Huawei Technologies ประกาศแผนสร้างเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าความเร็วสูงทั่วประเทศจีน โดยร่วมมือกับ BYD และผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่อีก 10 ราย เพื่อกระตุ้นให้ผู้ขับขี่หันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ด้วยการชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็วภายในไม่กี่นาที โดยมีการโฆษณาว่า ‘กาแฟแก้วเดียวยังไม่ทันหมด รถคุณก็พร้อมออกเดินทางแล้ว
กลุ่มพันธมิตรนี้ประกาศความร่วมมือในการจัดแสดงรถยนต์นานาชาติปักกิ่งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยตั้งเป้าหมายแรกในการพัฒนาประสบการณ์การชาร์จให้เป็นมิตรกับผู้ใช้มากขึ้น
โดย HUAWEI จะเป็นผู้นำในการพัฒนาสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าความเร็วสูง ซึ่งรวมถึงเครื่องชาร์จที่มีกำลังไฟฟ้า 360 กิโลวัตต์ และ 480 กิโลวัตต์ ซึ่งเร็วกว่าเครื่องชาร์จมาตรฐาน 60 ถึง 200 กิโลวัตต์ และยังมีเครื่องชาร์จ 600 กิโลวัตต์อีกด้วย
HUAWEI ตั้งเป้าติดตั้งสถานีชาร์จ 100,000 แห่ง รวมถึงเครื่องชาร์จความเร็วสูงภายในปีนี้ โดยคาดว่าการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จจะช่วยเร่งการเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า
ปัจจุบัน จีนมีสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสาธารณะประมาณ 3 ล้านแห่ง แต่เครื่องชาร์จความเร็วสูงยังมีจำนวนน้อยมาก โดยกลุ่มพันธมิตรนี้ต้องการให้ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสามารถมุ่งเน้นไปที่การผลิตรถยนต์ ในขณะที่ HUAWEI จะเป็นผู้นำในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จ
โดยในเมืองเซินเจิ้น ซึ่งเป็นที่ตั้งของทั้ง HUAWEI และ BYD มีสถานีชาร์จที่มีเครื่องชาร์จความเร็วสูงมากกว่า 360 แห่ง ณ สิ้นเดือนเมษายน ซึ่งมากกว่าจำนวนปั๊มน้ำมัน ทำให้ยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ ซึ่งรวมถึงรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด คิดเป็นกว่า 60% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดในเมือง
อย่างไรก็ตาม การติดตั้งเครื่องชาร์จความเร็วสูงมีค่าใช้จ่ายสูง เนื่องจากเครื่องชาร์จที่มีกำลังไฟฟ้าสูงจะปล่อยความร้อน ซึ่ง HUAWEI ต้องใช้สารหล่อเย็น ซึ่งมีราคาแพงกว่ารุ่นทั่วไปที่ใช้พัดลม นอกจากนี้ การติดตั้งเครื่องชาร์จความเร็วสูงหลายเครื่องในสถานที่เดียวกันยังต้องปรับปรุงระบบสายไฟ ซึ่งทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นอีก
อีกหนึ่งความกังวลคือปัญหาห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะชิป Silicon Carbide (SiC) ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในเครื่องชาร์จความเร็วสูง แต่ส่วนใหญ่ผลิตโดย Infineon Technologies ของเยอรมนีและผู้เล่นต่างชาติรายอื่นๆ ซึ่งหมายความว่า ปัญหาทางการเมืองอาจส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงของจีน
กลุ่มพันธมิตรที่นำโดย HUAWEI ยังตั้งเป้าที่จะทำให้เครือข่ายการชาร์จความเร็วสูงของพวกเขากลายเป็นมาตรฐานสากล ซึ่งอาจทำให้การแข่งขันด้านเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ และจีนรุนแรงขึ้น หลังจากที่ Elon Musk ซีอีโอของ Tesla ประกาศในเดือนนี้ว่าจะลงทุนกว่า 500 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.8 หมื่นล้านบาท เพื่อขยายเครือข่ายสถานีชาร์จเร็วของ Tesla
อ้างอิง:
