ยิ่งนานวัน ‘อุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานไฟฟ้า’ ก็ดูจะได้รับความนิยมโดดเด่นมากเป็นพิเศษในปี 2021 นี้ตีคู่มาติดๆ กับ ‘คริปโตเคอร์เรนซี’ เลยด้วยซ้ำ เพราะยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร ไม่ใช่แค่ภาครัฐบาลในแต่ละประเทศหรือค่ายรถยนต์จะให้ความสำคัญกับการพัฒนายานยนต์พลังงานทางเลือกนี้มากขึ้นเท่านั้น แต่บริษัทเทคโนโลยีต่างก็กระโดดลงมาเล่นในสังเวียนนี้ด้วยตัวเอง เพื่อหวังช่วงชิงความได้เปรียบจากการเข้าถึงข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภค การขับขี่เพื่อต่อยอดการทำประโยชน์เชิงพาณิชย์ต่างๆ
ล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 เมษายนที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่นประเทศจีน Huawei บริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีโทรคมนาคมสัญชาติจีนได้ออกมาเปิดเผยถึงความคืบหน้าของแผนการพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้า ARCFOX Alpha ร่วมกับค่ายรถยนต์ในประเทศอย่าง BAIC ซึ่งไม่เพียงแต่จะใช้เทคโนโลยีของ Huawei เข้ามาเพิ่มความสามารถในการขับเคลื่อนรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น เพราะระบบปฏิบัติการตัวรถก็จะใช้ HarmonyOS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการอัจฉริยะที่ Huawei หวังปูพรมระบบนิเวศให้กับผลิตภัณฑ์ของพวกเขาในด้าน IoT แบบครบวงจรอีกด้วย
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ARCFOX Alpha S HI จะมาพร้อมกับระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการประมวลผลคำสั่งต่างๆ จาก Huawei ใช้เซนเซอร์เรดาร์แบบ 4D Imaging Radar ในการผนวกรวมเข้ากับการใช้งานในโหมดขับเคลื่อนไร้คนขับ (Autonomous Driving Platform) ซึ่งทำงานบนระบบปฏิบัติการ HarmonyOS, ชิปประมวลผล LiDAR และการเชื่อมต่อการสื่อสาร 5G อีกทีหนึ่ง
สอดคล้องกับการเปิดตัวรถยนต์ก่อนหน้านี้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ที่ค่ายรถยนต์ BAIC เพิ่งเปิดตัวยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ARCFOX Alpha S HI ของพวกเขาไป ซึ่งมาพร้อมกับระบบ Huawei HI สนนราคา 388,900 หยวน (ระบบช่วยขับขี่แบบอัตโนมัติในระดับที่ 3)
ทั้งนี้แผนการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าร่วมกับ BAIC เป็นหนึ่งในแนวทางและความตั้งใจของ Huawei ที่หวังจะก้าวขึ้นมาเป็นซัพพลายเออร์ด้านเทคโนโลยีให้กับผู้พัฒนายานยนต์ทั่วโลก หลังจากได้ทุ่มงบกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐอัดฉีดในการทำ R&D ด้านยนตรกรรมอัจฉริยะเพื่อกระจายความเสี่ยงของพอร์ตธุรกิจบริษัท และเพิ่มโอกาสในการหารายได้จากช่องทางใหม่ๆ หลังธุรกิจสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์เน็ตเวิร์กถูกดิสรัปต์จากการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และชาติในประเทศยุโรปบางส่วน
โดยที่ หวัง จุน (Wang Jun) ประธานแผนกโซลูชันยานยนต์อัจฉริยะของ Huawei (Huawei’s Intelligent Car) ได้เปิดเผยความมุ่งมั่นของทีมงานของเขาไว้ว่า ปัจจุบันพวกเขามีบุคลากรมากกว่า 7,000 คนที่ทำงานกับทีมโดยตรง โดยที่ในจำนวนนี้ 5,000 คนจะให้ความสำคัญกับงานวิจัยและพัฒนา ส่วนอีก 2,000 คนโฟกัสไปที่งานด้านการพัฒนายานยนต์ไร้คนขับโดยตรง
อย่างไรก็ดีเขาย้ำว่าจุดยืนของ Huawei ไม่ใช่การผลิตรถยนต์แบรนด์ Huawei ขึ้นมาจำหน่ายเป็นของตัวเอง แต่เป็นการนำเสนอโซลูชันด้านรถยนต์อัจฉริยะที่ครอบคลุมตั้งแต่ฮาร์ดแวร์ ชิ้นส่วนต่างๆ ของรถ ไปจนถึงซอฟต์แวร์ให้กับค่ายผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกมากกว่า ซึ่งต่างจากแนวทางของค่ายคู่แข่งอย่าง Xiaomi ที่ดูจะเอาจริงเอาจังในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขึ้นมาจำหน่ายภายใต้แบรนด์ของตัวเอง
ด้านนักวิเคราะห์มองว่า ‘โอกาส’ ที่ Huawei จะเข้าสู่ตลาดรถยนต์ในฐานะพาร์ตเนอร์ด้านโซลูชันเทคโนโลยีให้กับค่ายรถยนต์ทั่วโลกดูจะมีแต้มต่อเหนือกว่าการเข้าไปเริ่มในฐานะบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ซึ่งจะทำให้พวกเขาสามารถเข้าถึงค่ายรถยนต์ทั่วโลกได้อย่างหลากหลายไม่เฉพาะที่จีนเท่านั้น ประกอบกับความต้องการในตลาดโซลูชันเทคโนโลยีของรถยนต์ก็ยังคงเพิ่มขึ้นสูงอย่างต่อเนื่องด้วยในห้วงเวลา ณ ปัจจุบัน
พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ
อ้างอิง:
