×

แปลรักฉันด้วยใจเธอ Part 2 เปิดฉากอย่างเร้าใจ หรือสุดท้ายจะกลายเป็นแค่รักเก่าที่บ้านเกิด?

18.06.2021
  • LOADING...
แปลรักฉันด้วยใจเธอ Part 2

HIGHLIGHTS

3 mins. read
  • แปลรักฉันด้วยใจเธอ Part 2 โดนกระแสวิพากษ์วิจารณ์ค่อนข้างหนักถึงขั้นบางคนตั้งใจ ‘เท’ หลังจากอีพี 3 ด้วยเนื้อหาที่ผิดแผกแตกต่างจากขนบของซีรีส์วายที่มักแคปเจอร์ช่วงเวลาแสนหวาน มีพ่อแง่แม่งอนเป็นคอนฟลิกต์บ้างในเรื่อง ซึ่งถ้าใครเคยมีความสัมพันธ์จะรู้ดีว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดก็คือก่อนรักกัน แต่ต่อจากนั้นมักมีปัญหามาเป็นโจทย์ให้ชีวิต ถ้าแก้ได้ก็อยู่กันต่อไป ถ้าแก้ไม่ได้ก็บ๊ายบายแล้วไปเริ่มต้นใหม่
  • หลายคนอาจคิดว่าเต๋เปลี่ยนไปทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่มาถึงจุดที่ต้องเลิกรา แต่ผู้เขียนคิดว่าปัญหาเกิดจากเต๋ไม่ยอมเปลี่ยนจนถึงขั้นยึดติดต่างหาก อย่างเต๋มีภาพของโอ้เอ๋วคนเดิมและไม่อยากให้มันเปลี่ยนแปลงไปทั้งๆ ที่เมื่อเวลาเปลี่ยน ทุกอย่างก็ต้องเปลี่ยนตาม หรือแม้กระทั่งการเดินตามความฝันแบบยอมหักไม่ยอมงอก็ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเต๋กับขิม (ก้อย-อรัชพร โภคินภากร) ต้องพังทลาย
  • การเข้ามาของไจ๋ยังแสดงถึงพัฒนาการที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้นของโอ้เอ๋ว อย่างตอนที่จับได้ว่าแฟนของตัวเองจูบกับคนอื่น แทนที่จะตีโพยตีพายกลับรอเวลาพิสูจน์ให้ทุกอย่างกระจ่างจริงๆ เสียก่อน ต่างกับเต๋ที่ยังคงเป็นคนมุทะลุ พูดจาไม่รักษาน้ำใจใคร และยังอ่อนไหวเหมือนเดิม

แปลรักฉันด้วยใจเธอ Part 2 เดินทางมาถึงอีพี 4 พร้อมกับจุดเปลี่ยนขัดใจคนดู เรียกว่างานนี้เต๋ (บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล) กับโอ้เอ๋ว (พีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดชกร) เลิกกัน คนอกหักไม่ใช่เฉพาะโอ้เอ๋ว แต่คนดูก็อกหักไปด้วย จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าบทไม่สมเหตุสมผลบ้าง รู้สึกเกลียดและรำคาญเต๋บ้าง แต่ถ้าลองมองย้อนกลับไปตั้งแต่อีพีพิเศษ Last Twilight in Phuket และการเร่งสปีดเวลาในเรื่องหนึ่งอีพีต่อหนึ่งปี ทำให้เดาว่าทีมผู้สร้างคงตั้งใจให้เรื่องราวเดินมาถึงจุดนี้เพื่อให้ทุกอย่างเริ่มต้นใหม่แบบฟูลเทิร์น 360 องศา

 

 

ใน Last Twilight in Phuket เราเริ่มได้เห็นการบอกใบ้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง แม้แต่ภูเก็ตที่เหมือนเป็นเกาะสวาทหาดสวรรค์บรรจุความทรงจำแสนหวานของเต๋และโอ้เอ๋วก็ยังเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นศาลเจ้าหรือหาดลับของทั้งคู่ ทำให้โอ้เอ๋วรู้สึกหวั่นไหวที่จะได้เจอสิ่งใหม่ ในขณะที่เต๋พร้อมจะกระโจนเข้าไปหาตั้งแต่ฉากเปิดในอีพีแรก และก็เป็นโอ้เอ๋วที่เปลี่ยวเหงาในการปรับตัวไปกับสิ่งแวดล้อมใหม่ ส่วนเต๋สนุกสนานกับฝันที่เป็นจริงพร้อมกับประคับประคองความสัมพันธ์ไปพร้อมๆ กัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับกลายเป็นโอ้เอ๋วที่พร้อมจะปรับตัวเปลี่ยนแปลงมากกว่าเต๋

 

หลายคนอาจคิดว่าเต๋เปลี่ยนไปทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่มาถึงจุดที่ต้องเลิกรา แต่ผู้เขียนคิดว่าปัญหาเกิดจากเต๋ไม่ยอมเปลี่ยนจนถึงขั้นยึดติดต่างหาก อย่างเต๋มีภาพของโอ้เอ๋วคนเดิมและไม่อยากให้มันเปลี่ยนแปลงไปทั้งๆ ที่เมื่อเวลาเปลี่ยน ทุกอย่างก็ต้องเปลี่ยนตาม หรือแม้กระทั่งการเดินตามความฝันแบบยอมหักไม่ยอมงอก็ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเต๋กับขิม (ก้อย-อรัชพร โภคินภากร) ต้องพังทลาย

 

สังเกตได้ว่าเต๋ยังคงใส่เสื้อตัวเก่าเหมือนเป็นสัญลักษณ์ว่ายังยึดติดอยู่ในโลกใบเก่าแม้จะอยู่ในสถานที่ใหม่ก็ตาม ส่วนโอ้เอ๋วโดยพื้นฐานเป็นคนที่ยังค้นหาตัวเองจึงพร้อมเปลี่ยนไปตามคนที่อยู่ใกล้ตัว จนกระทั่งได้ค้นพบตัวตนใหม่ ทำให้โอ้เอ๋วมีภาพลักษณ์ภายนอกที่เปลี่ยนไปแต่ใจก็ยังยึดมั่นในเต๋ แม้จะมีหลายๆ ครั้งที่คนหยิบยื่นความสัมพันธ์มาให้แต่ก็ปฏิเสธไปทุกที อย่างฉากที่มีคนเข้ามาขอฟอลโลว์ไอจีหรือไจ๋ (โอบ-โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์) เองก็เคยทอดสะพานให้โอ้เอ๋วเหมือนกัน

 

 

การเข้ามาของไจ๋ยังแสดงถึงพัฒนาการที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้นของโอ้เอ๋ว อย่างตอนที่จับได้ว่าแฟนของตัวเองจูบกับคนอื่น แทนที่จะตีโพยตีพายกลับรอเวลาพิสูจน์ให้ทุกอย่างกระจ่างจริงๆ เสียก่อน ต่างกับเต๋ที่ยังคงเป็นคนมุทะลุ พูดจาไม่รักษาน้ำใจใคร และยังอ่อนไหวเหมือนเดิม การที่เต๋หลงรักไจ๋ไม่ต่างจากที่เต๋เคยหลงรักโอ้เอ๋ว คือหลงรักคนที่ตัวเองรู้สึกชื่นชมในแง่มุมบางอย่าง ถ้าจำกันได้สิ่งที่ทำให้เต๋สนใจโอ้เอ๋วก็คือความเท่และคูล เป็นอินฟลูเอนเซอร์ในอินสตาแกรมในซีซันที่แล้ว ส่วนในซีซันนี้ เต๋ก็รู้สึกชื่นชมไจ๋ในความสามารถและความมุ่งมั่นในความฝันเหมือนๆ กัน ซึ่งจุดนี้เหมือนไจ๋มาอุดช่องว่างในใจเต๋ที่ต้องการคนที่มีความฝันร่วมกัน ก่อนจะถูกความจริงกระแทกหน้าด้วยคำว่า “กูแค่อยากทำให้ฝันของกูเป็นจริง”

 

แปลรักฉันด้วยใจเธอ Part 2 โดนกระแสวิพากษ์วิจารณ์ค่อนข้างหนักถึงขั้นบางคนตั้งใจ ‘เท’ หลังจากอีพี 3 ด้วยเนื้อหาที่ผิดแผกแตกต่างจากขนบของซีรีส์วายที่มักแคปเจอร์ช่วงเวลาแสนหวาน มีพ่อแง่แม่งอนเป็นคอนฟลิกต์บ้างในเรื่อง ซึ่งถ้าใครเคยมีความสัมพันธ์จะรู้ดีว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดก็คือก่อนรักกัน แต่ต่อจากนั้นมักมีปัญหามาเป็นโจทย์ให้ชีวิต ถ้าแก้ได้ก็อยู่กันต่อไป ถ้าแก้ไม่ได้ก็บ๊ายบายแล้วไปเริ่มต้นใหม่ เช่นเดียวกับแปลรักฉันด้วยใจเธอซีซันนี้ ที่ก็เลือกแคปเจอร์แต่ปัญหาและเริ่มใส่ตัวแปรที่เป็นองค์ประกอบรอบข้างเข้ามา เพื่อให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงอันเป็นสัจธรรม ซึ่งถ้ามองในแง่ดีนี่คือชีวิตจริงของ LGBTQ+ ที่อาจไม่ตรงใจคอซีรีส์วายสักเท่าไร

 

 

เอาเข้าจริงซีรีส์เรื่องนี้จะเรียกว่าซีรีส์วายก็เรียกได้ไม่เต็มปาก เพราะแง่มุมที่ค่อนข้างเรียลของชีวิต LGBTQ+ อย่างในซีซันแรกที่พูดถึงการค้นหาและยอมรับตัวเอง หรืออย่างซีซันนี้ก็มีการพูดถึงเรื่องความลื่นไหลทางเพศที่ไม่ต้องมีกรอบบทบาทความเป็นชายหรือหญิง อย่างคู่ของแมงป่อง (พี-สาริษฐ์ ตรัยเลิศวิเชียร) กับปลั๊ก (บอส-กมลพิพัฒน์ บุนนาค) เพื่อนของโอ้เอ๋วที่เทิร์นจากเพื่อนสาวกลายเป็นคู่รักกัน ทำให้เพื่อนตกใจบ้างแต่ก็ทำให้ทุกอย่างดูเป็นเรื่องปกติเหมือนกับที่ตัวละครชายจริงหญิงแท้ไม่ได้เซอร์ไพรส์ที่ผู้ชายกับผู้ชายรักกันและปฏิบัติต่อคู่รักเกย์ไม่ต่างจากคู่รักทั่วไป

 

สำหรับเรื่องราวต่อจากนี้ ผู้เขียนขอเดาแบบแฟนฟิกชันว่าการที่ทีมผู้สร้างเร่งเวลาให้เดินเรื่องหนึ่งปีต่อหนึ่งอีพี ให้ถึงจุดเปลี่ยนเรื่องเพื่อเซตซีโร่แบบฟูลเทิร์น 360 องศา ไปยังจุดเริ่มต้นใหม่ ให้ทั้งคู่กลายเป็นศัตรูเหมือนตอนต้นของซีซันแรก หากแต่ครั้งนี้เต๋และโอ้เอ๋วได้เรียนรู้แล้วว่ารักในจินตนาการกับความสัมพันธ์จริงๆ มันต่างกัน รวมทั้งตัวตนของทั้งคู่ก็ไม่เหมือนเดิม ส่วนตอนจบเต๋กับโอ้เอ๋วจะกลับมารักกันหรือปล่อยให้อดีตแสนหวานเป็นเพียงรักเก่าที่บ้านเกิดก็สุดจะคาดเดาตามประสาซีรีส์ของนาดาวที่หักอกเราอยู่บ่อยๆ เหมือนเต๋หักอกโอ้เอ๋วนั่นแหละ กระซิก…กระซิก…

 

พิสูจน์อักษร: นัฐฐา สอนกลิ่น

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising