HSBC กลายเป็นธนาคารล่าสุดในวอลล์สตรีทที่ปรับลดคาดการณ์ดัชนี S&P 500 สิ้นปีนี้ โดยอ้างถึงความไม่แน่นอนจากภาษีศุลกากรที่ยังคงเป็นอุปสรรคต่อภาคธุรกิจ
Nicole Inui หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ตราสารทุนประจำภูมิภาคอเมริกาของ HSBC ได้ปรับลดเป้าหมายดัชนี S&P 500 สิ้นปีนี้ลงมากกว่า 16% จาก 6,700 เหลือ 5,600 ซึ่งคาดการณ์ใหม่นี้บ่งชี้ว่าดัชนีตลาดโดยรวมจะสิ้นปีอยู่ใกล้ระดับปัจจุบัน หรือเพิ่มขึ้นเพียงประมาณ 1% จากระดับราคาปิดเมื่อวันจันทร์ที่ 5,528.75
Nicole ซึ่งย้ายมาร่วมงานกับ HSBC หลังจากเคยทำงานที่ Bank of America และ McKinsey & Co. ยังได้ปรับลดคาดการณ์รายได้ (earnings) ของดัชนี S&P 500 สำหรับปีนี้ลง 5% เหลือ 255 ดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ และชี้ให้เห็นว่าการเติบโตของกำไรทั้งปีจะอยู่ที่เพียง 6%
มุมมองที่เป็นลบมากขึ้นจาก HSBC เกิดขึ้นในขณะที่นักลงทุนสหรัฐฯ ยังคงเผชิญกับผลกระทบจากนโยบายภาษีศุลกากรล่าสุดของประธานาธิบดี Donald Trump โดยเฉพาะต่อประเทศคู่ค้าสำคัญอย่างจีน ซึ่งนักลงทุนกังวลว่าอาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานและทำให้การขนส่งล่าช้า
เมื่อช่วงเช้าวันอังคารที่ผ่านมา (29 เมษายน) ท่าเรือลอสแอนเจลิส เปิดเผยว่าปริมาณการขนส่งจะลดลงถึง 35% ในสัปดาห์หน้า เนื่องจากผลกระทบของภาษีศุลกากรจากจีนเริ่มส่งผลอย่างรุนแรง
เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว Nicole แนะนำให้นักลงทุนจัดพอร์ตอย่างระมัดระวัง โดยชี้ว่าในช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอนสูง ตลาดมักจะปรับฐานลงได้มากถึง 25% ในอดีต ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงอาจทำให้ตลาดร่วงลงได้ถึง 30% จากจุดสูงสุด โดยเธอระบุว่า กลุ่มสินค้าจำเป็นและสุขภาพมักมีผลตอบแทนดีกว่าตลาดในช่วงเศรษฐกิจถดถอย ส่วนในช่วงภาวะเงินเฟ้อสูงควบคู่กับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว (Stagflation) กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์และสุขภาพมักทำผลตอบแทนได้ดี
“เราคาดว่าสถานการณ์ในตลาดจะสลับไปมาระหว่างความกังวลเรื่อง Recession และ Stagflation จนกว่าความวุ่นวายจากภาษีจะคลี่คลาย ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เริ่มผ่อนคลายนโยบาย หรือแรงกดดันเงินเฟ้อไม่ขยายตัวต่อไป แม้เราคาดว่า Fed จะลดดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน แต่ความกังวลเกี่ยวกับภาษีและเงินเฟ้ออาจต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะบรรเทา”
เป้าหมายใหม่ของ HSBC ถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ต่ำที่สุดในวอลล์สตรีท แม้จะมีนักกลยุทธ์หลายรายที่ปรับลดมุมมองต่อตลาดหุ้นเพื่อสะท้อนผลกระทบจากภาษีที่สูงขึ้น จากการสำรวจนักกลยุทธ์ตลาดปี 2025 ของ CNBC แสดงให้เห็นว่า Bank of America Merrill Lynch เพิ่งปรับลดคาดการณ์ลงมาอยู่ที่ 5,600 จากเดิมที่เริ่มต้นปีไว้ที่ 6,666 ขณะที่ Goldman Sachs ก็ปรับลดคาดการณ์จาก 6,500 เหลือ 5,700
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้นในวันอังคาร โดยแตะระดับสูงสุดในรอบวัน
ขณะที่ทำเนียบขาวเผยว่าใกล้จะมีการประกาศข้อตกลงการค้าสำคัญ
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดที่ 40,527.62 จุด เพิ่มขึ้น 300.03 จุด หรือ 0.75% ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดที่ 5,560.83 จุด เพิ่มขึ้น 0.58% ดัชนีทั้ง 2 ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 6 ทางด้านดัชนี Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 0.55% ปิดตลาดที่ 17,461.32 จุด
หุ้นหลักที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า เช่น General Motors และ Apple ร่วงลงจากระดับต่ำสุดในช่วงบ่ายของการซื้อขาย GM กล่าวเมื่อเช้าวันอังคารว่ากำลังประเมินแนวทางในอนาคตอีกครั้งและระงับการซื้อหุ้นคืนเนื่องจากรอความชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบจากการจัดเก็บภาษี อย่างไรก็ตาม GM ปิดตลาดวันนี้ที่ระดับลดลง 0.6% ในขณะที่ Apple ขยับขึ้นเล็กน้อย 0.5%
พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในเดือนเมษายน โดยผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลงต่ำกว่า 4.2% ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่
อ้างอิง: