×

ธปท. เตรียมออกหนังสือเวียน ห้ามแบงก์ทำแคมเปญกระตุ้นคนก่อหนี้โดยไม่จำเป็น เล็งกำหนดรายได้ผู้กู้สินเชื่อไม่มีหลักประกันแก้หนี้ครัวเรือน

03.10.2022
  • LOADING...
ธปท.

ธปท. ตั้งเป้าลดหนี้ครัวเรือนกลับสู่ระดับยั่งยืน หรือต่ำกว่า 80% ของ GDP เตรียมออกหนังสือเวียน ห้ามแบงก์ทำแคมเปญกระตุ้นคนก่อหนี้โดยไม่จำเป็น เล็งกำหนดรายได้ผู้กู้สินเชื่อไม่มีหลักประกันยกระดับคุณภาพหนี้

 

เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภารกิจที่ ธปท. จะให้ความสำคัญในปี 2566 คือการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนของไทยซึ่งสะสมมานานและถูกซ้ำเติมให้รุนแรงขึ้นในช่วงวิกฤตโควิด เห็นได้จากปี 2553 หนี้ครัวเรือนอยู่ที่ 60% ต่อ GDP ผ่านไป 10 ปี หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นเป็น 80% ในปี 2562 และเพิ่มขึ้นเป็น 90% ในไตรมาส 1/64 จากโควิด และล่าสุด ไตรมาส 2/65 ลดลงมาอยู่ที่ 88% 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


ผู้ว่า ธปท. ระบุว่า เป้าหมายของ ธปท. คือการทำให้หนี้ครัวเรือนกลับมาอยู่ในจุดที่ยั่งยืน หรืออยู่ในเกณฑ์สากลที่ไม่เกิน 80% ของ GDP ซึ่งจะเป็นระดับที่เอื้อให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อได้อย่างไม่เปราะบาง อย่างไรก็ตาม การจะไปถึงเป้าหมายดังกล่าวจำเป็นต้องใช้เวลา เพราะแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนต้องมี 3 องค์ประกอบหลัก คือ 

 

  1. ทำอย่างครบวงจร สอดคล้องกับลักษณะและสาเหตุของปัญหาในแต่ละช่วงของการเป็นหนี้ โดยตั้งแต่ก่อนก่อหนี้ ต้องสร้างวินัยทางการเงินให้ลูกหนี้ ขณะที่เจ้าหนี้ต้องปล่อยหนี้อย่างมีคุณภาพ สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ และให้ข้อมูลที่เพียงพอต่อการตัดสินใจของผู้กู้ 

 

  1. ทำอย่างถูกหลักการ โดยพิจารณาแนวทางที่เหมาะสม รู้ว่าอะไรควรทำและไม่ควรทำ ต้องแก้หนี้ให้ตรงจุด สอดคล้องกับปัญหาของลูกหนี้ ไม่ทำแบบวงกว้าง เพราะภาคการเงินจะมีทรัพยากรเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่ต้องการจริงๆ ได้น้อยลง ไม่สร้างภาระเพิ่มให้กับลูกหนี้ในอนาคต เช่น พักชำระหนี้ไปเรื่อยๆ จนลูกหนี้มีภาระดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ไม่ลดโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อ เช่น ลบหรือแก้ประวัติสินเชื่อของลูกหนี้ จนสถาบันการเงินไม่รู้จักลูกหนี้และไม่กล้าปล่อยสินเชื่อ และเจ้าหนี้และลูกหนี้ต้องร่วมมือและตั้งใจจริงในการแก้ไขหนี้ 

 

  1. บูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาคการเงินในฐานะเจ้าหนี้ ที่ต้องให้สินเชื่อใหม่โดยคำนึงถึงศักยภาพลูกหนี้ในการชำระหนี้มากขึ้น พร้อมทั้งให้ข้อมูลที่ไม่กระตุ้นการก่อหนี้เกินตัว ภาครัฐ มีบทบาทในการสร้างรายได้และเตรียมโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะด้านข้อมูล ที่เอื้อต่อการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน 

 

รณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ธปท. ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า การแก้หนี้ครัวเรือนของ ธปท. จะให้ความสำคัญกับ 3 เรื่อง คือ 

 

  1. การลดหนี้เดิม เพื่อช่วยเหลือกลุ่มลูกหนี้ที่ยังมีความเปราะบาง เพราะแม้เศรษฐกิจไทยจะปรับดีขึ้นจากผลกระทบของโควิด และคาดว่าจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง แต่การฟื้นตัวในแต่ละภาคส่วนยังไม่เท่าเทียม (K-Shaped) โดยเฉพาะผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ที่ยังเจอกับภาวะค่าครองชีพสูง ซึ่งอาจยิ่งซ้ำเติมและทำให้ปัญหาหนี้ครัวเรือนรุนแรงขึ้น จนอาจกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะต่อไป

 

  1. การปล่อยสินเชื่อใหม่อย่างมีคุณภาพ หรือ Responsible Lending โดยสถาบันการเงินต้องไม่ส่งเสริมให้ผู้กู้ก่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือก่อหนี้โดยไม่จำเป็น 

 

“ในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า ธปท. จะออกหนังสือเวียนให้สถาบันการเงินระวังการโฆษณาหรือทำแคมเปญต่างๆ ว่าจะต้องไม่กระตุกพฤติกรรมของผู้กู้ให้ก่อหนี้โดยไม่จำเป็น และในระยะต่อไปเราจะเข้าไปดูเรื่องรายได้สุทธิของผู้กู้ในส่วนสินเชื่อไม่มีหลักประกันว่าควรเป็นเท่าไร จะกำหนดรายได้ของผู้กู้ เพื่อให้คุณภาพหนี้ปรับตัวดีขึ้นในอนาคต แต่เรื่องนี้ยังไม่ได้กำหนดกรอบเวลา” รณดลกล่าว

 

  1. การให้ความรู้และส่งเสริมวินัยทางการเงิน หรือ Financial Literacy ซึ่ง ธปท. ต้องการเจาะเข้าไปในกลุ่มคนเริ่มทำงาน หรือ First Jobbers และกลุ่มผู้นำชุมชนมากขึ้น โดยปัจจุบัน ธปท. มีความร่วมมือกับหน่วยงานและองค์กรต่างๆ อยู่มากกว่า 10 แห่ง เช่น กรุงเทพมหานคร และกระทรวงมหาดไทย

 

ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวเสริมอีกว่า นอกจากการดูแลหนี้ครัวเรือนแล้ว แผนงานในปี 2566 ของ ธปท. ยังได้กำหนดหางเสือสำคัญที่จะถูกใช้เป็นแนวทางการดำเนินนโยบายไว้อีก 4 ด้าน ได้แก่

 

เรื่องแรก คือ การส่งเสริมให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างราบรื่นและไม่สะดุด หรือ Smooth Takeoff เนื่องจากเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันยังฟื้นตัวจากวิกฤตโควิดได้ช้ากว่าประเทศอื่นๆ ซึ่งการจะทำให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างไม่สะดุดได้ สิ่งสำคัญคือ การดูแลเงินเฟ้อไม่ให้สูงเกินไป ขณะเดียวกันก็ต้องดูแลให้ภาวะการเงินไม่ตึงตัวเกินไปจนภาคการเงินไม่สามารถเล่นบทบาทส่งเสริมการฟื้นตัวได้ ดังนั้นจึงจำเป็นที่ต้องดำเนินนโยบายการเงินของ ธปท. กลับเข้าสู่ภาวะปกติเพื่อควบคุมเงินเฟ้อให้ได้

 

“การดำเนินนโยบายการเงินให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ หรือ Policy Normalization จำเป็นต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไปให้เหมาะสมกับบริบทเศรษฐกิจ ขณะที่มาตรการทางการเงินก็ต้องปรับจากที่เคยปูพรมแบบกว้างๆ ไปสู่มาตรการเฉพาะเจาะจงและตรงจุดมากขึ้น” เศรษฐพุฒิกล่าว

 

เรื่องที่สอง คือ การให้ความสำคัญกับกระแสความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม หรือ Green ซึ่งเป็นประเด็นที่ประเทศในแถบยุโรปกำลังหยิบยกมาเป็นมาตรการกีดกันทางการค้าที่จะมีเงื่อนไขต่างๆ เพิ่มเข้ามา และส่งผลให้การแข่งขันของไทยทางด้านการค้าระหว่างประเทศลดลง ดังนั้นหากไทยไม่ตื่นตัวให้เร็ว ผลกระทบที่จะตามมาอาจสร้างปัญหาที่ทำให้เศรษฐกิจสะดุดตัว 

 

“เป้าหมายของเราคือทำให้ภาคการเงินช่วยสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืนกว่านี้ ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ ธปท. ได้ออก ‘ทิศทางการพัฒนาสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ภายใต้ภูมิทัศน์ใหม่ภาคการเงินไทย’ ที่จะถูกใช้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนภาคการเงินให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนให้ภาคธุรกิจและประชาชนทยอยปรับตัวไปสู่เศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างราบรื่น ตามเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของประเทศ” ผู้ว่าการ ธปท. กล่าว

 

เรื่องต่อมา คือ การเตรียมพร้อมรับกระแสการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีดิจิทัล โดยการจัดวางโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสจากการเปลี่ยนแปลง และสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นได้ โดยในช่วงที่ผ่านมา ธปท. ได้พัฒนาระบบพร้อมเพย์ (PromptPay) ระบบการชำระเงินผ่าน QR Code ที่สามารถต่อยอดเชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคได้อย่างสะดวกมากขึ้น 

 

“ในอนาคตเราจะต่อยอดด้วยการเชื่อมระบบการชำระเงินระหว่างประเทศกับประเทศต่างๆ เพิ่มมากขึ้น รวมถึงจะมีบริการพร้อมบิซ (PromptBiz) ที่เป็นบริการทางการเงินที่ใช้สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก และ SMEs ที่จะเกิดใหม่ขึ้นมา ช่วยลดต้นทุนในด้านการทำงานให้มีความสะดวกมากขึ้น และลดการใช้เอกสารโดยไม่จำเป็น เช่น การชำระเงินระหว่างบริษัทจะบันทึกใบเสร็จในระบบดิจิทัล เป็นต้น” เศรษฐพุฒิกล่าว

 

และเรื่องสุดท้าย คือ การพัฒนาองค์กรด้วยกระบวนการด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์เชิงกลยุทธ์ หรือ HROD) โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรให้มีความเท่าทันการเปลี่ยนแปลงและกระแสต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนโลก

 

“ทั้งหมดนี้จะเป็น 5 หางเสือที่ ธปท. จะใช้ขับเคลื่อนการทำงานในปีหน้า” ผู้ว่าการ ธปท. กล่าว

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X