‘ฮาย-ปวิศรัฐฐ์ ติยะไพรัช’ รับอาสารีแบรนด์เพื่อชาติ พร้อมสู้ทุกกติกาในสนามเลือกตั้ง เวลาจะพิสูจน์ฝีมือ

THE STANDARD พูดคุยกับ ‘ปวิศรัฐฐ์ ติยะไพรัช’ หรือ ฮาย อดีตผู้บริหารสโมสรฟุตบอลลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด ที่วันนี้ก้าวเข้ามาเพื่อเปลี่ยนแปลงพรรคเพื่อชาติ ในบทบาทหัวหน้าพรรคคนใหม่ โดยมี จารุพล เรืองสุวรรณ นั่งเก้าอี้เลขาธิการพรรค

ฮายออกตัวกับเราว่าเธอเป็นคนคนหนึ่งที่มีความต้องการอยากเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการเมืองประเทศไทย อยากเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสถาบันพรรคการเมือง ฮายจึงเสนอกับทีมงานสมาชิกพรรคเพื่อชาติว่าถึงเวลาที่พรรคเพื่อชาติต้องรีแบรนด์ ทำให้สมาชิกพรรคไว้วางใจเลือกฮายให้เป็นหัวหน้าพรรค รับภารกิจกัปตันทีมเพื่อชาติฉบับรีแบรนด์ในวันนี้

THE STANDARD ชวนปวิศรัฐฐ์คุยถึงความเป็นไปของพรรคเพื่อชาติและจุดขายต่อจากนี้ไปในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของฤดูหาเสียงเลือกตั้ง 180 วันก่อนครบอายุสภา เพื่อทำความรู้จักตัวตนของหัวหน้าพรรคเพื่อชาติคนใหม่ กับสนามแข่งขันใต้กติกาใหม่สูตรหารร้อยที่สะท้านพรรคเล็กกันถ้วนหน้า

ช่วงท้ายของการพูดคุย ฮายยังแย้มถึงการเปิดตัวทีมบริหาร เปิดนโยบายอย่างเป็นทางการที่จะมีขึ้นในวันฤกษ์สำคัญของประวัติศาสตร์ขบวนการเคลื่อนไหวทางประชาธิปไตย 14 ตุลาคมนี้ ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต

ก่อนอื่นนั้นปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘ติยะไพรัช’ คือนามสกุลนักการเมืองที่มีบทบาท บทบาทของคุณพ่อมีอิทธิพลหรือไม่

ฮายเติบโตมากับครอบครัวที่คุณพ่อคุณแม่ พี่ชายพี่สาว เข้าสู่การเมือง แต่สิ่งที่ทำให้ฮายตัดสินใจคือจากประสบการณ์การเห็นความอยุติธรรมที่เกิดขึ้น ทำให้เราเลือกศึกษาด้านนิติศาสตร์ แล้วก็ในเรื่องความรู้สึก ฮายรู้สึกว่าสังคมการเมืองไทยต้องมีการเปลี่ยนแปลงอีกมาก แม้ว่าการเข้าสู่การเมืองเราจะต้องเจอกับสิ่งที่เราเห็นมาตลอดก็ตาม ถ้าในอดีตเราคิดว่าคงไม่เข้ามาสู่การเมือง เพราะคิดว่าการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มาถึงวันนี้ เรามีประสบการณ์ มีความพร้อม เราจึงคิดว่าถ้าไม่เริ่มวันนี้แล้วตอนไหนสถาบันพรรคการเมือง การเมืองไทย จะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฮายเลยมองว่าตอนนี้คือโอกาสที่เราจะเสนอการเปลี่ยนแปลง

อะไรคือจุดที่มองว่าวันนี้คือวันที่คุณฮายพร้อมแล้ว

จากที่บอกไปว่าก่อนหน้านี้คิดว่าฮายเคยมองว่าเราต้องการเปลี่ยนแปลง แต่ก็ยังเคยคิดว่าเราอยู่ที่ไหนเราก็เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงได้ อย่างที่เลือกเรียนสายนิติศาสตร์ก็เพราะเคยอยากเข้าไปเปลี่ยนแปลงในวงการตุลาการ ข้าราชการศาลยุติธรรม แต่ด้วยมุมคิดแบบเดียวกันฮายก็เข้ามาทำสโมสรลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความเปลี่ยนแปลง และเช่นเดียวกับตอนนี้ ฮายคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ฮายต้องเข้ามาเพื่อเปลี่ยนแปลงพรรคเพื่อชาติ ถึงเวลาที่เพื่อชาติต้องรีแบรนด์ ต้องเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างอย่างเร่งด่วน เพื่อเสนอสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่มีใครเสนอมาก่อน ประกอบกับการมีทีมงานที่มีความเชื่ออย่างแรงกล้า ทำให้เรากล้าเข้ามาเปลี่ยนแปลง

คุณฮายจะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงไปจนถึงวันเลือกตั้งในฐานะตัวจริงของพรรคแน่นอนแล้วใช่ไหม

ในเรื่องของคำว่าตัวจริงคือสิ่งที่ฮายคิดเลยว่าในมุมคนนอกก็คงมองกันว่าพรรคเพื่อชาติคือตัวสำรอง ฮายอยู่วงการกีฬา ฮายเชื่อว่านักกีฬาและคนส่วนใหญ่ก็ต้องการเป็นตัวจริง ฮายมีหน้าที่พิสูจน์ว่าเราเป็นตัวจริง ตัวจริงสำหรับฮาย เราต้องเชื่อว่าเราเป็นอย่างนั้นจริงๆ ทำอย่างไรนั้น ฮายมองว่าสถาบันพรรคการเมืองตอนนี้อิงกับระบบอำนาจนิยม สั่งการจากบนลงล่าง เราจึงต้องเปลี่ยนแปลง เรามีเป้าหมายหลักหลากหลาย แต่เราจะเริ่มจากในพรรคเราที่จะสร้าง Partnership Culture สร้างการมีส่วนร่วมในทุกมิติ

อย่างมิติเรื่องเพศ เราก็ต้องมองทุกเพศอย่างเท่าเทียม ดังนั้นการจะคิดว่าต้องชูฮายเพื่อเป็นผู้หญิง เป็นคนรุ่นใหม่ หรือไม่นั้น ทั้งฮายและทีมงานไม่ได้มองแบบนั้น เพราะเรามองว่าเรื่องเพศ เรื่องวัย ไม่ได้สำคัญต่อการทำหน้าที่ ไม่สำคัญต่อการจะเป็นผู้นำ เราก้าวข้ามเรื่องนั้นไปกันแล้ว เช่นกันกับเรื่องที่สองคือความเสมอภาค ที่จะต้องเสมอภาคทั้งกรอบวิธีคิด การลงมือทำ และเรื่องที่สามคือเพื่อชาติ ปฏิเสธความรุนแรงทุกรูปแบบ ทั้งความรุนแรงที่มองเห็นและความรุนแรงที่มองไม่เห็น เรื่องที่สี่ สุดท้ายคือเรามองถึง Power Sharing การแชร์อำนาจกัน ไม่ Top Down นี่คือการเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงสถาบันพรรคการเมืองที่เริ่มจากในพรรคเอง

ถ้าเรามองแบบทีมฟุตบอล วันนี้เป็นอีกความท้าทายของคุณฮายที่จะเป็นผู้นำทีม ตั้งแต่ตอนเข้ามาบริหารสโมสรฟุตบอลเลย โดนถามตั้งแต่วันแรกว่าไหวเหรอกับการนำทีมนักฟุตบอลชาย สิ่งที่ฮายตอบในวันนั้นคงตอบได้แค่ว่าเรามีเป้าหมายเป็นแชมป์ เป็นตัวแทนระดับเอเชีย เป็นตัวแทนประเทศไทย ไม่ได้เป็นตัวแทนของภาคเหนือ

วันนั้นฮายมีเพียงคำพูด แต่การลงมือต่อจากนั้นจะตอบโจทย์ภายหลังว่าภายใต้การนำของประธานฮายนำทีมไปสู่ความสำเร็จอย่างไร และเรามีวิธีบริหารจัดการภายในให้พร้อมสู้กับทีมอื่นที่พร้อมด้วยทรัพยากรมากกว่าเราหลายเท่าอย่างไร ก็ไม่ต่างจากตอนนี้ที่คนมองว่าพรรคเพื่อชาติคือพรรคเล็ก พรรคตัวสำรอง แต่ความเชื่อของฮายคือถ้าเราฝันใหญ่เราตั้งใจทำมีเป้าหมายมีจุดยืนที่ชัดเจน

ที่สำคัญฮายมีเวลาที่จะทุ่มเทกับงานที่ฮายเชื่อได้สุดตัวสุดใจ ดังนั้นไม่ว่าจะกี่สิบปีถ้าฮายปฏิรูปสถาบันพรรคการเมืองได้สำเร็จ รวมถึงเรื่องการศึกษา ซึ่งฮายคิดว่าเป็นต้นตอของปัญหาทั้งหมด วันนั้นก็คงได้มองย้อนกลับมาเพื่อพิสูจน์ว่าฮายพูดจริงหรือไม่

สำหรับทีมประเทศไทย คุณฮายคิดถึงผู้นำที่มีคุณสมบัติแบบไหน

การรับฟังคือคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของผู้นำ สองก็คือความเห็นอกเห็นใจ การพร้อมรับรู้รับฟังต้นตอปัญหา ฟังให้ถึงรากของปัญหา เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนมากที่สุด เพื่อแก้ปัญหาของประชาชนอย่างตรงจุด

วันนี้คุณฮายวางเป้าหมายไปถึงจุดไหนในสนามการเมืองไทย

เราคงไม่ได้มองว่าเราต้องไปถึงเป้าหมายในการเลือกตั้งครั้งแรก เราพยายามให้ดีที่สุด เริ่มให้เร็วที่สุด ไม่ว่าเราเป็นอะไรก็ตาม เราจะเป็นตัวผลักดันการแก้ไขปัญหา สำคัญที่สุดคือเรื่องการศึกษา คือเรื่องของคน คนจะต้องมีการศึกษา มีความรู้สึกว่ามีทักษะมีคุณค่าที่จะพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน

ภายใต้สูตรคณิตศาสตร์การเมืองตอนนี้ คำว่าสูตรหารร้อยที่น่าจะส่งผลกับพรรคการเมืองหลายๆ พรรค พรรคเพื่อชาติเองวันนี้ได้รับผลกระทบหรือไม่ พรรคเพื่อชาติที่เป็นฝ่ายค้านอยู่ในวันนี้จะวางเป้าหมายอย่างไร

กติกาสำหรับฮายเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน เปลี่ยนแปลงได้เสมอ แต่อย่างที่เคยทำทีมฟุตบอล ไม่ว่ากติกาเป็นแบบไหนต้องพร้อมสู้เสมอ สนามนี้ก็ไม่ต่างกัน

ถ้าแบบนั้นเพื่อชาติมีหมัดเด็ดอะไรที่จะขายในสนามแข่งขันใต้กติกาหารร้อยนี้ มีไอเดียนโยบายด้านไหนที่เป็นจุดขายของเพื่อชาติ

เศรษฐกิจปากท้องเป็นเรื่องสำคัญแน่นอน แต่ถ้าได้มองลึกลงไปเราจะเห็นประเด็นสำคัญคือเรื่องพลังงานกับเรื่องการใช้ Soft Power รอเราอยู่ เริ่มที่ Soft Power ก่อน คือสำหรับฮายที่จริงมันมีหลายมิติ แต่เหมือนที่ผ่านมาเราเน้นมองเห็นเพียงมิติวัฒนธรรมมิติเดียว เราให้ชุดคุณค่ากับคุณค่าดั้งเดิมที่มองแบบแบนราบ แต่จุดยืนของพรรคเพื่อชาติคือการมอง Soft Power ในแง่การโอบรับความหลากหลายแตกต่างทางวัฒนธรรม พื้นถิ่น อัตลักษณ์อื่นๆ ที่สร้างแรงกระเพื่อมกับเศรษฐกิจและสังคมได้ เช่น ซีรีส์วาย ที่ได้รับความสนใจจากต่างชาติกันมาก แต่ภาครัฐไทย กลไกกระทรวงต่างๆ ไม่ได้ให้การสนับสนุนส่งเสริมอย่างจริงจัง เพราะยังยึดติดกับคุณค่าทางสังคมแบบเดิมๆ แม้แต่กฎหมายการสมรสเท่าเทียมเรายังไม่มีเลย แล้วเราจะผลักดันเรื่องนี้อย่างไรให้เกิดประโยชน์ได้จริงๆ

นโยบายของเราจะมองลงลึกถึงต้นเหตุแล้วจะแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด ซึ่งสำหรับพรรคเพื่อชาติเรามุ่งเน้นไปที่นโยบายด้านการศึกษาเพื่อไปสู่เศรษฐกิจที่สร้างสรรค์ ก็อยากให้คอยติดตามนโยบายของพรรคที่จะเปิดตัวเร็วๆ นี้

แต่ถ้ากลับมามองที่เรื่องเร่งด่วนเฉพาะหน้า กับแนวทางจัดการเรื่องปากท้องสำคัญวันนี้คือเรื่องพลังงาน เรื่องค่าไฟ สิ่งที่เพื่อชาติมองไม่ได้มีเฉพาะเรื่องผิวเผินอย่างการอุดหนุนช่วยเหลือค่าไฟ เพื่อให้ประชาชนวันนี้มีเงินเหลือในกระเป๋าเพิ่มขึ้น แต่ต้นตอสำคัญก็คือเรื่องความโปร่งใสในการบริหารจัดการนโยบายพลังงาน เพื่อให้เกิดการตรวจสอบว่าสาเหตุที่เราต้องจ่ายค่าไฟแพงเป็นเพราะอะไร ทั้งที่เราผลิตพลังงานได้เพียงพอ เราก็น่าจะมีไฟราคาถูก แต่เพราะสัญญาสัมปทานที่รัฐทำกับเอกชน การซื้อขายไฟจากต่างประเทศหรือเปล่า ที่เป็นการผลักภาระหรือเกิดภาระกับประชาชน ดังนั้นการเปิดเผยโปร่งใสให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลจึงเป็นสิ่งสำคัญ นี่คือการไปสู่ทางแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนทั้งระบบ

พูดถึงนโยบายการศึกษา ก่อนจะเปิดตัว 14 ตุลาคมที่จะถึงนี้ มีจุดเด่นที่พอจะเล่าได้ไหม เรียกได้ว่าเป็นเรื่องเผือกร้อนเหมือนกัน เพราะเราก็เพิ่งผ่านการถกเถียงในสภากันเรื่องกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษากันไปเมื่อเดือนที่ผ่านมา

เพื่อชาติมองที่อีก ก. คือ กศน. นี่คือเรื่องที่ถูกทอดทิ้ง ทั้งที่ กศน. มีอยู่ทุกชุมชน เราต้องการให้ กศน. เป็นการศึกษาตามอัธยาศัยอย่างแท้จริง ผู้เรียนดีไซน์การศึกษาได้จริงและไม่ถูกทำให้รู้สึกว่าถูกลดทอนคุณค่า เราจะมองการศึกษาในทุกมิติจริงๆ อย่างหันมามองที่เราได้ลงมือทำไป ฮายจะพัฒนาหลักสูตรพัฒนานักฟุตบอลเยาวชนให้สู้กับต่างประเทศได้

วางเป้าหมายหลังรีแบรนด์ไว้กี่ที่นั่งและแคนดิเดตนายกฯ ของพรรควางไว้แล้วหรือยัง

แน่นอนว่าเป้าหมายเราคือต้องมากกว่าเดิม แต่คนที่จะอนุมัติให้เราไปถึงเป้าหมายหรือไม่ก็คือประชาชน ถึงอย่างไรเราก็จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับประชาชน เพื่อชาติสามารถสร้างชัยชนะในทุกมิติ เพราะเราให้คุณค่ากับชัยชนะในระหว่างการเดินทางด้วย สำหรับแคนดิเดตนายกฯ ต้องยอมรับว่าฮายอายุไม่ถึงคุณสมบัติที่กำหนดของแคนดิเดตคือ 35 ปี แต่เพื่อชาติก็จะเสนอคนที่มีคุณสมบัติ มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งเราจะมีงานเปิดตัวพรรคอีกครั้ง ต้องรอติดตาม 14 ตุลาคมนี้