คนใกล้ตัวคุณนั่งนานไปหรือเปล่า? วิจัยชี้การนั่งอยู่กับที่นานอาจทำให้กล้ามเนื้ออ่อนล้าเร็วขึ้น

จากผลการศึกษาชิ้นล่าสุดพบว่า เวลาแต่ละชั่วโมงที่เราใช้นั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือสามารถลดอายุขัยเราได้ประมาณ 22 นาที (อันเป็นแนวคิดเดียวกับการสูบบุหรี่ 1 มวนทำให้อายุสั้นลงราว 11 นาที) โดยเฉพาะผู้ที่เริ่มมีอายุมากขึ้น การนั่งอยู่กับที่นานๆ อาจส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว

การนั่งอยู่กับที่นานๆ ส่งผลเสียต่อสุขภาพในหลายด้าน โดยเฉพาะในผู้สูงวัย สาเหตุคือเมื่อเรามีอายุมากขึ้น การสูญเสียกล้ามเนื้อจะเกิดขึ้นเร็วกว่าตอนเป็นวัยรุ่น นักวิทยาศาสตร์ยังชี้ให้เห็นว่า การขาดการออกกำลังกายส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างมากเมื่อสูงวัย เพราะอาจทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้อขาอ่อนแรง หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ผู้สูงอายุเกิดความรู้สึกหมดอิสรภาพ โดดเดี่ยว อาจรุนแรงถึงขั้นเป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิตก่อนวัยอันควร เพราะขาเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เราสามารถเดินเหินไปยังที่ต่างๆ ได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะไปซื้อกาแฟ ขึ้นบันได หรือออกท่องเที่ยว

ซึ่งการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารด้านสรีรวิทยา The Journal of Physiology ได้นำผลลัพธ์ของอาสาสมัครสูงอายุที่ต้องนอนโรงพยาบาลเป็นเวลากว่า 2 สัปดาห์มาเปรียบเทียบกับอาสาสมัครวัยรุ่น พบว่า ผู้สูงอายุที่อยู่กับที่เฉยๆ ไม่มีการใช้งานกล้ามเนื้อมีการตอบสนองของกล้ามเนื้อที่ถูกควบคุมโดยระบบประสาทที่เปลี่ยนไป เพราะเกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนล้าทำให้ไม่มีแรง และผู้ป่วยสูงอายุจะฟื้นตัวได้ยากกว่าผู้ป่วยวัยรุ่น นอกจากนั้นการอยู่กับที่นานๆ ยังส่งผลต่อระบบเผาผลาญและความสามารถในการเคลื่อนไหวอีกด้วย และจากการศึกษาผู้สูงอายุ 24,000 คน ในเมืองนอร์ฟอล์ก (Norfolk) ประเทศอังกฤษ ก็พบว่า ผู้สูงอายุที่มีการเคลื่อนไหวร่างกายมีโอกาสเกิดภาวะหัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดในสมองลดลงถึง 14% เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่ไม่ทำกิจกรรม

ทั้งนี้ผู้สูงอายุควรหลีกเลี่ยงการนั่งหรือนอนอยู่กับที่นานๆ และหากิจกรรมที่ได้เคลื่อนไหวร่างกายทำเพื่อกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อ เช่น

การมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมกับครอบครัว
การเดินเล่น หรือเดินไปสถานที่ต่างๆ การเดินขึ้นลงบันได
การทำสวน การปลูกต้นไม้ หรือทำงานบ้าน
การออกกำลังกาย เช่น เต้นลีลาศ, รำไทเก็ก, ตีกอล์ฟ, ปั่นจักรยาน, ว่ายน้ำ, เปตอง, ปิงปอง
การเข้าสังคม เข้าร่วมชมรมหรือสมาคมต่างๆ เพื่อทำกิจกรรมและพบเจอผู้คน

ลองหันมองคนรอบตัวในบ้านแล้วชวนกันผละออกจากหน้าจอมือถือ แท็บเล็ตและทีวีไปทำกิจกรรมอะไรกันดีไหม?

อ้างอิง: