จุดเริ่มต้นของการสิ้นสุด อาจจะเป็นนิยามของ House of the Dragon EP.1 ซึ่งเปิดเรื่องด้วยยุครุ่งเรืองของตระกูลทาร์แกเรียน เมื่อครั้งยังปกครองเวสเทอรอส โดยศูนย์กลางสำคัญอยู่ที่ Dragonstone อ่าว Black Water
ซีรีส์เปิดให้เห็นความรุ่งโรจน์ของทาร์แกเรียนที่ปกครองทั้ง 7 อาณาจักรมาอย่างราบรื่นนับร้อยปี อาศัยพลังในการควบคุมมังกรเป็นอำนาจที่ใครก็มิอาจต่อสู้ โดยกษัตริย์ผู้ปกครองจะส่งต่ออำนาจจากรุ่นสู่รุ่น พยายามคัดเลือกให้ได้ผู้สืบทอดที่ดีที่สุด เพราะพวกเขาล้วนรู้ดีว่า อำนาจที่แข็งแกร่งนั้นจะพังทลายลงได้ก็เพราะคนในสายเลือดมังกรเดียวกันนี่เอง
ต้นเรื่อง และใครเป็นใครใน House of the Dragon
กษัตริย์เจแอรีส ทาร์แกเรียน ได้เลือกผู้สืบทอดบัลลังก์ ระหว่าง 2 ทางเลือก และตัดสินใจยกตำแหน่งให้กับหลานชายคนโต วิเซริส ทาร์แกเรียน ขณะที่ลูกสาวอย่าง เรนิส ทาร์แกเรียน พลาดตำแหน่งเพราะเป็นผู้หญิง จากนั้นเธอได้รับการขนานนามว่า ‘ราชินีที่ไม่เคยเป็น’
ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แต่คลื่นใต้น้ำไม่มีวันสงบ เมื่อกษัตริย์วิเซริสยังไม่มีลูกชายมาสืบทอดบัลลังก์ มีเพียง เจ้าหญิงเรเนียรา ทาร์แกเรียน เป็นสายเลือดเพียงคนเดียว ส่วน เจ้าชายเดมอน ทาร์แกเรียน น้องชายสายโหดจัดของวิเซริส ด้วยความที่สภามองว่าจะสร้างความปั่นป่วน จึงได้ส่งเขาไปอยู่ไกลจากเวสเทอรอส แต่เขาก็ย่อมกลับมาทวงถามสิทธิ์ในบัลลังก์ของตนเช่นกัน
ในช่วงครึ่งแรกของ House of the Dragon เป็นการปูพื้นฐานให้คนดูได้ทำความรู้จักตัวละครและความน่าจะเป็นของพวกเขาอย่างรวดเร็ว นั่นทำให้เราได้รู้จักกับสองพ่อลูกที่มีแนวโน้มจะเป็นตัวละครสำคัญอย่าง ออตโต ไฮทาวเวอร์ ราชหัตถ์ หรือตำแหน่งมือขวาที่มีอำนาจรองจากกษัตริย์ และลูกสาวของเขา แอลิเซนต์ ไฮทาวเวอร์ หญิงงดงามที่ใกล้ชิดกับกษัตริย์ และเป็นคนสนิทของเจ้าหญิงเรเนียราอีกด้วย
นอกจากผู้มีสิทธิ์สืบทอดบัลลังก์เหล็ก ตัวละครที่น่าสนใจอีกคู่ก็คือ เจ้าหญิงเรนิส ทาร์แกเรียน ราชินีที่ไม่เคยเป็น ลูกสาวของกษัตริย์เจแอรีส และสามีของเธอ ลอร์ดคอร์ลิส เวแลเรียน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิทธิพลคนสำคัญของเวสเทอรอส เป็นผู้สืบทอดเชื้อสายวาลีเรีย อาณาจักรเก่าแก่ของต้นบรรพบุรุษสายเลือดมังกร ที่อาจกลายเป็นตัวพลิกเกม หรือสร้างแรงขับเคลื่อนอะไรหลายๆ อย่างให้กับเรื่องราว
House of the Dragon เมื่อเชื่อมโยงกับ Game of Thrones
เรื่องราวในซีรีส์ House of the Dragon ตรงกับช่วงเวลา 172 ปีก่อนการเสียชีวิตของ The Mad King หรือที่เราเคยได้ยินใน Game of Thrones มาตลอด ก็คือ กษัตริย์แอริส ทาร์แกเรียน ที่ถูก โรเบิร์ต บาราเธียน ปฏิวัติยึดอำนาจ และขึ้นปกครองทั้ง 7 อาณาจักรนับจากนั้น
ซึ่งกษัตริย์แอริส ทาร์แกเรียน ก็คือพ่อของ วิเซอริส และ แดเนริส ทาร์แกเรียน ที่แฟนซีรีส์จำกันได้ขึ้นใจกับฉายาแม่มังกรที่ฝ่าฟันชีวิตสู้กลับมาตลอด 7 ซีซันของ Game of Thrones นั่นเอง ดังนั้นการที่แม่มังกรแดเนริสจะย้ำนักหนาว่าเธอเป็นสายเลือดตระกูลทาร์แกเรียนที่ยิ่งใหญ่คนสุดท้าย และเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์เหล็กโดยชอบธรรมนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงแต่อย่างใด
และถ้ายังสงสัยว่า กษัตริย์แอริส ทาร์แกเรียน ทำไมยังไม่ได้ปรากฏตัวใน House of the Dragon EP.1 ก็ไม่ต้องแปลกใจอะไรนัก เพราะยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะเกิดขึ้นมา ต้องรอให้ผ่านพ้นความวุ่นวายที่กำลังจะเกิดขึ้น ก่อนจะสืบสายเลือดตระกูลทาร์แกเรียนไปอีกหลายรุ่น
แต่ถึงอย่างนั้น House of the Dragon ก็เปิดตัวได้อย่างน่าติดตาม ทั้งกลิ่นอายแบบ Game of Thrones โดยแท้ ความอลังการของงานสร้าง งาน CG เซ็ตฉาก การแต่งตัว ไปจนถึงภาพจำอย่างฉากต่อสู้ดุเดือด ฉากหวาดเสียวที่เต็มไปด้วยเลือด รวมถึงฉากความสัมพันธ์ในแบบที่นานแล้วไม่ได้ดู
เหนืออื่นใดในซีรีส์ House of the Dragon แค่อีพีแรกก็มีฉากมังกรแล้ว และไม่ใช่แค่ตัวเดียว!
เลือดมังกร ก็คือเลือดของวาลีเรียที่สืบทอดในตระกูลทาร์แกเรียน
อย่างหนึ่งที่ค่อนข้างเน้นย้ำกันใน House of Dragon EP.1 คือความบริสุทธิ์ ความทรงพลัง และความเป็นผู้ชายของสายเลือดมังกร ที่ทำให้พวกเขาอยู่เหนือกว่าคนอื่นๆ และคุมอำนาจการปกครองเวสเทอรอสมายาวนานถึง 300 ปี
ตระกูลทาร์แกเรียน สืบเชื้อสายมาจากชนเผ่าโบราณวาลีเรียน บรรพบุรุษของทาร์แกเรียนที่มีเอกลักษณ์เด่นคือผมสีเงิน มีความสามารถในการควบคุมมังกร และทนทานต่อความร้อนของไฟได้กว่ามนุษย์ทั่วไป นั่นจึงทำให้การสืบสายตระกูลทาร์แกเรียนค่อนข้างจะวนเวียนกันในเครือญาติ เพื่อให้ได้สายเลือดบริสุทธิ์ที่สุด ดังนั้น เราจึงได้เห็นหลายครั้งที่มีการแต่งงานกันระหว่างพี่น้องเกิดขึ้น เพื่อให้ได้ทายาทสืบตระกูลสายเลือดมังกรบริสุทธิ์
จริงๆ แล้วคอนเซปต์การครองอำนาจ การรักษาฐานอำนาจโดยไม่สนใจความเป็นพี่น้อง เป็นพ่อลูก ในซีรีส์ House of the Dragon หรือกระทั่ง Game of Throens เอง ก็คงไม่ต่างกับเรื่องการเมืองในยุคสมัยไหนๆ หรือในหนังสือนิยายประวัติศาสตร์เล่มไหนๆ แต่ความน่าติดตามอย่างหนึ่งก็คือ การที่เราได้ร่วมเดินทางไปบนหลุมพรางพร้อมๆ กับเหล่าตัวละครที่ไม่อาจคาดเดาอนาคตได้เลย
การได้เห็นแผนการสืบทอดอำนาจที่ให้สิทธิ์กับผู้ชายเป็นตัวเลือกแรกก่อน ทิ้งให้ผู้หญิงเป็นเพียงตัวเลือกที่สอง ซึ่งพวกเธอเองก็ต้องสู้รบในสนามรบแบบของเธอ ทั้งการสร้างความปั่นป่วน การให้กำเนิดทายาทที่อาจชี้เป็นชี้ตายให้กษัตริย์ ไหนจะเล่ห์กลที่ใช้ความงามให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ นั่นทำให้ House of the Dragon ที่เป็นเพียงเรื่องแต่ง ในบางทีก็ดูไม่ได้ต่างไปจากเรื่องจริง
อ่านต่อ:
House of the Dragon ซีรีส์ภาคแยกที่ดัดแปลงจาก ‘Fire & Blood’ ของ George R.R. Martin เขียนบทโดย Ryan Condal, Sara Hess กำกับโดย Clare Kilner, Geeta V. Patel และ Greg Yaitanes นำแสดงโดย Paddy Considine, Matt Smith, Olivia Cooke, Emma D’Arcy, Steve Toussaint, Eve Best, Fabien Frankel, Sonoya Mizuno และ Rhys Ifans
มีทั้งหมด 10 อีพี โดยจะฉายสัปดาห์ละ 1 อีพี ทุกเช้าวันจันทร์ (เวลาประเทศไทย) ทาง HBO GO
ตัวอย่างซีรีส์
