หากต้องมองหาข้อดีสักเรื่องในช่วงโควิด-19 ผู้เขียนคงนึกถึงปรากฏการณ์ฝากร้านของกลุ่มมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นราวกับตลาดขนาดใหญ่ในโลกเสมือน หลายร้านเป็นแบรนด์น้องใหม่ที่เพิ่งเกิดช่วงล็อกดาวน์ เมื่อออกไปไหนไม่ได้และมีกิจกรรมให้เลือกทำไม่มาก เราจึงได้เห็นว่าที่มาสเตอร์เชฟคนต่อไปงัด ‘เมนูเด็ด’ ออกมาทำขายเพื่อแบ่งปันให้ลูกค้าได้ลิ้มลองฝีมือตัวเอง
คี้เอ็งพานิช คือแบรนด์ซอสพริกโฮมเมดที่เพิ่งเกิดในยุคที่เรากำลังพูดถึง เป็นซอสพริกที่กลั่นจากความตั้งใจของ ไมค์-สมภพ ภู่ธนะพิบูล เชฟหนุ่มชาวระยองที่อยากเผยแพร่ซอสพริกสูตรเฉพาะตัวให้ลูกค้าได้ชิม ‘ความเผ็ด’ ในแบบของเขาดูสัก (หลายๆ) ครั้ง
“คำว่า ‘คี้เอ็ง’ มาจากชื่อภาษาจีนของผมที่อากงเป็นคนตั้งให้ เอามารวมกับคำว่า ‘พานิช’ ให้ดูเกี่ยวข้องกับการค้าขายมากขึ้น ส่วนตราสินค้าออกแบบมาจากรูปถ่ายตัวเองตอนเด็ก ตั้งใจให้มันเป็นภาพจำว่าถ้าอยากกินซอสพริกที่อร่อยต้องนึกถึงเด็กชายเล่นชิงช้าคนนี้
“ซอสพริกสูตรของเรามีรสชาติเผ็ดนำ แต่เป็นเผ็ดที่กินได้เรื่อยๆ ผมอยากให้คนกินคำแรกแล้วรู้สึกว่ามันเผ็ดแต่อร่อย แล้ว After Taste ค่อยตามด้วยรสเปรี้ยว หวาน เค็ม ที่บาลานซ์กันอย่างพอดี ไม่มีรสชาติไหนแย่งซีนเป็นพิเศษ”
ก่อนเริ่มทำคี้เอ็งพานิช ไมค์เคยทำงานที่ร้าน Bo.lan อยู่นานเกือบ 3 ปี เขามี เชฟโบ-ดวงพร ทรงวิศวะ และเชฟดีแลน โจนส์ เป็นเหมือนอาจารย์ที่คอยถ่ายทอดมายด์เซตการทำอาหารที่ดีให้กับเขา โดยเฉพาะเรื่องความเคารพที่มีต่อวัตถุดิบ หัวใจสำคัญที่เชฟโบเน้นย้ำกับลูกทีมทุกครั้งก่อนเข้าครัว
“เชฟโบสอนให้ผมเห็นความสำคัญของการเลือกใช้วัตถุดิบ องค์ประกอบทุกอย่างที่ทางร้านเสิร์ฟ เขาต้องตามไปดูถึงแหล่งเพาะปลูก ต้องรู้ว่าผักชนิดนี้มาจากฟาร์มไหน ผ่านการเลี้ยงดูมาอย่างไร สามารถอธิบายที่มาที่ไปของอาหารแต่ละจานได้หมด ผมจึงซึมซับเรื่องนี้มาใช้กับการทำซอสพริกของตัวเอง พยายามพิถีพิถันกับการสรรหาวัตถุดิบให้ได้มากที่สุด
“ผลผลิตทางการเกษตรอย่างพริก กระเทียม รากผักชี ผมเลือกซื้อเฉพาะที่ปลูกในพื้นที่จังหวัดระยอง ส่วนน้ำตาลมะพร้าว ผมเลือกใช้น้ำตาลเพียรหยดตาลของชาวตำบลนางตะเคียน จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นน้ำตาลออร์แกนิกที่ผ่านกระบวนการทำอย่างพิถีพิถัน แตกต่างกับน้ำตาลเจ้าอื่นๆ ในตลาด รวมไปถึงน้ำปลา ที่บ้านของผมกินยี่ห้อเดียวมาตลอดคือน้ำปลาตราหอยเป๋าฮื้อ เป็นน้ำปลาที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว แม้จะไม่มีขายแบบขวดใหญ่หรือแกลลอน แต่ผมก็ตัดสินใจไม่เปลี่ยนไปใช้ยี่ห้ออื่น เพราะผมอยากให้ลูกค้าได้กินรสชาติเดียวกับเรา เหมือนเป็นศักดิ์ศรีของคนทำอาหารสำหรับผม”
นอกจากความใส่ใจในการคัดสรรวัตถุดิบ การล้างทำความสะอาดก็เป็นอีกเรื่องที่เขาไม่เคยมองข้าม รากผักชีต้องใช้มีดขูดจนเป็นสีขาว พร้อมนำแปรงเล็กๆ มาขัดจนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มีเศษดินตกค้าง ล้างส่วนผสมทั้งหมดด้วยน้ำสะอาดถึง 3 รอบ และคัดพริกกระเทียมเม็ดต่อเม็ดเพื่อความเพอร์เฟกต์ของซอสพริกทุกขวด
“ผมใช้เวลาเกือบ 1 วันเต็มในการทำซอสพริกแต่ละครั้ง ต้องเคี่ยวประมาณ 3-4 ชั่วโมง จาก 2 หม้อใหญ่จะงวดจนเข้าเนื้อเหลือ 1 หม้อที่พร้อมขายจริง ด้วยความโฮมเมดทุกขั้นตอน ผมจึงทำได้แค่ครั้งละ 60 ขวด มีป๊า ม้า และแม่บ้านมาช่วยกรอกลงขวด ติดฉลาก ปิดฝาเตรียมแพ็กส่ง มันน่าดีใจตรงที่ธุรกิจเล็กๆ ของเราทำให้สมาชิกครอบครัวที่เคยต่างคนต่างอยู่มีกิจกรรมให้รวมตัวกันมากขึ้น บางวันอาม่าก็เอาซอสพริกมาทำอาหารกินกันเอง บางวันป๊าผมก็หยิบซอสพริกไปถ่ายรูปช่วยขายในกรุ๊ปไลน์เพื่อนๆ อย่างลูกค้ากลุ่มแรกที่ขายได้ก็เป็นเพื่อนเขาทั้งนั้นครับ หลายคนก็ฟีดแบ็กมาติชมและให้คำแนะนำ ผมก็พยายามเอามาปรับปรุงต่อให้ถูกปากคนกินมากที่สุด”
ไมค์แถมทิ้งท้ายว่าซอสพริกของคี้เอ็งพานิชไม่ใส่ผงชูรสและสารกันบูด เก็บได้ไม่เกิน 3 เดือนหลังจากทำเสร็จ ถ้าเก็บนานกว่านั้น รสชาติพริกอาจไม่สดเท่าตอนทำเสร็จใหม่ๆ น้ำส้มสายชูอาจเปรี้ยวขึ้น และตัวซอสจะมีสีเปลี่ยนเล็กน้อย และสำหรับใครที่กินแล้วคิดว่ายังเผ็ดสะใจไม่พอ แนะนำให้สับพริกขี้หนูหยาบๆ ผสมลงไปทุกครั้งที่กิน รับรองว่าเผ็ดสะใจไม่รู้ลืม
ซอสพริกคี้เอ็งพานิช ขวดละ 89 บาท สั่งซื้อได้ที่ https://www.facebook.com/mikeenjoyeating/
ห้ามพลาด! ฟอรัมที่เจาะลึก New Normal ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย จากวิทยากรระดับประเทศ 40 คน ซื้อบัตรงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM ที่ https://www.eventpop.me/e/8705-economic-forum
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
