหาทางเศรษฐกิจในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาแย่ลง และฉุดรั้งการฟื้นตัวของโลกอย่างจริงจัง
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ Wang เรียกร้องให้สหรัฐฯ เลือกใช้นโยบายการคลังและนโยบายการเงินที่มีความรับผิดชอบ และทำงานร่วมกับเศรษฐกิจอื่นๆ เพื่อส่งเสริมการประสานงานด้านนโยบายเศรษฐกิจมหภาค ร่วมกันปกป้องเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงินระหว่างประเทศ และสนับสนุนการฟื้นตัวของโลก
ขณะที่ Dong เสริมว่า ในระหว่างที่ปัญหาการลดค่าเงินดอลลาร์กำลังเร่งตัวขึ้น บางประเทศก็เริ่มพยายามป้องกันความเสี่ยงที่เกิดจากเงินดอลลาร์ด้วยการซื้อขายแลกเปลี่ยนด้วยสกุลเงินของตนเองหรือสกุลเงินของประเทศอื่น
อ้างอิง: