เดือนมิถุนายนกำลังจะเป็นเดือนที่ประชาชนในประเทศไทยได้เข้ารับการฉีดวัคซีนอย่างเป็นทางการ หลังจากที่แพลตฟอร์มต่างๆ ของรัฐบาลได้เปิดให้ลงทะเบียนตลอดเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งอย่างที่เราทราบกันดีว่า วัคซีนไม่ว่าจะเป็น Sinovac, AstraZeneca หรือ Sinopham ที่กำลังจะเข้ามาเป็นวัคซีนทางเลือกนั้น ต่างมีผลข้างเคียงด้วยกันทั้งสิ้น ทำให้การศึกษาข้อมูลที่จำเป็น รวมถึงการป้องกันพฤติกรรม การรับประทานอาหารหรือยา ที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่ออาการรุนแรง ถือเป็นเรื่องจำเป็นมาก
หนึ่งในจำนวนของยาที่กำลังอยู่ในความสนใจของประชาชนตอนนี้คือ ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมน ซึ่งล่าสุดทาง พล.อ.ท. นพ.การุณ เก่งสกุล ประธานราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการในวันนี้ (31 พฤษภาคม) สรุปโดยย่อได้ว่า สำหรับกรณีการเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 นั้น ผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมอยู่ด้วยไม่พบว่ามีความเสี่ยงในการเกิดหลอดเลือดดำอุดตันแต่อย่างใด และผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิดฮอร์โมนทุกชนิดสามารถฉีดวัคซีนได้โดยไม่จำเป็นต้องหยุดการใช้ ทั้งนี้ หากยังมีความกังวลสามารถหยุดและใช้วิธีอื่นๆ เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ได้
รายละเอียดฉบับเต็มของประกาศจากราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย เกี่ยวกับข้อแนะนำเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโคิด-19 ในผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมน มีดังต่อไปนี้
1. ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนที่มีเอสโตรเจนเป็นส่วนประกอบ ได้แก่ ยาเม็ด ยาฉีดคุมกำเนิด และแผ่นยาปิดผิวหนังคุมกำเนิด มีผลเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดหลอดเลือดดำอุดตันได้มากกว่าผู้ที่ไม่ได้ใช้วิธีการดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ภาวะดังกล่าวพบได้น้อยมากในสตรีไทย และยังพบได้น้อยกว่าในสตรีตั้งครรภ์ซึ่งมีระดับเอสโตรเจนสูงมากตามธรรมชาติ
2. ข้อมูล ณ ปัจจุบัน ซึ่งรวบรวมจากการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในสตรีทั่วโลกและในประเทศไทย ซึ่งมีผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก “ไม่พบว่ามีการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดหลอดเลือดดำอุดตันแต่อย่างใด”
3. ผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิดฮอร์โมนทุกชนิด ฃสามารถรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้โดยไม่จำเป็นต้องหยุดการใช้
4. หากยังมีความกังวลใจและต้องการหยุดการใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมน ควรใช้วิธีการคุมกำเนิดอื่นๆ มาทดแทนเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง: