×

ถึงเวลาฟัง เสมือนพูดครั้งสุดท้าย บทเพลงของคนรุ่นใหม่ที่อยากให้ทุกคนฟัง ก่อนทุกอย่างจะ ‘พัง’ ไปมากกว่านี้ จากวง mints

26.03.2021
  • LOADING...
วง Mints

“อยากให้ทุกคนฟัง เสมือนพูดครั้งสุดท้าย” 

 

เป็นเรื่องบังเอิญที่น่าสนใจ (และน่าเศร้า) เมื่อเสียงที่เราได้ยินจาก มายด์-ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล ผู้หญิงตัวเล็กแต่ทรงพลัง (และแนวร่วมกลุ่มราษฎรอีกหลายคน) ดังขึ้นกลางเวทีแยกราชประสงค์ เมื่อคืนวันที่ 24 มีนาคม 2564 สอดประสานซ้อนทับกับท่อนที่ร้องว่า

 

“ยอมรับความจริงที่ได้เกิด ถึงเวลาที่ต้องเปิด 

อย่าฝืนจนทำให้เราไม่อาจมองหน้ากัน
สิ่งที่ไม่ดีก็ทิ้งไป รับฟังมันด้วยหัวใจ
ในวันที่ยังไม่สายไป” 

 

ในเพลง ถึงเวลาฟัง / Hear(t) ของ อัด-อวัช รัตนปิณฑะ และ ตน-ต้นหน ตันติเวชกุล สองศิลปินหนุ่มวง mints จากค่าย What The Duck ที่เพิ่งปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 18 มีนาคม พอดี 

 

จุดร่วมที่คล้ายกันของมายด์และวง mints คือทั้งเขาและเธอเป็นเด็กรุ่นใหม่ที่กล้าออกมายืนหยัดเพื่อแสดงความคิดเห็นในประเด็นที่แตกต่าง เป็นส่วนหนึ่งช่วยผลักดันและพัฒนาประเทศให้ดีขึ้นตามความคิดและแนวทางของตัวเอง

 

 

มายด์คือเด็กวัยรุ่นอายุ 25 ปี หนึ่งในแกนนำผู้จัดม็อบแฮร์รี พอตเตอร์ เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2563 เป็นแนวร่วมกลุ่มราษฎรที่ถูกแจ้งข้อหาจากคดีชุมนุมหน้าสถานทูตเยอรมนี ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และยุยงปลุกปั่นฯ มาตรา 116 รวมถึงข้อหาอื่นๆ (ล่าสุดอัยการเลื่อนนัดสั่งคดีไปเป็นวันที่ 13 พฤษภาคม 2564) แต่เธอก็ยังยืนยันที่จะพูดในสิ่งที่เธอคิดด้วยความบริสุทธิ์ใจต่อไป ถึงแม้ว่าจะต้องเสี่ยงแค่ไหนก็ตาม 

 

 

ส่วนอัดและตนก็เป็นวัยรุ่นอายุ 25 และ 21 ปี เริ่มต้นจากการเป็นนักแสดงใน ฮอร์โมนส์ วัยว้าวุ่น เดอะ ซีรีส์ ของค่าย GDH ก่อนที่จะรวมตัวกันเป็น mints วงดนตรี Alternative Pop มีผลงานอย่าง ยังไงดี, เหลือ, ไม่ง่าย, พร้อม, ขอบคุณ และ Lovephobia 

 

ถ้ามองจากภาพลักษณ์ภายนอก ทั้งอัดและตนคือ ‘ป๊อปไอคอน’ ที่มีแฟนคลับรุ่นใหม่ติดตามผลงานอยู่ไม่น้อย แต่ถ้ามองให้ลึกกว่านั้น พวกเขาคือตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่มีความแตกต่าง กล้าที่จะแสดงออกในความคิดที่ผู้ใหญ่หลายคนไม่อยากรับฟังอย่างชัดเจน

 

อย่างตนที่ช่วยปลุกกระแสแฟชั่นการแต่งตัวที่ทลายขีดจำกัดเรื่องเพศด้วยการใส่กระโปรงขึ้นไปเล่นคอนเสิร์ต 

 

และอัดที่มีบทบาทหนึ่งเป็นนักรณรงค์เพื่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเป็นศิลปินรุ่นใหม่คนแรกๆ ที่กล้าออกมา Call Out แสดงจุดยืนทางการเมือง เมื่อเห็นความรุนแรง ความไม่ยุติธรรมเกิดขึ้นในสังคม ถึงแม้จะต้องแลกด้วยโอกาสในการทำงานบางอย่างที่ต้องเสียไป

 

รวมทั้งในเพลง ถึงเวลาฟัง ที่พวกเขาหยุดพักการทำเพลงไป 1 ปีเต็ม ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ตกตะกอน จนรู้สึกว่าอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองที่เคยนำเสนอแต่เพลงรัก มาใช้เสียงเพลงเป็นกระบอกเสียงในการบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในสังคม

 

วง mints ที่ล้างไพ่มาใหม่ เริ่มต้นด้วยการหยิบเรื่อง ‘ความแตกต่างระหว่างเจเนอเรชัน’ หนึ่งในปัญหาที่สร้างความขัดแย้งในสังคมได้มากที่สุด มานำเสนอผ่านดนตรีจังหวะหนักขึ้นกว่าเดิม และเนื้อร้องในลักษณะชวนทำความเข้าใจ ไร้การประชดประชัน 

 

พาร์ตมิวสิกวิดีโอนำเสนอ 2 มุมมอง ผ่านชายสูงวัยที่อยากเล่นเซิร์ฟสเกต แต่อาจเพราะความกลัวบาดเจ็บ กลัวโดนเด็กๆ ล้อเลียน ไม่กล้าเปิดใจ เขาทำได้แค่ใส่ ‘แว่นแห่งความฝัน’ แล้วจินตนาการเอาว่า ได้ย้อนเวลาไปวัยรุ่นแล้วสามารถเล่นเซิร์ฟสเกตได้อย่างใจ 

 

กับอีกมุมมองหนึ่งของเด็กวัยรุ่นที่รู้ความต้องการของตัวเองว่าอยากหยิบกระโปรงมาสวมใส่มากกว่ากางเกงขาสั้น แต่กลัวพ่อแม่ไม่ยอมรับ ได้แค่ใส่แว่นแห่งความฝัน จินตนาการไปถึงรอยยิ้มของพ่อแม่อยู่ในห้องเงียบๆ เพียงลำพัง 

 

ถึงแม้จะเป็นมุมมองที่แตกต่างของคนทั้งสองวัย แต่ทางออกที่ดีที่สุดไม่ต่างกันคือการถอดแว่น เปิดตาที่ถูกครอบด้วยวาทกรรม มายาคติ และความกลัว เปิดหัวใจกล้าพูดและรับฟังในความคิดเห็นที่แตกต่าง 

 

แน่นอนว่าการเอาตัวขึ้นไปยืนบนแผ่นเซิร์ฟสเกตย่อมอันตรายกว่าการเดินเล่นบนความฝัน และการเปิดเผยเรื่องความหลากหลายทางเพศอาจทำให้เกิดความขัดแย้งในตอนต้น ซึ่งในมิวสิกวิดีโอก็ไม่ได้บอกบทสรุปตายตัวว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร 

 

แต่อย่างน้อยที่สุดเรามั่นใจได้ว่า การพยายามเปิดใจรับฟังความคิดเห็นแตกต่างที่อาจขัดแย้งกันบ้าง แต่ทุกคนสามารถว่ากล่าวและถกเถียงกันได้ด้วยเหตุผล ไม่ใช่ตัดสินแค่ว่าใครคือผู้มีอำนาจ หรือใครอาบน้ำร้อนมาก่อน คือกระบวนการเริ่มต้นขับเคลื่อนสังคมไปสู่ยุคที่ดีกว่า 

 

 

“I can be the one 

You can be the one”

 

ถ้าสังเกตในมิวสิกวิดีโอ จะเห็นวง mints และกลุ่ม ‘คนรุ่นใหม่’ ล้อมวงเล่นดนตรี ที่เปรียบเสมือนเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันด้วยรอยยิ้มที่สนุกสนาน พร้อมกับร้องเพลงท่อนนี้ซ้ำๆ เพื่อบอกว่า ทุกคนสามารถเป็น ‘The One’ หรือคนนั้นที่ยินดีรับฟัง เพียงแค่ลดช่องว่างระหว่างวัย เปิดหัวใจให้กว้าง แล้วลองมา ‘ฟัง’ สิ่งที่พวกเขาตั้งใจ ‘พูด’ กันอีกสักครั้ง ก่อนที่สถานการณ์ทุกอย่างจะแตกร้าวและพังไปมากกว่านี้

 

สุดท้ายเราไม่รู้ว่าข้อความจากเพลง ถึงเวลาฟัง จะไปถึงหูคนฟังได้มากเท่าไร แต่อย่างน้อยก็ขอขอบคุณทั้งอัดและตน วง mints ที่เลือกนำเสนอแง่มุมนี้ออกมา 

 

เราไม่รู้ว่าสิ่งที่หลายคนกำลังพูดอยู่ในขณะนี้จะไปถึงหูผู้ใหญ่ และถูกผลักดันไปได้ไกลขนาดไหน แต่อย่างน้อยก็ขอขอบคุณ ‘คนรุ่นใหม่’ ที่กล้าหาญ เสียสละตัวเองออกไปต่อสู้เพื่อคนอื่น 

 

และขอบคุณล่วงหน้าสำหรับ ‘ผู้ใหญ่’ อีกหลายคน ที่เราเชื่อว่าจะพร้อมเปิดใจรับฟังเสียงของยุคสมัยใหม่มากกว่านี้ เพื่อช่วยกันเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ให้ดีขึ้นในอนาคต เหมือนที่ตนเคยให้สัมภาษณ์กับเพจ Echo เอาไว้ว่า 

 

“พยายามกันต่อไป ตอนนี้แม่งก็มาไกลฉิบหายแล้ว”

 

รับชมมิวสิกวิดีโอเพลง ถึงเวลาฟัง / Hear(t) ได้ที่

mints – ถึงเวลาฟัง / hear(t). [Official MV] – YouTube

 

ภาพ: What The Duck และ THE STANDARD

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising