×

ขอกอดหน่อยได้ไหม? 5 ข้อควรรู้ว่าด้วยการกอดเพื่อสุขภาพกายใจที่ดีขึ้น

21.12.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins. Read
  • บางครั้งสารออกซิโทซินถูกเรียกว่า ‘ฮอร์โมนของความรัก’ นั่นก็เพราะมันจะหลั่งออกมาขณะคุณก่ายกอด จูบ หรือมีเซ็กซ์ มากกว่าเวลาคุณทำกิจกรรมประจำวันอื่นๆ
  • ผลวิจัยจากสถาบันมักซ์ พลังค์เพื่องานวิจัยทางจิตเวชในเยอรมันกล่าวว่า นอกจากสารดังกล่าวจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นจากความเครียดหรือเหนื่อยล้าแล้ว มันจะช่วยทำให้คุณนอนหลับสบายมากขึ้นด้วย
  • เดวิด โคลว นักบำบัดชีวิตคู่และครอบครัวในเมืองชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาพูดถึง ‘การกอด’ ว่าสำคัญพอๆ กับการพูดคุยกันให้เข้าใจ เนื่องจากพื้นฐานของทุกความสัมพันธ์ คนส่วนใหญ่ต่างอยากเป็นคนที่คนอื่นมาเข้าอกเข้าใจความรู้สึกตัวเองเสมอ

กิริยาการสอดรับร่างกาย หรือเกี่ยวก่ายด้วยวงแขนและแผงอกที่เรียกว่า ‘การกอด’ นั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์ต่างรู้จักและกระทำกันมาตั้งแต่เด็กยันชรา นอกจากจะเป็นการแสดงความรัก การทักทาย หรือการจากลาแล้ว การกอดก็มีประโยชน์กับสุขภาพกายและสุขภาพใจไม่น้อยเช่นกัน

 

THE STANDARD ค้นหาเรื่องราวน่ารู้ของการกอดมาให้คุณได้ลองกลับไปกอดคนใกล้ตัวเพื่อเพิ่มความรู้สึกดีๆ ทั้งกับตัวคุณและคนรอบข้าง

 

 

เปลือยกายก่ายกอด

การเปลือยกายนอนกอดกันของคู่รักนั้นไม่ใช่เรื่องน่าเขินอายแต่อย่างใด เพราะการกอดกันเช่นนั้นจะช่วยกระตุ้นให้ชีวิตรักของคุณดีขึ้น โดยในระหว่างการกอดนั้น ร่างกายจะหลั่งสารออกซิโทซิน (Oxytocin) หรือเรียกง่ายๆ ว่า ‘สารแห่งความสุข’ ออกมา ซึ่งอลิซาเบธ ลอมบาร์โด นักจิตวิทยาและนักกายภาพบำบัดผู้เขียนหนังสือเรื่อง A Happy You: Your Ultimate Prescription for Happiness ได้กล่าวไว้ในหนังสือของเธอ โดยบางครั้งสารออกซิโทซินถูกเรียกว่า ‘ฮอร์โมนของความรัก’ นั่นก็เพราะมันจะหลั่งออกมาขณะคุณก่ายกอด จูบ หรือมีเซ็กซ์ มากกว่าเวลาคุณทำกิจกรรมประจำวันอื่นๆ ซึ่งทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น

 

 

กอดแล้วดีต่อ(หัว)ใจ

คาเรน เกรเวน นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยแห่งนอร์ทแคโรไลนา ชาเปล ฮิลล์ ในประเทศสหรัฐอเมริกาเคยทำการวิจัยโดยให้คู่รักจำนวน 100 คู่นั่งชมคลิปวิดีโอที่เกี่ยวกับความรักหรือเรื่องโรแมนติกความยาว 10 นาที และให้พวกเขากุมมือกันด้วยขณะชม โดยหลังจากชมเสร็จ ผู้ทำวิจัยจะให้คู่รักกอดกันหลวมๆ เป็นเวลา 20 วินาที ซึ่งพบว่าอัตราการเต้นหัวใจช้าลง และความดันโลหิตก็ลดลง นั่นหมายถึงอัตราความตึงเครียดของสมองที่ลดลงไปด้วย ซึ่งล้วนแล้วแต่ส่งผลมาจากการสัมผัสซึ่งกันและกัน ลองนึกภาพว่าถ้าเรานอนกอดกับคนรักในบ่ายวันหยุดที่ลมหนาวโชยมาพร้อมกับดู Netflix ไปด้วยก็คงเป็นเรื่องน่าสนใจเชียวล่ะ!

 

 

กอดกันไว้ ห่างไกลโรค

ถ้าเราบอกว่าการกอดทำให้คุณป่วยน้อยลง คุณจะเชื่อหรือไม่? เราเองก็ไม่เชื่อ จนกระทั่งไปพบกับงานวิจัยชิ้นหนึ่งเมื่อปี 2014 จากมหาวิทยาลัยคาร์เนกี เมลลอน ในสหรัฐอเมริก ซึ่งกล่าวว่า นอกจากการกอดจะทำให้สมองหลั่งสารออกซิโทซินออกมาแล้ว ยังมีการหลั่งสารเซโรโทนิน (Serotonin) หรือฮอร์โมนแห่งความสุขมาพร้อมๆ กัน ซึ่งการที่ฮอร์โมนสองชนิดนี้ทำปฏิกิริยากับร่างกาย มันจะสร้างให้คุณมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงขึ้น ซึ่งผู้ได้รับการกอดมักมีแนวโน้มจะไม่ค่อยเป็นหวัดมากกว่าผู้ที่ไม่ค่อยได้กอดใคร (จริงดิ!?) สงสัยไม่ต้องพึ่งยาแล้วกระมัง นอนกกตัวกอดกันใต้ผ้าห่มอุ่นๆ ก็น่าจะพอแล้ว

 

 

กอดกันแล้วนอนหลับสบาย

ไม่เห็นจำเป็นต้องรู้เลยว่านอนกอดกันแล้วหลับสบายขึ้น แค่เตียงดีๆ นุ่มๆ ผ้านวมหนาๆ ก็หลับสบายมากพอแล้วย่ะ! แต่มันไม่ใช่แค่นั้น การมีเตียงที่ดีก็เป็นเรื่องวิเศษอย่างหนึ่ง แต่การหลับใหลนั้นเป็นเรื่องธรรมชาติของร่างกายต่างหาก และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคุณสวมกอดใครสักคนขณะอยู่บนเตียงจะยิ่งทำให้สารออกซิโทซินหลั่งออกมามากขึ้น ซึ่งมีผลวิจัยจากสถาบันมักซ์ พลังค์เพื่องานวิจัยทางจิตเวชในเยอรมัน ซึ่งกล่าวว่านอกจากสารดังกล่าวจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นจากความเครียดหรือเหนื่อยล้าแล้ว มันยังช่วยทำให้คุณนอนหลับสบายมากขึ้นด้วย เพราะฉะนั้นคุณคู่รักทั้งหลายไม่ควรทะเลาะกันบนเตียงก่อนนอน เราว่ามันไม่น่าจะเวิร์ก!

 

 

กอดแล้วเข้าใจกันมากขึ้น

บางทีการสื่อสารด้วยวาจาอาจจะอธิบายทุกอย่างออกมาได้หมด (อย่างที่ต้องการ) ก็จริง แต่การสื่อสารทางกายด้วยการกอดก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจเช่นกัน เดวิด โคลว นักบำบัดชีวิตคู่และครอบครัวในชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาพูดถึง ‘การกอด’ ว่าสำคัญพอๆ กับการพูดคุยกันให้เข้าใจ เนื่องจากพื้นฐานของการเป็นคู่กันหรือมีความสัมพันธ์กันในครอบครัวนั้น คนส่วนใหญ่ต่างอยากเป็นคนที่คนอื่นมาเข้าอกเข้าใจความรู้สึกของตัวเองเสมอ และการสื่อสารพูดคุยกันคือการแสดงความเห็นอกเห็นใจต่ออีกฝ่าย แต่ถ้าในขณะนั้นคุณไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกอะไร การกอดคือการแสดงท่าทีว่าเราเข้าใจเขามากที่สุด มันเหมือนกับการบอกว่า “ไม่เป็นไรนะ ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว” โดยที่ไม่ต้องใช้คำพูดแม้แต่คำเดียว

 

ลมหนาวเมืองไทยใกล้พัดผ่านไปแล้ว รีบกอดกันไว้เร็ว!

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising