เศรษฐกิจฮ่องกงเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิคเป็นครั้งแรกในรอบสิบปี สืบเนื่องจากผลกระทบของวิกฤตการประท้วงในฮ่องกง และสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ โดยผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของฮ่องกงหดตัวถึง 3.2% ในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นการติดลบสองไตรมาสติด หลังจากที่ไตรมาส 2 หดตัว 0.5%
ทางการฮ่องกงระบุว่า เศรษฐกิจในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายนได้รับผลกระทบจากภาคการส่งออก และการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคในประเทศที่ชะลอลงตัวอย่างมาก รวมถึงความเสียหายจากการสูญเสียรายได้จากนักท่องเที่ยว สืบเนื่องจากสถานการณ์การประท้วงที่ตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้การหดตัวทางเศรษฐกิจสองไตรมาสติดต่อกัน ถือเป็นการเกิดภาวะถดถอยในทางเทคนิค ขณะที่นักวิเคราะห์เชื่อว่า นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของวิกฤตเศรษฐกิจขาลงในระยะยาว ซึ่งจะทำลายภาพลักษณ์การเป็นศูนย์กลางทางการเงิน และการทำธุรกิจของฮ่องกง
โดย ไอริส ผัง นักเศรษฐศาสตร์จีนแห่งธนาคาร ING คาดว่าการหดตัวของ GDP ฮ่องกงจะดำเนินต่อเนื่องไปถึงปี 2020 ซึ่งจะกลายเป็นการถดถอยทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่การถดถอยทางเทคนิคเท่านั้น
ทั้งนี้วิกฤตการเมืองในฮ่องกงที่ยืดเยื้อมานานหลายเดือน ทำให้ยอดนักท่องเที่ยวหดตัวลงถึง 1 ใน 3 เช่นเดียวกับยอดค้าปลีกที่ร่วงลงอย่างมาก นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทางธุรกิจและการลงทุน
ทั้งนี้เศรษฐกิจรายไตรมาสที่หดตัว 3.2% ถือเป็นตัวเลข GDP ที่ย่ำแย่ที่สุดของฮ่องกงนับจากเกิดวิกฤตการเงินทั่วโลกในปี 2008 โดยเศรษฐกิจภาพรวมตลอดทั้งปีนี้อาจขยายตัวเพียง 0.5% หรืออาจเลวร้ายถึงขั้นหดตัว 2.9%
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: